มาตรา ๑๔(๑) วางหลักไว้ว่า "ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"
เจตนารมณ์ของการบัญญัติมาตรานี้ขึ้นมานั้นแท้จริงแล้วบัญญัติมาเพื่อป้องกันการ Phishing หรือการสร้างเว็บปลอมนั่นเอง กรณีตัวอย่างง่ายๆก็คือ ทำเว็บธนาคารปลอมขึ้นมาโดยมีช่องให้กรอกข้อมูล ยูสเซอร์เนม พาสเวิร์ด รหัสบัตรเครดิต ซึ่งกฎหมายดังกล่าวนั้นมุ่งที่จะจัดการกับปัญหาที่เกิดเหล่านี้ ไม่ให้เกิดขึ้น เพราะในยุคปัจจุบันที่ทั้งด้านเทคโนโลยีและการสื่อสารพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ย่อมส่งผล
กระทบและความเสียหายทั้งในเชิงเศรษฐกิจและทางสังคมสูงมาก
มาตรา ๑๔(๑) "ข้อมูลอันเป็นเท็จ" กับความผิดฐานหมิ่นประมาท ?
ดังที่ได้กล่าวไว้แล้วว่า มาตรา ๑๔(๑) นั้นเจตนารมณ์ของการบัญญัติคืออะไรและเพื่ออะไร แต่เนื่องจากเป็นไปได้ว่านักกฎหมายซึ่งใช้กฎหมายดังกล่าวนี้นั้น ขาดความเข้าใจในทางด้านเทคนิค หรือไม่เข้าใจถึงเจตนารมณ์ของการบัญญัติกฎหมายดังกล่าว จึงส่งผลให้เกิดการตีความอันคลาดเคลื่อนและส่งผลร้ายต่อประชาชนผู้ถูกดำเนินคดีเป็นอย่างมาก การตีความเฉพาะคำว่า "ข้อมูลอันเป็นเท็จ" หมายถึง ข้อมูลใดๆก็ได้ที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง นั้น ย่อมไม่ถูกต้องและไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของการบัญญัติกฎหมายแต่ประการใด การตีความนั้นต้องตีความคำว่า "ข้อมูลอันเป็นเท็จ" ในความหมายอย่างแคบ ประกอบทั้งต้องตีความไปในทางเจตนารมณ์ที่กฎหมายบัญญัติมาตราดังกล่าวด้วย ความเข้าใจของคนทั่วไปมักจะเข้าใจในความหมายอย่างกว้าง คือ ข้อมูลปลอม ข้อมูลอันเป็นเท็จต่างๆใดๆที่กล่าวถึงตนหรือบุคคลที่สามนั้น คือการหมื่นประมาทไปเสียทั้งหมด ซึ่งหากเราพิจารณาดูให้ดีแล้วจะเห็นได้ว่าโทษกฎหมายกำหนดไว้นั้นต่างกันอย่างมาก
มาตรา ๑๔(๑) วางหลักไว้ว่า "ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"
"มาตรา ๓๒๖ ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"
ดังนั้นมาตรา ๑๔(๑) จึงไม่ใช่บทบัญญัติเฉพาะสำหรับความผิดฐานหมิ่นประมาทแต่อย่างใด ทั้งสองล้วนมีองค์ประกอบทางกฎหมายที่ต่างกัน หากมีการกล่าวหาบุคคลอื่นจนทำให้บุคคลอื่นนั้นเกิดความเสียหาย หรือการหมิ่นประมาทบนอินเทอร์เน็ต ย่อมเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดเท่านั้น มิใช่เป็นความผิดตามมาตรา ๑๔(๑) แต่อย่างใด ซึ่งในปัจจุบันทางตำรวจอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และทางศาลฯ ได้ใช้แนวทางการตีความเช่นนี้ในการทำสำนวนและการดำเนินคดีแล้ว ซึ่งย่อมเป็นผลให้ "ความยุติธรรม" นั้นเกิดขึ้นด้วยนั่นเอง