หลังจาก “ชาร์ลี” เปิดตัวว่าเขาเป็นเกย์ เขาก็ใช้ชีวิตปกติในโรงเรียนมาตลอด ด้าน “นิก” หนุ่มน้อยนักกีฬารักบี้ของโรงเรียนเคยได้ยินเรื่องของชาร์ลีมาบ้าง แต่พวกเขาไม่เคยได้คุยกัน วันหนึ่งพวกเขาได้มาจับคู่กันทำกิจกรรม จึงเริ่มรู้จักและเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ทั้งคู่ได้เรียนด้วยกัน ทำกิจกรรมชมรมร่วมกัน และได้กลายเป็นเพื่อนสนิท กระทั่งชาร์ลีเริ่มคิดว่าความรู้สึกที่มีต่อนิกอาจเกินกว่าเพื่อนและคิดว่าตัวเองคงเผลอตัวตกหลุมรักนิกไปแล้ว

ก็เราดูซีรีส์มาก่อนแล้วค่ะ แล้วค่อยมาอ่านหนังสือทีหลัง แล้วก็เคยดูการ์ตูนสั้นมาก่อนด้วย ช่วงที่เรื่องนี้เป็นซีรีส์ก็เรียกได้ว่าเป็นกระแสพอสมควร ประสบความสำเร็จเลยล่ะ พอมาอ่านหนังสือการ์ตูนก็รู้สึกซีรีส์ทำได้เหมือนต้นฉบับมาก โดยเฉพาะนิก เนลสัน ก็เหมือนแบบเหมือนเดินออกมาจากการ์ตูนเลย แคสพระเอกมาได้ดีมากๆ

หนังสือการ์ตูนเล่มหนึ่งจะอยู่ในช่วงที่นิกกับชาร์ลีพึ่งรู้จักกัน มีโอกาสได้นั่งข้างกัน นิกก็คือเป็นพวกหนุ่มรักบี้ของโรงเรียน ส่วนชาร์ลีเคยโดนบูลลี่เพราะเป็นเกย์มาก่อน ช่วงเล่ม 1 คือช่วงที่สองคนนี้เริ่มตกหลุมรักกันล่ะค่ะ

หลังจากนิกเข้าใจความรู้สึกตัวเองมากขึ้น เขาก็เริ่มคบหากับชาร์ลี แต่สังคมรอบข้างมีทั้งคนที่เข้าใจและไม่เข้าใจในความเปลี่ยนแปลงของนิก เขาจะก้าวข้ามผ่านทุกอย่างและรักษาความสัมพันธ์นี้ไว้ได้หรือไม่

ช่วงจบเล่ม 2 คือตอนจบของซีรีส์ซีซั่น 1 พอดีค่ะ ก็เรียกได้ว่าเล่ม 1-2 เป็นซีรีส์ซีซั่นหนึ่งนั่นเอง ลายเส้นฉบับการ์ตูนค่อนข้างสบายๆ แนวลายเส้นการ์ตูนเด็กฝรั่ง ตัวเนื้อหาเองตรงไปตรงมามาก ตั้งใจให้เข้าใจง่าย แล้วก็น่าจะทำมาเพื่อสื่อสารกับเด็กๆ ที่อยู่ในช่วงที่สับสนกับชีวิตเหมือนนิกหรือชาร์ลี คือแบบอ่านไปแล้วอาจจะรู้สึกว่าการ์ตูนมันกำลังสอนอะ (ซึ่งปกติเราไม่ค่อยชอบอะไรที่ชัดเจนแบบนี้ เหมือนมีสารหนึ่งอยากพูดแล้วก็ให้ตัวละครพูดออกมาตรงๆเลยแบบไม่ต้องตีความ) เช่นแบบมีหลายฉากที่นิกจะถูกพูดด้วยว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องเปิดตัวกับใครทั้งนั้น หรือเปิดตัวตอนไหน มันไม่ได้มีกฎว่าทุกคนต้องทำแบบนั้น มันไม่จำเป็นเลยด้วย หนังสือสื่อสารออกมาอย่างตรงไปตรงมามาก แล้วก็เรียบง่ายมาก แต่เราคิดว่าเค้าน่าจะตั้งใจให้มันเป็นแบบนั้น อยากจะบอกกับวัยรุ่นทุกคนที่อยู่ในสถานการณ์นี้ด้วยประโยคเดียวกันนั้น และบอกในแบบที่ไม่ต้องตีความซ้ำสอง

ในที่สุดนิกกับชาร์ลีก็คบหากันอย่างจริงจัง ทั้งคู่ได้ไปทัศนศึกษาด้วยกันครั้งแรกที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งความรัก มนต์ขลังของที่นี่จะช่วยให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก้าวหน้าขึ้นอีกหรือเปล่า และพวกเขาจะกล้าเปิดตัวกับทุกคนว่าเป็นแฟนกันแล้วหรือไม่

เล่มนี้เป็นเนื้อหาที่เลยจากซีรีส์ภาคหนึ่งมาแล้ว เป็นการไปทัศนศึกษาที่ปารีส เจอเพื่อนใหม่ๆที่โรงเรียนฮิกส์อีกเยอะแยะ ได้บอกเรื่องของนิกและชาร์ลีให้เทารู้ เทาเองก็ได้สานสัมพันธ์กับเอลล์แล้ว นิกกับชาร์ลีก็สวีทกันมาก นิกรักชาร์ลีมากกกแบบเห็นได้ชัดเลย แล้วก็เปิดตัวกับเพื่อนๆที่นี่ด้วย เล่มนี้คัมมิ่งเอ้าแบบอบอุ่นมาก มีหลายฉากเลยที่เราแอบน้ำตาซึม ฉากปาร์ตีวันเกิดของทาร่าก็สนุกมาก แล้วก็อาจารย์ทั้งสองคนอีก

นิกเองก็เริ่มสังเกตเห็นปัญหาของชาร์ลี เรื่องการกินอาหาร ส่วนตัวนิกก็มีพี่ชายนิสัยไม่ดีอย่างเดวิดและมีพ่อชาวฝรั่งเศสที่กลับบ้านมาปีละครั้ง

"เมื่อฤดูร้อนผันผ่านสู่ใบไม้ร่วงเข้าปีการศึกษาใหม่ที่นิกกับชาร์ลีจะได้เข้าใจมิติหลากหลายของคำว่า ‘ความรัก’

ในเล่ม 4 นี้ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นแฟนกันมา 4 เดือนแล้ว บอก 'ชอบ' กันและกัน...

แต่เมื่อความรู้สึกถึงจุดที่อยากใช้คำว่า 'รัก' ให้อีกฝ่ายได้รับรู้ ชาร์ลีดันไม่แน่ใจว่านิกจะรู้สึกเท่ากับตนแล้วหรือไม่

ส่วนด้านนิกเองก็กำลังวุ่นวายหาทางช่วยเหลือแฟนหนุ่มของเขาจากปัญหาเรื่องการกินอาหารผิดปกติ... พวกเขาทั้งสองจะฝ่าฟันปัญหาที่เกิดขึ้นได้หรือไม่ แล้วความรักจะช่วยเยียวยาความป่วยไข้ได้หรือเปล่า"

เล่มนี้น่ารักมากตรงฉากชาร์ลีบอกรักนิกอะ แบบว่าชาร์ลีกล้าๆ กลัวๆ ปกติชาร์ลีก็เป็นคนคิดมากง่ายอยู่แล้ว ไปบอกนิกตอนนิกอาบน้ำอยู่ นิกก็พรวดพราดออกมาบอกรักตอบแบบน่ารักมากกกกกกกกกก

แต่ปมของเล่มนี้ค่อนข้างหนักเลย แบบว่าชาร์ลีเป็นอะนอเรกเซียบวกกับโรคย้ำคิดย้ำทำ ต้องคุยกับครอบครัว ไปหาจิตแพทย์ ทะเลาะกับแม่ด้วย ดีใจที่ชาร์ลีมีนิกอยู่ด้วยตลอดการเดินทางนี้ นิกมีส่วนสำคัญที่ทำให้ชาร์ลีรู้สึกดีขึ้นมากๆเลยอะ เป็นเล่มที่เราน้ำตาซึมหลายรอบมาก ฉากสองครอบครัวกินข้าวด้วยกันก็แบบอยากจะทุ่มจานอาหารใส่เดวิดมาก เล่มนี้พี่ทอรีเท่มากกกกค่ะ

ก็ 4 เล่มนี้เราอ่านรวดเดียวเลย ก็สนุกดี ค่อนข้างทำให้รู้สึกว่าอยากจะสอนหรืออยากจะบอกเด็กๆวัยรุ่นที่กำลังเผชิญปัญหาเดียวกัน หรือคนที่มีเด็กๆพวกนี้ในชีวิต มีหลายช่วงที่ซาบซึ้งมากจนน้ำตาซึม ความสัมพันธ์ตัวละครน่ารักมากๆ ก็คิดว่าถ้าเล่ม 5 ออกมาก็คงอ่านต่อค่ะ

​