หลังจากหายไปนานเพราะติดภาระและปัญหาหลายอย่าง วันนี้จะกลับมาอัปเดตแล้ว!
คราวนี้จะมีพูดถึงวิชาเรียนปี 1 เทอม 2 (แม้ว่าตอนที่เขียนอยู่เราจะจบปี2 เทอม 1 แล้วก็ตาม) เอาจริง ๆ เริ่มจำอะไรในเทอมนี้ไม่ได้แล้วเพราะผ่านมานานมาก 555555
**เนื้อหานี้เป็นเนื้อหาที่เราเขียนเป็นความเห็นส่วนตัวเรา+เป็นข้อมูลแค่ของปีการศึกษา2563นะคะ
1. Thai Lit
เรียนเกี่ยวกับวรรณคดีไทย 4 เรื่อง อาจารย์ผลัดกันมาสอน พอจบ 1 เรื่องก็มีให้เขียนรายงาน เป็นวิชาที่ได้เขียนบ่อยมากกก ปั่นงานกันเรื่อย ๆ เลย แต่อาจารย์ทุกท่านน่ารักมาก ได้เห็นมุมมองอื่น ๆ เพิ่มจากตอนที่เรียนมัธยมด้วย
2. English II
ไม่ต่างจากเทอมที่แล้วเท่าไหร่ แต่รู้สึกเงียบเหงากว่าเทอมก่อนมาก ๆ ตื่นมาเรียนตอนเช้าด้วยความรู้สึกหดหู่หน่อย ๆ
หนังสือนอกเวลาเทอมนี้ชื่อเรื่อง PET ของ Akwaeke Emezi เทอมก่อนมีดิสคัสในห้องแต่เทอมนี้เปลี่ยนเป็นอัดวิดีโอดิสคัสกันแล้วส่งให้อาจารย์แทน (เหงาเข้าไปใหญ่ 5555)
3. INTRO TRANSL
เป็นวิชาที่ใช้พลังงานในการขุดตัวเองขึ้นจากที่นอนมานั่งเรียนซูม 55555 ได้เรียนการแปลข่าว สารคดี ทั้งแบบ อังกฤษ-ไทย แล้วก็ไทย-อังกฤษเลย แล้วก็มีให้แปลเรื่องสั้นจากอังกฤษเป็นไทย อันนี้ทำเป็นงานกลุ่ม
เซคเราให้จับกลุ่มกันแล้วไปฝึกแปลแบบฝึกหัดในเอกสารประกอบการเรียนมา พอถึงคาบก็เอามาดูด้วยกันในห้อง พอเรียนจบ 1 เรื่องก็จะสอบย่อย 1 ครั้ง
สำหรับเรารู้สึกว่าตัวเองถนัดแปลอังกฤษเป็นไทยมากกว่านิด ๆ 55555 ความจริงแปลข่าวไทยเป็นอังกฤษก็พอทำได้แหละ แต่พอสารคดีไทยเป็นอังกฤษคือจะร้องไห้ คำว่า “ใบเนียม” ภาษาอังกฤษเรียกว่าอะไรกันนะ ;-; 55555
จากที่พูดไปว่าวิชานี้ให้จับกลุ่มแปล เพราะงั้นก็จะต้องคอลงานแปลกับเพื่อนบ่อยมากกก กลุ่มเราตกลงกันว่าให้ต่างคนต่างไปแปลมาแล้วพอวันนัดก็เอาของทุกคนมาดูกันอีกที อาจใช้เวลามากกว่าการดูข้อความแล้วช่วยกันแปลสด ๆ ไปเลยสักหน่อยแต่มันช่วยให้ทุกคนได้ฝึกแปลมาก่อนจริง ๆ แล้วพอวันนัดคอลก็มาดูของทุกคนอีกที เผื่อบางจุดเราไม่มั่นใจ เผื่อบางจุดเราจะได้เห็นตัวอย่างของเพื่อนแล้วจะช่วยพัฒนาทักษะเรามากขึ้นงี้ (ความเห็นส่วนตัวเราน่ะนะ)
ปกติเวลาอ่านแล้วจะแปล+ทำความเข้าใจในหัวเลยแต่พอต้องเขียนหรือพิมพ์ออกมาให้เป็นภาษาที่อ่านเข้าใจง่าย ๆ แล้วยากจัง บางรูปประโยคภาษาเราไม่ใช้แต่ภาษาต้นทางเขาใช้กัน “เราจะทำยังไงให้แปลออกมาเป็นภาษาเราได้อย่างเป็นธรรมชาติกันนะ” เป็นคำถามที่อยู่ในหัวบ่อยมาก แล้วบางครั้งพอแปลภาษาเราไปเป็นอีกภาษาก็ “เขาจะเข้าใจแบบที่เราเข้าใจไหมนะ” โอ๊ย 55555
ยังไงก็ตาม พอเดดไลน์จ่อหลังอยู่ คิดอะไรได้ก็พิมพ์ส่งไปก่อนนั่นแหละ ฮาา
เป็นอีกวิชาที่เราค่อนข้างชอบ (เอ๊ะ) อาจเพราะเราชอบอะไรประมาณนี้อยู่แล้วด้วยเลย Enjoy กับมันพอควร
4. INTRO LANG
วิชาภาษาศาสตร์นั่นเองงง เรียนตั้งแต่หน่วยเสียง ระบบคำ และอะไรต่าง ๆ อีกมากมาย เป็นวิชาที่ 2-3 สัปดาห์แรกเราสนใจและตื่นเต้นกับมันมาก ๆ แต่พอเวลาผ่านไปเริ่มอยากร้องไห้ เรียนไม่เข้าใจ หัวไม่ไปกับภาษาศาสตร์จริง ๆ
แต่ละสัปดาห์จะมีควิซด้วย อาจารย์จะลงควิซหลังเรียนคาบนั้นจบแล้วก็ให้เวลา 1 สัปดาห์ในการทำควิซ
ตอนสอบมิดเทอมเดือดมาก 86ข้อ จำไม่ได้ให้เวลาเท่าไหร่แต่เกือบทำไม่ทัน แต่ไฟนอลนั้นเดือดกว่าเพราะข้อสอบแบ่งเป็นหัวข้อ ๆ ให้เวลา 1 ชั่วโมงกว่า ๆ (Speed test โดยแท้ ข้าคือความเร็ว ทำข้อสอบแข่งกับสายฟ้า!!) มีทั้งข้อเขียน(พิมพ์ตอบ) และข้อชอยส์ ด้วยความที่เราไม่ถนัดภาษาศาสตร์อยู่แล้ว แถมเนื้อหาครึ่งเทอมหลังก็แอดวานซ์(สำหรับเรา)มาก พอสอบเสร็จรู้สึกวิญญาณออกจากร่างเลย
5. GEN PHILOS
วิชาที่ชอบที่สุดอันดับ 2 ของเทอมนี้ เรียนเกี่ยวกับปรัชญาทั่วไป ครึ่งเทอมแรกเป็นอะไรที่ดูนามธรรมมาก ๆ พวกอภิปรัชญา ญาณวิทยา คำถามพวกความจริงคืออะไร อะไรถึงจะบอกว่าสิ่งนั้นมีอยู่จริง ได้เรียนทฤษฎีของนักคิดแต่ละคนก็รู้สึก “ว้าว สุดยอดไปเลย” กับ “นี่มันอะไรกันเนี่ย” สลับกันไป 5555 แล้วก็มีเรื่องปรัชญาจิตด้วย เราชอบเรื่องนี้มาก ประมาณว่าจิตมีอยู่จริงไหม ที่เราคิด เรามีความรู้สึกนี่เพราะเรามีจิตหรือเพราะมันเป็นกลไกการทำงานของสมองและร่างกาย ความจริงแล้วพวกเราอาจจะไม่ต่างจากคอมพิวเตอร์ อีกเรื่องที่ชอบคือเจตจำนงเสรี ประมาณว่าคนเราสามารถเลือกจะทำหรือไม่ทำอะไรได้อย่างมีอิสระไหม ที่เราทำอะไรลงไปเพราะเรามีอำนาจจะตัดสินใจจริง ๆ หรือเพราะมีอะไรควบคุม หล่อหลอมให้เราเป็นแบบนี้
ข้อสอบมิดเทอมแอบยาก แต่คะแนนออกมาน่าภูมิใจมาก ๆ เลย
ส่วนครึ่งเทอมหลังจะเรียนอะไรที่ดูเห็นภาพมากขึ้นอย่างจริยศาสตร์ ปรัชญาสังคม(เรื่องการเคารพเสรีภาพผู้อื่น แบบไหนถึงจะเรียกว่าเคารพ เสรีภาพมีขอบเขตแค่ไหน) ปรัชญากฎหมาย ปรัชญาการเมือง(เรื่องความเท่าเทียม) ตัวอย่างเคสที่เอามาประกอบการเรียนน่าสนใจมากกกก ถ้าให้เขียนเล่าคงยาว ถ้าให้พูดคงใช้เวลาทั้งวัน 5555
อาจารย์จะบรรยายประมาณ 2 ชั่วโมงแล้วเวลาที่เหลือให้เราเข้าห้องเบรกเอาท์ไปดิสคัสกัน แอบซึมที่ทุกคนปิดไมค์ ไม่มีใครพูด เราก็ไม่กล้าพูดไปด้วย แต่ถ้าครั้งไหนเจอเพื่อนที่เฟรนด์ลี่ ชวนคุย เราก็กล้าเปิดไมค์มานั่งดิสคัสด้วย แอบคิดว่าถ้าได้ไปมอคงจะดีกว่านี้ อยากสัมผัสบรรยากาศนั่งดิสคัสกันแบบเห็นหน้ากันในห้องเรียนจังนะ
วิชานี้มีบทความให้เขียนด้วย เซคเราเลือกหัวข้อได้ตามใจแต่ต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียนมาด้วยเพราะเราจะต้องเอาเรื่องที่เรียนมาเขียนวิเคราะห์
ก่อนส่งงานจะมี peer review นั่นคือให้เพื่อนอ่านงานเราแล้วเพื่อนจะคอมเมนต์งานให้ (แต่ไม่ใช่เขียนด่า เขียนแซะว่าบ้งนะ 5555 อาจารย์บอกว่าให้ช่วยตรวจงานคนอื่นว่ามีช่องโหว่ไหม ควรเสริมอะไรไหม เหมือนว่าเราช่วยทำให้งานเขียนของเพื่อนดีขึ้น)
ซึ่งการ peer review ให้คนอื่นสนุกมาก(สำหรับเราอีกนั่นแหละ) พอได้อ่านงานเพื่อนแล้วก็จะรู้สึก “ว้าว คิดได้ไง สุดยอดมาก” บางเรื่องเราเองยังคิดไม่ถึงแต่เพื่อนเขียนมาดีมาก ให้เหตุผลแน่นสุด ๆ ไม่รู้จะเสริมอะไรเลยบางที5555 มีงานของเพื่อนคนนึงที่เราต้องไปหาข้อมูลเพิ่มแล้วรู้สึกว่าเพื่อนเลือกหัวข้อน่าสนใจมาก นั่งอ่านบทความแบบมีความสุข (แล้วก็ลืมงานตัวเองไปเลย แหะ )
หลังเรียนคาบนี้จบทีไรเราต้องมานอนคุยกับตัวเอง พยายามเรียบเรียงข้อมูลทุกอย่างที่รับเข้ามา บางหัวข้อที่เรียนก็ทำให้เรากลับมานั่งคิดยาว ๆ อย่างเรื่อง “คนเรามีจิตไหม” เราใช้เวลาตลอดทั้งบ่ายนอนมองเพดานแล้วคุยกับตัวเอง โอ๊ยยย แต่เป็นวิชาที่เราชอบมาก ๆ และทำคะแนนออกมาได้เป็นที่น่าพอใจมากก ที่ทำคะแนนดี ๆ ไม่ใช่เพราะสนเกรดหรอก แต่เพราะชอบมาก ๆ เลยอยากทำให้เต็มที่แล้วก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ ด้วย!
6. WESTERN CIVILIZATION
วิชาอันเลื่องชื่อ และเป็นวิชาที่ชอบที่สุดในเทอมนี้เลย เป็นวิชาเปิดโลกและล้มล้างความคิดความเข้าใจแบบเก่าที่ติดมาตั้งแต่สมัยมัธยม อาจเพราะเราชอบประวัติศาสตร์สากลอยู่แล้ว (ถึงแม้จะไม่เก่ง แหะ ๆ แต่เราชอบฟังอะไรแบบนี้มาก ๆ เลย) เวลาเรียนวิชานี้ทีไรก็จะตาลุกวาว อาจารย์ทั้งสองท่านเก่งมาก ๆ ชอบการที่อาจารย์เอารูปหลักฐานชั้นต้นโดยเฉพาะจดหมายและหนังสือสมัยนั้นมาให้ดูแล้วก็อ่านและแปลให้ฟังเลย (สารภาพว่าอยากเรียนภาษาละตินเพราะอยากอ่าน text โบราณออกแบบอาจารย์) เป็นวิชาที่ได้ความรู้และมุมมองใหม่ ๆ เยอะมากและวิชานี้ก็เปลี่ยนมุมมองการเรียนประวัติศาสตร์แบบเก่าที่เราเคยเรียนมาไปด้วย
ส่วนตัวเราชอบเนื้อหาช่วงยุค Enlightenment มากกกก เรียนแล้วรู้สึก Enlightenment สมชื่อ
กลางภาคและปลายภาคเป็นข้อสอบชอยส์หมดเลย แต่ถึงเป็นชอยส์ก็ยังตอบไม่ได้อยู่ดี (อ้าว)
เรียนวิชานี้แล้ว list หนังสือที่อยากได้ก็เพิ่มขึ้นแบบงง ๆ เพราะอาจารย์แนะนำให้หลายเล่มเลย เราอยากไปตามอ่านมาก ๆ แต่สถานการณ์ตอนนี้ก็นะ… (มองเงินในกระเป๋า)
เราอยากไปเรียนวิชานี้ในห้อง 503 มาก ๆ แต่เราก็ไม่มีโอกาสเพราะเทอม 2 เรียนออนไลน์ทุกวิชา เสียใจและเสียดายสุด ๆ อยากสัมผัสบรรยากาศในห้องอะะ
คิดว่าทั้งหมดแล้วสำหรับเทอม 2 ความจริงอยากเขียนวิชาที่ 5 กับ 6 เยอะกว่านี้แต่เริ่มเรียบเรียงออกมาเป็นตัวอักษรไม่ได้แล้ว เอาเป็นว่ามันดีมากกกกกกกกก เราชอบมากกกกกก แล้วก็เสียดายมากกกกกกกกกก ที่ไม่ได้ไปเรียนในห้องเรียน
ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้อาจคิดได้ว่า “เอ๊ะ แล้ววิชาญี่ปุ่นไปไหนล่ะ เทอมแรกมีวิชาญี่ปุ่นด้วยนี่นา” และคำตอบคือ วิชานี้นี่แหละคือจุดเริ่มต้นของการที่เราหายไปยาว 55555 คิดว่าจะเขียนตอนแยกไว้เลยเพราะมันเป็นอีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญกับเรามาก ๆ ให้พื้นที่ไปเลย 1 ตอน
ก่อนจบตอนนี้… กำลังคิดว่าจะทิ้งท้ายว่าอะไรดี เพราะครั้งที่แล้วบอกว่า “ขอให้ทุกอย่างดีขึ้นเร็ว ๆ แล้วกันนะ!” แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นสักเท่าไหร่ เฮ้อ เอาเป็นว่าขอให้มีชีวิตอยู่รอดปลอดภัยแล้วกันนะ!
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in