ขอเกริ่นก่อนเลยว่าไม่ได้วิจารณ์ตัวหนังเท่าไรเพราะหลังจากดูหนังเรื่อง “คิมจียองเกิดปี82” แล้วก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาในหัว ก็เลยลองอ่านบทความรีวิวหนังและบทวิจารณ์ต่างๆที่เกี่ยวกับ คิมจียองเกิดปี82 และค้นพบว่าทุกคนเขียนเรื่องประเด็นเฟมินิสได้อย่างยอดเยี่ยมมาก
แต่พอลองอ่านเกือบทุกอย่างบทความก็ไม่เห็นว่าจะมีใครเขียนเรื่อง การมองให้เหนือกว่าเรื่องเพศเลย เนื้อหาโดยส่วนใหญ่ยังวนเวียนอยู่ในบริบทเรื่องเพศอยู่ อย่าพึ่งเข้าใจผิดว่าผู้เขียนมีแนวคิดต่อต้านสิทธิสตรีนะ เพราะปัญหาในสังคมและตัวหนังก็เกิดเพราะสังคมชายเป็นใหญ่จริงๆ
ตอนดูหนังคิมจียอง ผู้เขียนไม่ได้รู้สึกว่ามีแต่ตัวคิมจียองถูกกดขี่แต่กลับรู้สึกถึงการกดขี่ผู้ชายด้วย (ตัวสามีพี่กงยูกับเพื่อนที่ทำงานที่บ่นเรื่องเมีย) ตัวละครผู้ชายในเรื่องลองสังเกตดูว่าจะมีบุคคลิกคล้ายกันไปหมด เช่น เสื้อหาของผู้ชายจะมีแบบฟอร์มคล้ายกันหมดคือเสื้อแขนยาวและกางเกงสีเข้มๆมันดูจืดชืดมาก และถึงผู้ชายคนนั้นจะอยากแต่งตัวแหวกแนวหรือหยิบกระโปรงขึ้นมาใส่หรือทาเล็บสีเจ็บๆ เขาก็ไม่อาจทำได้โดยง่ายหรือแถบจะเป็นไปไม่ได้เลยเพราะมันคือ กรอบของสังคม ที่บีบบังคับ
ไม่ต่างอะไรกับที่ผู้หญิงเคยเจอ ครั้งหนึ่งในช่วงวิคตอเรีย ผู้หญิงก็เคยใส่กางเกงไม่ได้ ผู้หญิงถูกจำกัดให้ใส่แต่กระโปรงเช่นกัน จะผู้หญิงหรือผู้ชาย เราทุกคนต่างก็มีความรู้สึกและหัวจิตหัวใจด้วยกันทั้งนั้น
ยังร่วมไปถึงบุคลิกนิสัยของผู้ชาย ที่มักจะถูกให้อยู่ในกรอบของความเป็นชาย ผู้เขียนเชื่อว่า ผู้ชายหลายคนก็ไม่อยากจะทำตัวแมนตลอดเวลาหรอก บางครั้งพวกเขาก็อยากจะร้องไห้หรืออยากรู้สึกเปราะบางเหมือนที่ผู้หญิงทำได้ ไม่มีมนุษย์คนไหนเข้มแข็งได้ตลอดเวลา
แต่ทำไมเวลาผู้ชายแสดงความอ่อนไหว พวกเขาถึงถูกมองว่า ไม่แมน เพียงเพราะแค่เขาเกิดมามีองค์ชาติแล้วจะร้องไห้ไม่ได้เลยหรือ คิดๆดูก็เหมือนกับผู้หญิงถูกบังคับให้เป็นกุลสตรีนั้นแหละ ไม่มีมนุษย์คนไหนชอบถูกบังคับ ไม่มีมนุษย์คนไหนไม่ชอบอิสระเสรี และนี้เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆน้อยๆเท่านั้น เพราะในชีวิตจริงการถูกกรอบสังคัมบีบบังคับนั้นมันยังคงอยู่ และยิ่งแยบยลขึ้นจนบางครั้งเราอาจไม่สังเกตเห็นเลยก็ได้
เราทุกคนต่างมีความรู้สึกและเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน ผู้เขียนคิดว่าเราไม่ควรมองเรื่องนั้นๆแค่แง่ใดแง่หนึ่ง แต่เราควรมองทุกๆมุม มองให้เหนือกว่ากรอบสังคมที่มาบังคับเรา มองให้เหนือบันทัดฐานของเพศนั้นๆ มองให้ลึกถึงความเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีเลือดเนื้อ เจ็บปวด ร้องไห้ ได้เช่นกัน เพราะศัตรูที่แท้จริงคือกรอบสังคมที่บิดเบี้ยว เรื่องผิดเป็นเรื่องถูกเรื่องจริงเป็นเรื่องหลอก จะชายจะหญิงจะเลสเบี้ยนหรือเกย์ พวกเราต่างก็ถูกเหยียดหยามและกดขี่จากไอ้กรอบบ้าๆพวกนี้ทั้งนั้น
ผู้เขียนคิดว่าเรื่องเฮงซวยทั้งหลายบนโลกใบนี้ ไม่ว่า การกดขี่ทางเพศ การเหยียดเชื้อชาติ การดูถูกคนรายได้น้อยว่าเป็นพวกตลาดล่างไม่มีรสนิยม เรื่องทั้งหลายเหล่านี้เกิดเพราะเราไม่เคยมองคนๆนั้นให้เหนือไปกว่ากรอบสังคมหรือกรอบแนวคิดบางอย่างเลย
หากเพียงทุกคนมองให้เห็นถึงความเป็นมนุษย์ของผู้อื่นเสียหน่อย ไอ้เรื่องเฮงซวยพวกนี้คงลดจำนวนลงได้ไม่น้อย
‘’ จะชายหรือหญิงมันต่างกันตรงไหน ในเมื่อเราก็ต่างมีน้ำตาเหมือนกัน ”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in