พฤศจิกายน 2018 ฉันเรียนจบจากมหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่ง ชานเมือง ติดทางรถไฟ รู้สึกเป็นเกียรติและดีใจที่ทำให้ครอบครัวมีความสุข แล้วความสุขของฉันละ สิ่งที่ฉันอยากจะทำจริงๆคืออะไร
คำตอบ ไม่รู้ ลองทำงานไปก่อน เอะ..เรียนต่อดีมั้ยนะ แต่คำถามต่อไปคือจะเรียนอะไร
ปัญหาคือเราตั้งคำถามกับตัวเองน้อยมาก เราอาศัยความรู้สึกที่เกิดขึ้น ณ ช่วงเวลาหนึ่งๆตัดสินใจสิ่งที่เราต้องการ ในที่สุดเราเลือกที่จะเรียนต่อที่ญี่ปุ่นเพราะคุยเรื่องนี้กับแม่มานานแล้วว่าหลังจากเรียนจบจะไปเรียนต่อโทที่ญี่ปุ่นโดยที่ตอนนั้นเราก็เออก็ดีนะได้ไปเรียนต่อต่างประเทศ ได้ไปอยู่กับแม่กับน้อง
แต่ มันมีโมเมนต์ที่ฉันรู้ตัวว่าฉันไม่อยากเรียนภาษาญี่ปุ่น ฉันชอบภาษาอังกฤษ ก็เลยบอกแม่ว่าไปเรียนหลักสูตรอินเตอร์ได้มั้ย แม่ก็โอเคได้แล้วแต่...
ฉันติดต่อ Professor ตามขั้นตอนที่มหาลัยบอกไว้แล้วก็สอบโทอิครวมถึงทำงานพาร์ทไทม์ที่โฮสเทลด้วยเพื่อที่จะได้ฝึกภาษาอังกฤษ ไม่อยากให้เวลาผ่านไปเปล่าๆ คะแนนที่ออกมามันไม่ดีพอที่จะยื่นเรียนต่อ ถึงคะแนนจะดีพอหัวข้อวิจััยฉันก็คิดไม่ออกอยู่ดี ทั้งๆที่อ่านเปเปอร์มาหลายฉบับแต่ก็ยังคิดไม่ออกว่าอยากทำหัวข้อวิจัยอะไร คิดไม่ออกเลย สุดท้ายฉันไม่สามารถไปเรียนต่อได้
ตอนนั้นเคว้งมาก ทุกอยางที่คิดไว้พังทลาย ผิดหวังในตัวเอง รู้สึกไม่มีความหวัง ไม่มี Goals อะไรเลย
Demcember 2018 เป็นช่วงที่ฉันได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นอีกครั้งและจำได้ว่าแม่พูดว่า "เที่ยวเต็มที่แล้วกลับไปหางานหาการทำนะลูก"
January 2019 ต้นปีมกราแฟนฉันบินมาจากอเมริกาเพื่อมาเที่ยวด้วยกัน เราใช้เวลาอยู่ด้วยกันทั้งหมดสองเดือน ที่เชียงใหม่สองอาทิตย์แล้วก็บินกลับมากรุงเทพ
เป็นช่วงที่ยากสำหรับเราที่ต้องเลือกระหว่างความสุขของตัวเองกับความสบายใจของครอบครัว ตอนที่ฉันใช้เวลาอยู่กับแฟนแน่นอนว่าครอบครัวคนไทยไม่เห็นด้วยเท่าไหร่กับการที่อยู่กินด้วยกัน ในขณะเดียวกันฉันต้องหางานให้ได้ตามที่แม่พูดไว้ ต้องหาหอพัก ต้องอยู่กับความกดดัน และครอบครัวที่ไม่เชื่อใจฉัน
ในเวลานั้นเองฉันรู้สึกว่าตัวเอง หลงทาง
ถ้าไม่ได้มีแฟนอยู่ข้างๆ ฉันคือผู้หญิงตัวคนเดียวในเมืองกรุงที่ต้องกัดฟัน ดิ้นรน ทำยังไงก็ได้ให้อยู่รอด ให้ทุกคนในครอบครัวสบายใจ ฉันมีอาการคล้ายซึมเศร้า ร้องไห้เป็นเรื่องที่ง่ายมาก รู้สึกว่าทุกคนตัดสินฉัน ทุกคนจ้องมองที่จะตอกย้ำ และนี่เป็นอาการคล้ายโรคซึมเศร้า ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนั้นในชีวิตมาก่อน มันทรมานมาก แต่ฉันพยายามเป็นอย่างมากกก ที่จะกลับมาเป็นปกติ กลับมาเข้มแข็งเหมือนเดิม ไม่คิดว่าจะผ่านมาได้ ชอบคุณ Johnathan แฟนฉันเองที่คอยอยู่ข้างๆให้กำลังใจ คอยบอกเสมอว่าภูมิใจในตัวฉัน เชื่อมั่นในตัวฉัน
ช่วงเวลาที่ยากลำบากบรรเทาลงได้เมื่อมีคนที่รักฉันอยู่ข้างๆ
เช่นเดียวกันกับทุกคน เราทุกคนล้วนมีปัญหา แตกสลาย ผิดหวัง เจ็บปวด แต่เชื่อเถอะว่ามันจะผ่านไปถึงแม้ความรู้สึกตอนนั้นจะบอกเราว่ามันจะเป็นแบบนี้ตลอดไปมันไม่ใช่ความจริง ทุกอย่างมันจะค่อยๆดีขึ้นตามเวลาที่ผ่านพ้นไป
วันหนึ่งเราจะหลงทาง ขอแค่อย่าหยุดค้นหา พยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะทำได้ แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น อย่างหนึ่งที่เราเรียนรู้จากบทเรียนในครั้งนี้คือ เมื่อไหร่ที่เรารู้สึกว่าเราต้องการความช่วยเหลือให้พูดออกมา อย่างเช่น ถ้าเรารู้สึกซึมเศร้าแบบไม่อยากลุกออกจากเตียง หมดกำลังใจ มีแต่ความคิดลบเป็นระยะเวลานาน นั้นอาจหมายถึงว่าเรามีอาการของโรคซึมเศร้า ไปหาหมอ หาคนปรึกษา
เห้ยมันโอเคที่จะทานยาแล้วทำให้เรารู้สึกดีขึ้น มันไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป ขอแค่เรารับรู้ตัวเอง รู้ว่าตัวเองรู้สึกอะไร อย่าทำเป็นไม่แคร์หรือเผิกเฉยต่อความรู้สึกที่เกิดขึ้น
ฉันขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนนะ เป็นวัยรุ่นมันเจ็บปวด แต่สุดท้ายเราก็ยังเป็นเรา
ตอนนี้ฉันก็ยังคงค้นหาเส้นทางของฉันต่อไป รู้สึกตื่นเต้นกับที่สิ่งจะเจอในวันข้างหน้า
Be patient with yourself, Nothing in nature blooms all year.
แล้วเจอกันนา :)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in