หลังจากช่วงปิดเทอมอันยาวนานระหว่างมอหกสู่ปีหนึ่ง ในที่สุดเราก็จะได้เรียนหนังสือแล้ว
แต่
แต่ !!!
แล้วชั้นต้องเรียนอะไรบ้าง ต้องลงทะเบียนกี่วิชา ปีหนึ่งเรียนอะไรได้บ้าง ?!?!?! ช่วงใกล้ลงทะเบียนคือคุยกับเพื่อนในคณะทุกวันว่า เอ๊ะ นี่ชั้นต้องลงเรียนวิชาอะไรบ้างดี ทั้งเทอมนี้และเทอมหน้า จะแบ่งเวลายังไง จัดตารางเรียนให้ได้เรียนวิชาที่อยากเรียน และได้เวลาที่ชอบ
และแน่นอน ควรมีแผนสำรองเด้อ เพราะนี่คือสงคราม เหมือนกดบัตรคอนเลยจ้า แต่แย่กว่าตรงที่สุ่ม ไม่มีคิวแบบไทยทิคเก็ตเมเจอร์
สำหรับคนที่ยังสงสัยว่าแล้วชั้นต้องเรียนวิชาอะไรบ้าง ให้ไปเปิดดูหลักสูตรของสาขาตัวเองเลยจ้า ปีหนึ่งจะเน้นวิชาทั่วไป aka วิชา TU เราก็มีหน้าที่ดูว่าทียูแต่ละหมวดมีอะไรบ้าง แล้วเราต้องลงของหมวดนั้นกี่ตัว อะไรประมาณนี้ นอกจากนี้ยังมีวิชาทั่วไปส่วนที่สอง แถมยังมีวิชาบังคับของคณะอีก ถ้าจะให้เล่าเรื่องวิชาเรียนแบบละเอียดน่าจะกินพื้นที่อีกหลายย่อหน้า เพราะฉะนั้นขอข้ามไปรีวิววิชาเลยแล้วกัน
เทอมเราแรกเรียนวิชา TU101, TU106, TU115, TU142 ซึ่งเป็นวิชาทั่วไปของมหาลัย ต่อมาเป็นวิชา TH201 ซึ่งเป็นวิชาบังคับของคณะศิลปศาสตร์ และสุดท้าย EG211 วิชาเอกตัวเดียวที่ได้เรียนในเทอมหนึ่งปีหนึ่ง (ว้าววว) ก่อนหน้านี้เราเรียนสเปนด้วยแต่ถอนออกเพราะรู้สึกตัวเองเรียนเยอะเกิน + มันเรียนแปดโมง เราไม่ชอบตื่นเช้า ฮา T-T
มาเริ่มกันที่ TU101 เลย วิชานี้ชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือมาก เรารู้จักวิชานี้ก่อนจะเข้ามธซะอีก ซึ่งชื่อวิชานี้คือ “โลก อาเซียน และไทย” ฟังดูครอบจักรวาลมาก และใช่ เนื้อหาก็ครอบจักรวาล ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ ศาสนา เศรษฐศาสตร์ สิ่งแวดล้อม การเมือง เรียกได้ว่าเรียนเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองทั้งของไทย ของอาเซียน และของทั้งโลก
เนื้อหาที่ได้เรียนหลากหลายมาก ใครเป็นสายสังคม ชอบอ่าน ชอบฟัง ชอบคิดวิเคราะห์ วิชานี้คือสุดยอด คุ้ม ได้เรียนกับอาจารย์หลายคน ตามแต่ละเนื้อหาที่แต่ละท่านถนัด มีทั้งเรื่อง aging society, neoliberalism, new confucianism, เรื่องเกี่ยวกับผลกระทบของสงคราม เรื่องเศรษฐกิจโลก และอีกมากมาย สมกับที่ชื่อวิชาครอบจักรวาล
อ้อ ลืมบอกไป วิชานี้มีอาจารย์อยู่ 2 คน ซึ่งแต่ละคนก็น่าจะมีวิธีการสอนและเนื้อหาที่ไม่เหมือนกัน แต่ก็คล้ายกันแหละ เกี่ยวกับอาเซียน โลก และไทยเหมือนกัน ซึ่งที่เราได้พูดถึงในการรีวิวนี้คือ TU101 ของอาจารย์ อดิศร หมวกพิมาย เป็นวิชาทียูที่เราชอบมากๆ แต่เสียอย่างคือ ข้อสอบยาก T-T และบางครั้งเนื้อหามันเยอะ ถ้าเราหลุดโฟกัสหรือเผลอ เหม่อ แอบเล่นไอจี กลับมาเราอาจจะตามไม่ค่อยทัน (แต่ลงคลิปย้อนให้ตลอด) และที่สำคัญ พี่ทีเอวิชานี้ใจดีมากกกกก ใจเย็น ให้คำตอบชัดเจน ประเสริฐสุด ๆ
ส่วน TU101 ของอาจารย์อีกท่านหนึ่งนี่หาอ่านได้ในทวิต ที่มีคนติดแท็กด่าเยอะ ๆ อ่าค่ะ อุ่ย
ต่อมา วิชา TU106 ชื่อเต็มคือ ความคิดสร้างสรรค์และการสื่อสาร ตอนแรกนึกว่าวิชานี้จะเป็นวิชาที่เรียนเหมือนทำสื่ออย่างพวกโฆษณา หรือการฝึกการเขียน การพูด เพื่อสื่อสารกับคนอื่น แต่มันคือวิชาที่ฝึกให้เรามีความคิดสร้างสรรค์ที่สามารถเอาไปประยุกต์ใช้กับการสร้างสิ่งใหม่ ๆ ซะมากกว่า เรียนไปเรียนมาเราจะเริ่มสงสัยว่า เอ๊ะ นี่ชั้นเรียนวิชาฝึกทำ start up อยู่รึเปล่านะ ขอออกตัวเลยว่าตอนที่เรียนไม่ชอบวิชานี้ถึงขนาดที่ว่าตื่นเช้าวันศุกร์มาด้วยอารมณ์หดหู่เพราะไม่อยากเรียน ToT
ตัวเนื้อหาวิชานี่ดีมากเลย แต่เราไม่ชอบวิธีหรืองานที่ต้องทำในวิชานี้เท่าไหร่ บวกกับพอเป็นงานกลุ่มออนไลน์แล้วคุยกันลำบากและเหนื่อยมาก ดีที่เราได้กลุ่มที่สมาชิกช่วยกันทำงานดี โชคดีมาก เพื่อน ๆ น่ารักทุกคน
วิชานี้จะสอนให้เราปรับเปลี่ยนมุมมองและต่อยอดความคิด จากสิ่งหนึ่งไปสู้อีกสิ่งหนึ่ง สอนให้เราสร้างและพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ จากความต้องการของคนรอบตัวโดยอาศัยความคิดสร้างสรรค์และการเอาใจใส่หรือที่เรียกว่า empathy นอกจากนี้ยังสอนให้เราใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการเชื่อมโยงแต่ละสิ่งที่อาจจะไม้เกี่ยวข้องเข้าด้วยกันให้เกิดอะไรใหม่ ๆ เช่นมีงานหนึ่งที่เราได้สุ่มการ์ดขึ้นมาจำนวนนึง เรามีหน้าที่แต่งเรื่องเชื่อมโยงจากการ์ดแต่ละใบที่เราสุ่มมาได้ อะไรประมาณนี้ ก็สนุกดี แต่หลังมิดเทอมมา เราจะต้องทำโปรเจ็คยาว ๆ รอส่งทีเดียวตอนไฟนอล ซึ่งตรงนี้แหละคือสิ่งที่เราเหนื่อยและไม่ชอบ เพราะเราไม่สามารถทำมันให้เสร็จในชั่วโมงได้ ทำให้ต้องนัดเวลาทำงานต่อนอกเวลาเรียนซึ่งมันเหนื่อยมาก บาง process ที่ทำก็รู้สึกว่า เอ๋ ทำไมไม่สอนไปตั้งแต่คราวก่อน รู้สึกวิธีทำมันซ้ำซ้อนกลับไปกลับมา แต่สุดท้ายเราก็ได้ A มานะ รู้สึกว่าวิชานี้แค่ต้องฟันฝ่าไปกับมัน ส่งงานให้ครบ เรียน เช็คชื่อทุกคาบ ก็ได้เกรดดี ๆ มาประกับโปรไฟล์
ต่อไป วิชา TU115 ถ้าไม่คุ้นก็ไม่แปลก เพราะมันไม่ใช่วิชาที่ถูกบังคับให้เรียนอะไรเท่าพวก TU100-109 วิชานี้เป็นวิชาทั่วไปในส่วนที่สอง ซึ่งมีให้เลือกเยอะและหลากหลายมาก แต่เราก็เลือกวิชานี้เพราะชื่อวิชา มนุษย์กับผลงานสร้างสรรค์ด้านวรรณกรรม สาวศิลปศาสตร์อย่างเราจะพลาดได้ไง แค่ชื่อวิชาก็น่าสนใจขนาดนี้แล้ว ถ้าไม่เคยรู้จักมาก่อนก็คงคิดว่าวิชานี้เป็นวิชาอ่านวรรณกรรมสินะ แต่คุณคิดผิดค่า!!!!
นี่คือวิชาดูหนัง เพราะอาจารย์ให้คำจำกัดความของวรรณกรรมไว้แบบกว้าง ๆ ซึ่งหมายความว่าไม่ว่าจะเป็นงานเขียน เพลง รูปภาพ หรือการเล่าเรื่องผ่านภาพยนตร์ต่างก็เป็นวรรณกรรมทั้งสิ้น
การเรียนวิชานี้ง่ายมาก ดูหนังตามที่อาจารย์สั่งมาแต่ละอาทิตย์ บางคาบอาจารย์จะให้ดูมาก่อน บางคาบอาจารย์ก็จะเว้นเวลาให้เราค่อยเข้าคาบเรียนตอนดูหนังจบ (เช่น หนังยาวชั่วโมงก็ให้เข้าเรียนตอน 15:30 เพราะวิชานี้เริ่มตั้งแต่ 13:30) อาจารย์จะให้นักศึกษาในคลาสออกมาพูดคุย แชร์สิ่งที่ตัวเองสนใจจากหนัง ได้รับความคิดอะไรบ้าง และในหนังมีประเด็นอะไรอยู่ ตัวหนังต้องการจะสื่ออะไรมั้ย มีนัยยะอะไรหรือเปล่า เป็นวิชาที่เรียนชิลและสนุกมาก ใครชอบดูหนังแล้วคิดตาม แนะนำเป็นอย่างยิ่ง
วิชา TU ตัวสุดท้ายที่ได้เรียนของเทอมแรกคือ TU142 ซึ่งเป็นวิชาส่วนที่สองเช่นเดียวกันกับ TU115
TU142 มีชื่อวิชาว่า มนุษย์กับวิทยาศาสตร์ชีวภาพ ก็วิชาชีวะนั่นแหละ เหตุผลเดียวที่เราลงเรียนวิชานี้คือลงตามเพื่อน + หาวิชาอะไรเรียนให้มันดูเยอะ ๆ ก็เลยลงเรียน อาจารย์ที่สอนก็บอกว่าวิชานี้เป็นแค่ชีวะพื้นฐาน ง่าย ๆ ไม่ยาก เพราะเป็นวิชาศึกษาทั่วไป นักศึกษาที่อยู่คณะสายสังคมก็เรียนได้ ซึ่งก็เรียนได้จริง ๆ ไอเราก็ไม่ได้ตั้งใจเรียนตลอดหรอก แต่ทำงานส่งครบ เข้าคาบไปเช็คชื่ออะไรงี้ก็ได้เอแล้ว
เนื้อหาวิชาก็จะเรียนเกี่ยวกับชีวะ เรื่องการวิวัฒนาการ เรื่องพันธุกรรม แล้วก็จะมีเรื่องเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับชีวะภาพ มีเรื่องเชื้อโรค แบคทีเรียต่าง ๆ อาจารย์มีคลิปย้อนหลังให้ แล้วก็อาจารย์แต่ละคนจะผลัดกันสอนเรื่องที่ตัวเองถนัด ลงสไลด์ให้ใน ms teams ตลอด ถ้ามีเพื่อนเรียนคือดีเลย มีงานกลุ่มครั้งเดียว สบาย ๆ วิชานี้เราก็ได้ A มาเหมือนกัน
ต่อมา วิชา TH201 การพัฒนาสมรรถภาพการเขียน ก็คือวิชาที่ฝึกให้เราเขียนนี่แหละ ในมหาลัยนี่การเขียนสำคัญมาก วิชานี้ก็จะสอนให้เรารู้จักการลำดับการเขียน รู้จักประเภทของการเขียน สอนเขียนแสดงความคิดเห็น สอนวิธีเขียนอ้างอิง หลายคนก็อาจจะเรียนกันมาตั้งแต่มัธยมแล้วแหละ แต่เข้ามาก็ต้องเรียนอยู่ดีเพราะเป็นวิชาบังคับของคณะศิลปศาสตร์ เนื้อหาหลัก ๆ ของวิชาก็ประมาณนี้ เซคเราไม่ค่อยมีการบ้านเลย อาจารย์ให้การบ้านน้อยมาก ส่วนมากเป็นงานที่สามารถทำเสร็จในคาบได้เลยชิล ๆ แต่ก็อาจจะแล้วแต่อาจารย์ด้วย เพราะวิชานี้มีหลายเซค คนสอนแต่ละเซคก็ไม่เหมือนกัน ก็มีเก็บคะแนนไปเรื่อย ๆ และมีงานไฟนอลชิ้นใหญ่คือต้องเขียนบทความ ความยาว 8-10 หน้า ซึ่งเราก็ต้องใช้สิ่งที่เรียนมาในวิชานี้นี่แหละเอามาปรับใช้กับการเขียนบทความของเรา
สุดท้ายแล้ว วิชาเอกของเราเอง EG211 วิชานี้ก็ถือว่าเป็นตัวที่หลายคน หลายคณะต้องเรียนนะ แต่ส่วนมากจะได้เรียนกันตอนปี 2-3 ถ้าไม่ได้อยู่เอกอิ้ง อิอิ วิชานี้มีข้อบังคับคือคุณต้องเรียนวิชา TU105 ผ่านแล้วหรือสามารถยกเว้นวิชา TU105 ซึ่งเป็นวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐานของมหาลัยที่ทุกคนต้องเรียนนั่นเอง วิธีเซ้ม หรือยกเว้นวิชานี้ก็คือ มีคะแนนสอบวิชาภาษาอังกฤษของ ONET มากกว่า 75 คะแนน หรือใช้คะแนน TU-GET ก็สามารถใช้ได้เหมือนกัน
วิชา EG211 ชื่อว่าการฟัง - พูด สิ่งที่ได้เรียนก็ตรงตามชื่อวิชาเลยค่ะ วิชานี้มีช่วงให้คุยกัน ดิสคัสกันบ่อยมาก ซึ่งขอแนะนำให้ทุกคนอย่าเขินที่จะพูดค่ะ พูดผิดพูดถูกไม่เป็นไร มีอาจารย์ค่อยแก้ให้ เพราะนี่คือวิชาฟังพูด เราต้องฟังและพูดเยอะ ๆ ค่ะ แล้วก็จะมีควิซ มีแบบฝึกหัดให้ฟังแล้วตอบคำถามบ้าง มีงานพรีเซนต์เพื่องึกพูดบ้าง และก็มีควิซเป็น interview เดี่ยว ๆ กับอาจารย์ด้วยค่ะ วิชานี้จะกันเซคไว้ให้เด็กเอกอิ้งโดยเฉพาะเลย 3 เซค ปีหนึ่งนี้เราไม่ต้องขอโควต้าเลยค่ะ ซึ่งทั้ง 3 เซคนี้อาจารย์ก็เป็นชาวต่างชาติทั้งหมด ส่วนตัวเราสนุกกับวิชานี้มาก เป็นวิชาที่เรียนสนุก ชิล ๆ ได้พูดเยอะ การบ้านน้อย เรียนแบบป่อยใจสบาย ๆ เพราะอาจารย์ใจดีมากค่า ไม่ดุ ไม่ตะคอก ไม่กดดันเลย ถ้าเราพูดหรือใช้แกรมมาร์ผิดก็คอยชี้แนะให้ตลอด ไม่รู้สึกเกร็งเลยค่า ถ้าตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงาน เข้าคาบ ควิซครบก็ได้เอไม่ยากน้า ส่วนเราได้ B+ เพราะชอบตื่นสายค่า ลืมควิซไป 1 เข้าสายอีกหลายรอบ 555555555555 กรี๊ดดดด
ประมาณนี้นะคะสำหรับวิชาที่เราได้เรียนในเทอมหนึ่ง หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังเลือกว่าจะเรียนอะไรดีในเทอมหน้านะคะ สงสัยอะไรคอมเม้นไว้ได้เลยย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in