เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
SCHEMING SCANDALSamanthachiew
Scheming Scandal; การปล้น ขนมเค้ก และกองซากมะเขือเทศ (ตอน5)
  • มาตอนที่5แล้วค้า เรื่องราวการปล้นของสามสหาย

    ขอบคุณที่แวะมาอ่านกันนะคะ 

    แวะมาทักทายกันได้เสมอค้า โหะๆ




    5


    แต่นั่นมันเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว


    คืนที่ผมตายทั้งเป็นมันผ่านไปแล้ว


    อะไรที่ผ่านไปแล้ว ควรจะผ่านเลยไป ไม่มีวันกลับ -- อย่างน้อยแม่ผมก็เคยพูดเอาไว้อย่างนั้น -- แต่สุดท้ายแล้วดูเหมือนผมได้ถูกพัดพาเข้ามาในวังวนหลุมดำ เพราะเรื่องเลวร้ายได้โคจรกลับมาเจอผมอีกครั้ง


    ไม่ได้มาในรูปแบบเศษหินเล็กๆ แต่มาเป็นดาวเคราะห์น้อย -- น้อยจนเหมือนเด็กน้อย ผมสีแดงแปร๋นน่ารังเกียจ ตกกระ และปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม!


    ซัน!


    ฉับพลันนั้นเสียงของฟิชเชอร์ก็ดังขึ้นตรงหน้าผม ร่างของฟิชเชอร์ปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับถลาตัวเข้ามาปะทะผมจากทางด้านหน้าอย่างจัง มือข้างหนึ่งของเขารวบข้อมือผมแน่นหนา ส่วนอีกข้างคว้าต้นแขนผมเอาไว้อย่างรวดเร็ว แว่นดำตกลงมาจากสันจมูกของเขาเล็กน้อย แต่มันก็มากพอให้ผมมองเห็นดวงตาสีน้ำตาลทองคู่นั้นได้ ฟิชเชอร์สบตามองผมอย่างเคร่งเครียด


    “ซัน” เขากระซิบเรียกอีกครั้ง สันจมูกแทบจะชนดั้งผม “ซันนี่ ได้ยินฉันไหม”


    ภาพในลานรถฉายหนังหายไป และใบหน้าของฟิชเชอร์ก็เข้ามาแทนที่ เขาดูกลั้นหายใจ และกัดฟันแน่นจนกรามขึ้นเป็นสัน แวบหนึ่งผมไม่เข้าใจว่าฟิชเชอร์เป็นอะไร อดกลั้นอะไรอยู่ และมายืนกลั้นอะไรตรงหน้าผม -- แต่วินาทีถัดมาก็เข้าใจแจ่มแจ้ง ว่าเขาไม่ได้กำลังอดกลั้นอะไรอยู่ แต่กำลังยึดมือของผมอยู่ -- มือข้างที่กำลังกำปืนอยู่ในเสื้อสูท และกำลังจะกระชากมันออกมา


    ผมต้านแรงของฟิชเชอร์ได้ทันก่อนที่จะถูกผลักกลับไปชนประตูห้องน้ำ


    ฟิชเชอร์ออกแรงยื้อสุดกำลัง จนมือของเขาชื้นเหงื่อ และมีเส้นเลือดปูดขึ้นมา   สองตาของเขายังคงจับจ้องมาที่ผมนิ่ง ราวกับกำลังประเมินว่าสติผมกลับเข้าที่เข้าทางหรือยัง


    “ฟิชเชอร์” ผมค่อยๆขานตอบเขา


    “อย่าผลีผลามทำอะไรตอนนี้นะ ซันนี่” เขากระซิบเตือน “เก็บปืนของนายเข้าไป” แล้วออกแรงดันข้อมือผมขึ้น -- แต่ผมต้านกลับ


    “ฟิชเชอร์ นายไม่รู้อะไร” ผมกัดฟัน “นายไม่รู้อะไรเลย”


    นาทีนั้น ผมรู้สึกเหมือนดวงตาของฟิชเชอร์มีประกายบางอย่างฉายวาบขึ้นมา ก่อนจะหายวับไปเหมือนแสงเทียน แล้วมุมปากหนาก็ค่อยๆคลี่ยิ้มออกมาเป็นรอยยิ้มเยาะๆ


    เป็นตอนนั้นเองที่ผู้หญิงผมสีน้ำตาลเข้มปรากฏตัวขึ้นจากทางด้านหลังของฟิชเชอร์


    “ซันนี่” ลูซี่เรียกผมด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ พยายามชะเง้อมองข้ามไหล่ฟิชเชอร์มา


    ทันทีที่ผมได้ยินเสียงเธอเรียกชื่อผม ผมก็หมดเรี่ยวแรงต่อต้าน มือของผมยินยอมเก็บปืนเข้าไปในสูท และเลิกขัดขืนฟิชเชอร์ เขาสบตามองผมแวบหนึ่ง ก่อนจะเอี้ยวหลบทางให้ลูซี่


    ลูซี่มองฟิชเชอร์ที่กำลังดันแว่นดำให้เข้าที่ ก่อนจะหันมามองผมสลับไปมา  ยังคงเว้นระยะห่างจากพวกเราเท่าเดิม เธออ้าปากเหมือนจะทักอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายแล้วก็ชะงักไป  สีหน้าลูซี่ดูสับสน และตกใจ เธอส่ายหน้าเหมือนพยายามรวบรวมคำพูดอยู่ครู่หนึ่ง


    “เกิดอะไรขึ้น” เธอโพล่งออกมา ขณะที่มองสูท และผมสีทองของผม “คุณมาทำอะไรที่นี่”


    ผมนิ่งไปชั่วขณะ “ผม--” จากนั้นก็รู้สึกคอแห้ง จนต้องกระแอมไอออกมา “ผมมาหาโกโก้กิน”


    ลูซี่พยักหน้า เลิกคิ้วสูง คำว่า ‘อ๋อเหรอ คุณกับโกโก้เนียะนะ’ ฉายออกมาเต็มใบหน้า แต่เธอก็ไม่ได้พูดมันออกมา


    “คุณมาทำอะไรที่นี่ ลูซี่” ผมถามกลับ


    “ฉันมากินโกโก้”


    “คุณไม่เคยชอบโกโก้”


    “ฉันไม่ชอบชอคโกแลต แต่ฉันชอบโกโก้”


    “มันต่างกันหรือ” ผมถาม


    “ต่าง” เสียงของฟิชเชอร์แทรกผ่ากลางเข้ามา ทำให้ผมเพิ่งรู้ตัวว่าเขายังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมระหว่างผมกับลูซี่ “โกโก้ มันเข้มข้นกว่าชอคโกแลต เพราะจะไม่มีนมหรือน้ำตาลมาผสม”


    ลูซี่ชี้ไปทางฟิชเชอร์เป็นเชิงบอกว่าเขาพูดถูก


    “นายช่วยไปยืนที่อื่นก่อนได้ไหม”


    “ไม่ได้”


    “ฉันมีเรื่องต้องคุยกับลูซี่”


    “ก็คุยกันตรงนี้ ฉันรอได้”


    “ฉันขอพูดประโยคนี้ใหม่ ฉันมีธุระส่วนตัวที่ต้องพูดกับลูซี่”


    “ก็คุยกันตรงนี้ ฉันรู้อยู่แล้ว มันไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรสำหรับฉันนักหรอก”


    ทั้งผมทั้งลูซี่มองฟิชเชอร์ แต่เขายักไหล่


    “คืออย่างนี้นะ ลูซี่” เขาพูดเสียงยานคาง ยังคงระดับความเบาเอาไว้ “พ่อหนุ่มซันนี่ แสงตะวันยอดรักที่แสนซื่อคนนี้ ไม่พอใจ -- อันที่จริงค่อนไปทางโกรธ -- ที่เห็นเธอกับแฟนใหม่รักกันหวานชื่น และเชื่อว่าเขายังคงไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงเลือกไอ้เด็กหัวแดงที่เพิ่งจบไฮสคูล ไม่มีอะไรเด่นนอกจากเล่นกีฬากับกินเหล้าคนนั้นมาเป็นแฟน ในเมื่อเธอถามหาอนาคตที่มั่นคงแน่นอน และทิ้งเขาไป ทั้งๆที่หนังซอมบี้กำลังฉายอยู่ -- หนังซอมบี้เรื่องนั้นชื่อเรื่องอะไรแล้วนะ”


    “ชื่อซอมบี้แค่นั้นเลย ลูกพี่” เสียงของเจคตะโกนตอบมาจากทางด้านหลัง มีสาวโดฟยืนควงแขนอยู่ข้างๆ


    “คุณแอบสอดแนมฉันเหรอ” ลูซี่ถามเสียงแข็ง ดวงตาสีเขียวหรี่มองฟิชเชอร์ “คนมีมารยาทที่ไหนมาสอดแนมเรื่องชาวบ้านแบบนี้ คุณรู้จักฉันหรือไง ถึงมายุ่งเรื่องของฉัน และอีกเรื่อง เด็กไฮสคูลหัวแดงคนนั้นน่ะ เขามีชื่อย่ะ เขาชื่ออิ๊กกี้! แล้วก็ไม่ได้มีดีแค่เล่นกีฬากับดื่มเหล้า -- ฉันหมายความว่าเขาดื่มตามโอกาสเท่านั้นน่ะนะ”


    ชื่อของแฟนใหม่เธอเสียดแทงเข้ามาในใจผม -- อิ๊กกี้ เด็กนรก


    “จะว่าอย่างไรดี อันที่จริงเรื่องมันก็ยาว ถ้าจะให้ผมอธิบายว่าทำไมผมถึงมีความรู้เรื่องรอบตัวเยอะขนาดนี้ คุณคงจะไม่เชื่อแน่   ถ้าคุณคิดว่าผมล้อเล่น คุณลองถามซันนี่ดูก็ได้ เพราะเขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมผมถึงทำตัวเป็นคลังข้อมูลเสียขนาดนี้” ฟิชเชอร์พูดวกวน ไม่สนใจว่าผมกับลูซี่จะหน้างงแค่ไหน “มันอธิบายยาก -- ผมก็เลยขี้เกียจอธิบาย -- แต่เอาแบบนี้ล่ะกัน เริ่มต้นจากเมืองนี้ไม่มีคนไหนที่มีมารยาท โดยเฉพาะในเขตหลังเมือง ผมรู้เรื่องของคุณดีพอๆกับที่ผมรู้เรื่องรอบตัวเรื่องอื่นๆ และบอกให้เป็นเกร็ดความรู้นะ --อิ๊กกี้--กินเหล้าโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งโอกาสพิเศษใดๆ” เขาเน้นชื่ออิ๊กกี้เกินจำเป็นอย่างล้อเลียน “และสุดท้าย ผมนั่งอยู่ไม่ไกลจากรถคุณตอนที่หนังซอมบี้ฉาย มันไม่ยากเลย ที่ผมกับมือขวาผมจะได้ยินทุกอย่าง”


    ผมเหลือบมองไปทางมือขวาที่ว่า -- เจคกำลังยืนพยักหน้ารับเป็นลูกคอ


    สองคนนี้ยังเป็นคนอยู่รึเปล่านี่


    ผมสลัดคำถามบ้าๆออกไปจากหัว ก่อนจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไป “ลูซี่” ผมแทรกฟิชเชอร์ ผลักเขาออกไปห่างๆ “เด็กหนุ่มคนนี้ไม่เหมาะสมกับคุณหรอก คุณทิ้งผมไปหาเขาได้ยังไง” ผมพูดรัวเร็ว “ผมทำอะไรผิด ผมแพ้อะไรเขา มีอะไรในตัวผมที่ให้คุณไม่ได้หรือ ลูซี่”


    การที่ผมถามเธอ ทำให้เธอดูตื่นตระหนก ลูซี่หันไปมองอิ๊กกี้ที่เริ่มมองมาทางเราอย่างสงสัย ก่อนจะรีบขับไล่ผมไป


    “คุณไปซะ” เธอว่า ดวงตาสีเขียวหลุบมองพื้น “คุณไม่ได้มาที่นี่เพื่อโกโก้ ซันนี่  ถ้าคุณคิดจะมาเพื่อก่อเรื่องให้ฉันกับอิ๊กกี้ ขอให้ไปเสีย”


    “ถ้างั้น บอกสิ ว่าคุณรักหมอนั่นมากกว่าผม” ผมถามต่อไป “บอกสิ ว่าคุณไม่ได้รักผมเลย”


    “อย่าทำแบบนี้ ซันนี่ คุณไม่เป็นตัวของตัวเอง”


    “มีอะไรที่ผมทำให้คุณไม่ได้ แต่หมอนั่นมันทำให้คุณได้งั้นหรือ!” ผมเริ่มเสียงดัง แต่เสียงของฟิชเชอร์ดังกว่า


    “โอ้ย เยอะแยะเลย” เขาว่า พร้อมกับกางนิ้วทั้งห้าออกมาคั่นระหว่างผมกับลูซี่ “ข้อแรก พ่อแม่ของเด็กนั่นมันรวย ข้อสอง พ่อแม่รักมันมาก -- เข้าใจนะ รักมากถึงขั้นแกะไก่ทอดเฉือนไก่ย่างให้ลูกกิน เพื่อที่ว่านิ้วลูกจะได้ไม่เปื้อนน่ะ --  ข้อสาม มันเพ้อฝัน ข้อสี่ มันโง่ ข้อห้า มันคืออิ๊กกี้”


    ผมมองลูซี่ “หมายความว่ายังไง” ถึงแม้ว่าคนตอบจะยังเป็นฟิชเชอร์ก็ตาม


    “หมายความว่า กระเป๋าเงินของพ่อแม่อิ๊กกี้จะช่วยให้ความมั่นคงที่ลูซี่ต้องการได้”


    “ทั้งหมดนี่เพื่อเงินจริงๆหรือ ลูซี่” ผมถามเธอแผ่วเบา ความรู้สึกในใจอดไม่ได้ที่จะเจ็บปวด “คุณไปจากผมง่ายๆ เพราะแค่นั้นเองหรือ”


    คราวนี้เป็นลูซี่ที่กระซิบบอกผม สองมือกุมเข้าหากันแน่น “ฉันบอกคุณไปแล้ว แต่คุณไม่เข้าใจ”


    “ลูซี่ ฟังตัวเองพูดสิ คุณต่างหากที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง”


    คำพูดผมเหมือนจะทำให้เธอหน้าชาไป


    “ฉันบอกคุณแล้ว” เธอกระซิบเสียงสั่น “มันซับซ้อนยิ่งกว่านั้น--”


    ลูซี่” เสียงแหบห้าวดังขึ้น พร้อมกับร่างบึกบึนที่เข้ามาแทรกวงสนทนา แขนข้างหนึ่งของร่างนั้นรวบตัวลูซี่เข้ากับตนเองอย่างถือสิทธิ์เป็นเจ้าของ


    “เฮ้” ร่างนั้นทักผม “ขอร่วมวงด้วยคนสิ” จากนั้นเสียงโห่ตะโกนก็ดังมาจากกลุ่มนักกีฬาไฮสคูล เหมือนกำลังเชียร์กีฬากันอย่างเมามัน -- ทั้งๆที่ในความเป็นจริง กำลังเชียร์ให้เพื่อนมาตามสาวกลับเข้ากลุ่มเท่านั้น


    “ไม่ล่ะ” เป็นฟิชเชอร์ที่เข้ามารับหน้า “เรากำลังคุยเรื่องของผู้ใหญ่”


    อิ๊กกี้เลิกคิ้วสูง “โอ้” เขาว่า “พอดีฉันเองก็เป็นผู้ใหญ่แล้วน่ะนะ ไหน ว่ามาสิว่ามีธุระอะไร มายุ่มย่ามอะไรกับผู้หญิงของฉัน”


    ลูซี่บอกให้อิ๊กกี้หยุด แต่ดูเหมือนฤทธิ์แอลกอฮอล์ในตัวเขาจะมีอิทธิพลเหนือกว่าเสียงของเธอ


    “แต่งตัวเสร่อๆเข้ามาในร้านกาแฟ แล้วอย่าคิดว่าจะมายุ่งกับผู้หญิงของฉันได้นะ”


    “เราแค่คุยกัน” ผมพูดรอดไรฟัน “และชุดของฉันไม่เสร่อ แกสิ แต่งตัวเสร่อ”


    “แกนั่นแหละเสร่อ”


    “แกนั่นแหละเสร่อ”


    “เอาล่ะ พอกันที” ฟิชเชอร์พูดออกมา หันไปหามือขวาตัวเอง “กี่โมงแล้ว” เขาตะโกนถาม


    “อีกหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ลูกพี่” เจคตะโกนตอบ


    “หมดเวลาสนุกแล้ว เจ้าพวกบ้าทั้งหลาย” ฟิชเชอร์พูดเสียงดังลั่น ความอดทนดูจะหมดไปในนาทีนั้น หันขวับมาทางอิ๊กกี้ “นายกับเพื่อนๆก็ไสหัวออกไปจากร้านซะ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว”


    “ถ้าอยากจะมีเรื่อง ก็ว่ามาเลย ไอ้กระจอก!” อิ๊กกี้ท้าทาย


    ฟิชเชอร์เลื่อนแว่นตาดำลงมาจากสันจมูกเล็กน้อย “นายไม่อยากมีเรื่องกับฉันหรอก” เขาเตือนเสียงต่ำ -- ต่ำจนเย็นยะเยือก


    อิ๊กกี้สัมผัสอันตรายในน้ำเสียงนั้นได้ เขาจึงถอยไปก้าวหนึ่ง เขาอาจจะถอยไปมากกว่านั้น ถ้าไม่ใช่เพราะเสียงโห่ร้องของเพื่อนๆจากทางข้างหลังดังขึ้นมา และมันทำให้เขานึกขึ้นได้ว่าการถอยหนีพวกเรานั้นทำให้เขาดูเสียท่าน่าอายมากแค่ไหน


    อิ๊กกี้จึงกลับมายืนประจันหน้ากับพวกเรา สองมือล้วงกระเป๋า วางท่าเป็นนักเลงกล้ามโต


    “นายสิไสหัวไป” เขาว่า พร้อมกับเสียงโห่เชียร์ของพรรคพวกจากทางด้านหลัง



    ไม่ใช่ หล่อนต่างหาก ที่ต้องไสหัวไป” เสียงแหลมสูงดังขึ้น



    พวกเราหันขวับไปทางต้นเสียง พบว่าโดฟกำลังยืนอยู่ข้างๆฟิชเชอร์ ริมฝีปากสีแดงสดเม้มแน่น และดวงตาเพ่งมองมาทางลูซี่อย่างเอาเรื่อง  ผมหันไปมองเจค ที่กำลังส่ายหน้าเป็นเชิงตอบว่า ไม่รับรู้ว่าโดฟไปยืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่


    โดฟชี้นิ้วที่ทาเล็บสีแดงสดมาทางลูซี่ แล้วพูดออกมาว่า “คุณต้องไม่ควงยายนั่น อิ๊กกี้!”


    อิ๊กกี้สะดุ้งแรงที่สุดในกลุ่ม มือที่ล้วงกระเป๋าเริ่มเปลี่ยนมากอดอกบ้าง ไพล่หลังบ้าง เหมือนคนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับท่าทางตัวเอง


    “โดฟ” เขาพูดเสียงแปร่งๆ “เรื่องของเรามันจบไปแล้ว”


    โดฟเค้นเสียงหัวเราะ “จบยังไงเหรอที่รัก ฉันล่ะ อยากจะรู้จริงๆ”


    ลูซี่มองอิ๊กกี้สลับกับโดฟ คิ้วเริ่มขมวดเข้าหาหัน สัญชาตญาณทำให้เธอรับรู้ได้ว่ามีอะไรแปลกๆเกิดขึ้น


    “ฉันจะคบกับลูซี่” อิ๊กกี้พูด และตัดสินใจได้ว่าจะกอดอกมากกว่าไพล่หลัง “ฉันจะไปจากที่นี่ วันนี้ พร้อมกับลูซี่ เธออย่ามาขัดขวางเรื่องระหว่างเราเลย เราต่างคนต่างเดินไปตามทางของตัวเองจะดีกว่า โดฟ” พูดจบก็คว้าเอวลูซี่มาแนบกายอีกครั้ง ราวกับต้องการประกาศให้ทุกคนรับรู้


    โดฟปล่อยให้เสียงพรรคพวกของอิ๊กกี้โห่ร้อง และปล่อยให้เสียงของผู้คนในร้านฮือฮากันอย่างพอเป็นพิธี จากนั้นเธอก็ยกฝ่ามือขึ้นมาปรามอย่างมีจริต ริมฝีปากส่งเสียงดังจุ๊ๆออกมาอย่างยียวน


    ในที่สุดมือข้างหนึ่งของเธอก็ดึงตั๋วเรือสำราญออกมาจากกระเป๋า กวัดแกว่งมันไปมากลางอากาศ เธอทำทุกอย่างโดยไร้เสียงพูด แต่สีหน้าท่าทางบ่งบอกทุกอย่างอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้มเหยียดที่ริมฝีปาก หรือดวงตาที่เพ่งมองมาอย่างมีความนัย


    ลูซี่เป็นคนแรกที่แปลความนั้นออก


    เธอหันไปมองอิ๊กกี้ที่ตอนนี้กำลังตกอกตกใจเหมือนคนทำความผิด ก่อนจะคว้าคอเสื้อให้เขาหันมาเผชิญหน้ากับเธอ


    “คุณโกหกฉัน” ลูซี่พูดเสียงต่ำ จากนั้นก็ถอดแหวนที่มีข้อความเขียนว่า ‘อิ๊กกี้ยอดรัก’ ที่ปลายนิ้วนางข้างขวาออก แล้วยัดใส่มือของเขา -- ไม่ต้องเดาเลย ว่าใครเป็นคนให้แหวนเสร่อๆนั่นกับเธอ --  “พอกันที ฉันมันโง่ไปเอง” เธอว่า


    “ลูซี่ ไม่เอาน่า”


    “ปล่อยมือจากฉัน อิ๊กกี้!”


    “นี่มันอะไรกัน” ผมโพล่งออกมา ยอมรับว่าไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ในขณะที่ทุกคนดูเหมือนจะเข้าใจตรงกันอย่างรวดเร็ว -- แม้แต่ฟิชเชอร์หรือเจค


    “ลูซี่ ผมไม่ได้ตั้งใจจะทรยศคุณ” อิ๊กกี้อธิบาย พยายามยื้อลูซี่ไม่ให้เดินหนี พร้อมกับสังเกตผู้คนรอบร้านไปพลางๆ


    “โอ คุณตั้งใจแน่ อิ๊กกี้” โดฟพูดผ่ากลางอากาศ “และมันไม่ใช่แค่ครั้งเดียวด้วย”


    อีกครั้งที่ผมโพล่งออกมากลางวง “อะไรกันนี่”


    และอีกครั้งที่ฟิชเชอร์ดูหมดความอดทน “จะมีสักครั้งไหมที่นายตามอะไรทัน” เขาว่า “ฉันจะเฉลยให้นายฟัง ตั๋วเรือสำราญที่ควรจะเป็นของอิ๊กกี้และลูซี่ กลับไปอยู่ในมือของโดฟ แฟนเก่าที่ไม่ลงรอยกับแฟนใหม่เท่าไหร่นัก นายคิดว่าอย่างไรล่ะ ทำไมตั๋วไปอยู่ในมือของโดฟได้ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาแอบไปหาเธอทุกคืน”


    โดฟปรบมือ “ในที่สุดก็มีคนพูดออกมาให้ชัดเจน” เธอพูดเหมือนโล่งอก แต่เหมือนฉุกคิดขึ้นมาได้ “คุณรู้ได้ยังไงน่ะ”


    ฟิชเชอร์เอียงศีรษะทั้งๆที่ยังสวมแว่นตาดำอยู่ เป็นเชิงว่า ขอทีเถอะ   โดฟจึงเลิกสนใจเขา เพราะเธอมีเรื่องน่าสนใจจะพูดมากกว่านั้น


    “แล้วเพื่อให้แจ่มแจ้งกว่านั้น อิ๊กกี้ไม่ได้คิดจริงจังกับเธอ ลูซี่ เข้าใจไหม เธอเป็นเหมือน -- การผจญภัยเล็กๆน้อยๆของเขา -- ควงสาวสวยเขตหลังเมือง ถิ่นอันตราย ถิ่นคนเถื่อน วางแผนท่องโลกใหม่ไปด้วยกัน -- แหม สุดจะโรแมนติก เหมือนกับในเพลงวิทยุ ว่าไหม”


    โดฟสะกิดฟิชเชอร์ แต่เขาไม่สนใจเธอ


    เขากำลังสนใจผมมากกว่า


    “ซัน” เขากระซิบเสียงเครียด


    “นายไม่ได้คิดจะดูแลเธอหรือ” ผมมองอิ๊กกี้


    อิ๊กกี้ดูงงกับท่าทีของผม “ไม่ใช่ธุระอะไรของนาย” เขาว่า พร้อมกับตะโกนไปรอบๆร้าน ที่มีแต่คนชะเง้อมองเหตุการณ์อย่างอยากรู้อยากเห็น “ไม่ใช่ธุระของใครทั้งนั้นด้วย! เลิกยุ่งเรื่องชาวบ้านซะที!”


    จากนั้นอิ๊กกี้ก็หันขวับมาทางโดฟ สองเท้าย่างก้าวตรงเข้ามา ใบหน้าหล่อเหลาเริ่มฉายแววขุ่นเคือง เหมือนเด็กที่ถูกเพื่อนประจานความผิดอันอัปยศ  แต่โดฟดึงฟิชเชอร์มาขวางระหว่างเธอกับเขา ปากร้องขอความช่วยเหลือจากเจค


    “ปกป้องฉันด้วย!”


    “จากอะไร” เจคตะโกนถาม


    “จากเขา!”


    คราวนี้เจคดูงงจริงๆ “นั่นแหละคำถาม ฉันหมายความว่าอะไรในตัวเขา ที่ฉันต้องปกป้องให้เธอ!”


    ฟิชเชอร์ยกมือปรามอิ๊กกี้ ก่อนจะสะกิดให้โดฟปล่อยมือจากแขนเขา


    “ขืนนายกล้าเข้ามาใกล้ฉันอีกคืบเดียว เตรียมตัวเดินกลับบ้านสภาพเท้าขาดได้เลย”


    คำขู่นั้นทำให้อิ๊กกี้หยุดฝีเท้าทันที — แต่นั่นทำให้เขาอยู่ห่างจากผมเพียงนิดเดียว


    “นายแค่อยู่กับเธอเพื่อเติมเต็มส่วนขาดหายเฉยๆ เพื่อความเพ้อฝันแบบเด็กไฮสคูลจากสังคมไฮโซสินะ”


    “อะไรนะ” อิ๊กกี้ดูตกใจที่หันมาเจอผมจ้องเขม็งผ่านแว่นตาดำ


    “ตลกสิ้นดี ที่มันก็เป็นเพียงแค่การผจญภัยฆ่าเวลา ตามประสาเด็กไฮโซสมองนิ่มเท่านั้น” ผมพูดอย่างแค้นเคือง


    “ซัน!” เสียงของฟิชเชอร์ร้องขัดขึ้นมา แต่มันก็ช้าเกินไป


    แล้วผมก็ปล่อยหมัดเข้าดั้งของอิ๊กกี้เต็มแรง จนหน้าเขาหันไปตามแรงเหวี่ยง


    เสียงหวีดร้องของผู้หญิงในร้านดังขึ้น โดฟกรีดร้องว่า ‘อิ๊กกี้!’  ลูซี่ร้องว่า ‘ซันนี่!’ ในขณะที่พรรคพวกของเขาร้องตะโกนว่า ‘เฮ้ย!’


    ผมจำไม่ได้ชัดๆว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น ไม่รู้ว่าใครขยับตัวเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง ความโกรธทำให้ผมจับจ้องอยู่ที่อิ๊กกี้เท่านั้น แต่ที่แน่ๆ กลุ่มเด็กนักกีฬาไฮสคูลได้พุ่งถลาตรงมาที่ผม ส่งเสียงดังโวยวายใหญ่โต สองมือต่างรวบแขนเสื้อคลุมขึ้น พากันกระโดดข้ามเก้าอี้ คุณอ่านถูกแล้ว -- ไม่ใช่เดินอ้อม -- แต่เป็นกระโดดข้ามเก้าอี้ วางท่าขึงขัง ตั้งท่าพร้อมเปิดศึกกับผมเต็มที่


    แต่ก็เป็นฟิชเชอร์อีกนั่นแหละ ที่ทำหน้าที่เปลี่ยนสถานการณ์เสมอ


    “พอกันที” ฟิชเชอร์เค้นเสียง จากนั้นก็คว้าปืนออกมาจากสูทตัวเนียบ แล้วยิงขึ้นเพดานสามนัดรัวๆ


    ปัง ปัง ปัง !


    ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเสียงปืนนั้นทำให้คนในร้านพากันแตกตื่นและกรีดร้องดังแค่ไหน เจคยิงขึ้นเพดานตามลูกพี่ตัวเองสองนัด ก่อนจะทำการยึดพื้นที่อย่างรวดเร็วและดุดัน เขากับฟิชเชอร์ทำให้ทุกคนหมอบราบไปกับพื้น ไม่เว้นแม้แต่พนักงานที่กำลังเสิร์ฟเค้กชิ้นโต  พวกหล่อนทิ้งถาดเค้ก ในตอนที่เห็นปืนจ่อมาทางพวกเธอ ตื่นตระหนกไปกับเสียงขู่คำรามที่ดังลั่นร้าน จากนั้นพวกเขาก็ทำให้พนักงานคิดเงินหมอบราบไปกับพื้นไปอีกคนอย่างง่ายดาย


    ลูซี่มองฟิชเชอร์กับเจค แล้วหันมามองผมด้วยดวงตาเบิกกว้าง ริมฝีปากเผยออ้า เหมือนจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ตกใจเกินกว่าจะหาคำพูดได้  สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยคำว่า “คุณทำอะไรลงไป”


    ผมคว้าปืนออกมาจากเสื้อสูท แล้วถามตัวเองด้วยคำถามเดียวกัน


    นี่ผมทำอะไรลงไป


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
rcngfylwb (@gfjyellow__)
ฟิชเชอร์กับเจคเท่สุด ๆ ไปเลย!
Samanthachiew (@Samanthachiew)
@gfjyellow__ <3 <3 <3