Phoebe Bridgers - Savior Complex
Album: Punisher (Track 8, 2020)
Savior Complex คือพฤติกรรมของคนที่มักชอบช่วยเหลือผู้อื่นจนเกินพอดี เนื่องจากคิดว่าตนนั้นมีหน้าที่หรือมีความจำเป็นที่จะต้องช่วยเหลือตลอดเวลา พวกเขามักจะใช้พลังงานในการช่วยเหลือผู้อื่นมากจนบางครั้งทำให้ตนเองต้องตกอยู่ในสภาวะที่ย่ำแย่ บ้างก็รู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าแค่ตอนที่สามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้เท่านั้น
ฟีบีเผยว่าเพลงนี้เปรียบเหมือนกับภาคต่อของเพลง “Moon Song” คล้ายว่าในที่สุดตนก็ได้สิ่งที่ปราถนา ได้ออกเดตกับคนที่ชอบแต่เขาคนนั้นเป็นคนที่มีปัญหาในการรักตัวเอง นอกจากนี้เธอยังกล่าวอีกว่าเพลงนี้เธอแต่งขึ้นในขณะที่เธอกำลังฝัน
หลักๆแล้วเพลงนี้หมายถึงความสัมพันธ์ของคนสองคนที่เป็นพิษ แม้คนรักของตนจะปฏิบัติกับตนไม่ดีนักแต่เธอก็ยังชอบที่จะมีอีกฝ่ายเพราะเขาสามารถทำให้เธอรู้สึกมีคุณค่าได้จากการที่เธอได้ช่วยเหลือเขา
[Verse 1]
Emotional affair
ความสัมพันธ์ที่มีคนอื่น
**Emotional affair อารมณ์เหมือนชู้ทางใจ คุยกัน ไปเที่ยวด้วยกัน แต่ว่าอาจจะยังไม่ได้มีอะไรกัน
Overly sincere
ความจริงใจที่มากเกินไป
Smoking in the car, windows up
สูบบุหรี่ในรถในขณะที่หน้าต่างปิด
Crocodile tears, run the tap 'til it's clear
ปล่อยน้ำตาจอมปลอมไหลริน เหมือนก๊อกที่ปล่อยน้ำขุ่นทิ้งจนใสสะอาด
**Crocodile tears น้ำตาจระเข้ถือเป็นสิ่งที่สื่อถึงการเสแสร้ง จอมปลอม ร้องไห้ทั้งๆที่ไม่ได้เสียใจเนื่องจากในอดีตเชื่อกันว่าจระเข้มักจะร้องไห้ในขณะที่กินเหยื่อของตน
Drift off on the floor
นอนดิ้นราวกับกำลังโดนกระแสน้ำพัดพาอยู่บนพื้นห้อง
I drag you to the shore
ฉันดึงให้เธอกลับเข้าสู่ฝั่ง
Sweating through the sheets
เหงื่อไหลซึมผ่านฝูก
You're gonna drown in your sleep for sure
คุณต้องกำลังจมน้ำอยู่ในห้วงความฝันอย่างแน่นอน
[Chorus]
Wake up and start a big fire
ตื่นขึ้นและจุดไฟขนาดใหญ่
In our one room apartment
ในอะพาร์ตเมนต์ห้องเดี่ยวของเรา
But I'm too tired
แต่ฉันเหนื่อยเกินไป
To have a pissing contest
ที่จะต้องโต้เถียง
All the bad dreams that you hide
ฝันร้ายทั้งหมดที่คุณซ่อนเอาไว้
Show me yours, I'll show you mine
เปิดเผยให้ฉันเห็น และฉันจะให้เปิดเผยมันกับเธอเช่นกัน
[Verse 2]
Call me when you land
โทรหาฉันเมื่อคุณลงจากเครื่อง
I'll drive around again
ฉันจะขับรถเที่ยวเล่นอีกสักครั้ง
One hand on the wheel, one in your mouth
มือหนึ่งบนพวงมาลัย อีกมือในปากของคุณ
Turn me on and turn me down
คุณทำให้อารมณ์ฉันพุ่งสูงขึ้นและปฏิเสธฉัน
** ท่อนนี้ฟีปีเคยตอบแฟนคลับว่าหมายถึงเซ็กส์ระหว่างทางกลับหลังจากมารับใครสักคนจากสนามบินในทวิตเตอร์
** Top comment ในยูทูปมีการตีความถึงท่อนนี้ได้น่าสนใจและลึกซึ้งมากทีเดียวค่ะ นอกจากคำแปลข้างต้น ท่อนนี้สามารถแปลว่า “เปิดเพลงฉันดังขึ้นและเบาลง” ได้ด้วยเช่นกัน
(ถ้าตีความคำว่า me เป็นตัวคนจริงๆจะได้ความทางเพศตามที่ฟีบีบอก แต่ถ้าตีความว่า me ในที่นี้หมายถึง “เพลงของฟีบี” ก็จะกลายเป็นความหมายที่สอง)
user: @opala263 แสดงความคิดเห็นไว้ว่า "การที่เราเปิดเพลงคลอขณะที่ขับรถนั้นเรามักเปิดเพื่อให้ดนตรีเป็นเพื่อนร่วมทาง คล้ายกับความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ เราเพียงแค่ชอบให้มีอีกฝ่ายอยู่ด้วยเพียงเพื่อให้เราไม่ต้องอยู่คนเดียว แต่ก็ไม่ได้รัก"
กล่าวได้ว่าการตีความส่วนบุคคลข้างต้นสอดคล้องกับบริบทของบทเพลงมากทีเดียว ใน Verse 1 มีการกล่าวว่าอีกฝ่ายมีคนอื่น สะท้อนให้เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้รักฟีบี ถึงแม้เธอจะรู้แต่เธอก็ยังคงต้องการที่จะมีเขาในชีวิตของเธอ เพราะโรคของเธอทำให้การที่ได้ช่วยเหลืออีกฝ่ายทำให้ตนได้รู้ว่ามีคุณค่า)
[Chorus]
Baby, you're a vampire
ที่รัก คุณเป็นแวมไพร์
You want blood and I promised
คุณจะต้องการเลือดและฉันก็สัญญาว่าจะให้
I'm a bad liar
ฉันเป็นคนที่โกหกไม่ได้เรื่อง
With a savior complex
ด้วยโรคเสพติดการช่วยเหลือผู้อื่นนี้
All the skeletons you hide
ความลับทั้งหมดที่คุณซ่อนเอาไว้
Show me yours and I'll show you mine
เปิดเผยมันให้ฉันเห็น และฉันจะเปิดเผยกับคุณเช่นกัน
* *คิดว่าน่าจะสื่อถึงสำนวนภาษาอังกฤษ a skeleton in the closet ที่แปลว่า ความลับที่อาจนำมาสู่ปัญหาหรือความลับที่น่าอาย
* *ท่อนนี้ตัวของฟีบี บริดเจอร์เคยออกมายืนยันกับแฟนคลับในทวีตเตอร์ด้วยเช่นกันว่าสื่อถึงความลับและการเปลือยกาย
[Outro]
All the bad dreams that you hide
ฝันร้ายที่คุณซุกซ่อนเอาไว้ทั้งหมด
Show me yours
เผยมันออกมา
**จะเห็นได้ว่าตลอดต้นเพลงจนถึงกลางเพลงที่ผ่านมา ตัวเอกในเรื่องจะบอกให้อีกฝ่ายเผยความลับให้และเธอเองก็จะเผยความลับของตน เปรียบเทียบได้กับตอนแรกเริ่มความสัมพันธ์ที่ทุกคนมักเปิดเผยต่อกันมาก แต่พอระยะเวลาผ่านไปตอนจบเพลง ตัวเนื้อกลับร้องแค่ “show me yours” เท่านั้น และไม่ได้บอกกลับว่าเธอจะเปิดเผยความลับของเธอ ซึ่งตรงกับลักษณะของโรคเสพติดการช่วยเหลือผู้อื่นเพื่อหลบหนีปัญหาของตนเอง
Fun Fact about the song: ผกก.เอ็มวีนี้คือ Phoebe Waller-Bridge หรือนักแสดงนำและผู้สร้างซีรี่ส์เรื่อง Fleabag
เรื่องย่อ: ฟลีแบ็กผู้ไร้เป้าหมายในชีวิตเป็นเจ้าของร้านคาเฟ่เล็ก ๆ ร้านหนึ่งในนิวยอร์ก รายได้น้อยนิด ชีวิตค่อนข้างจะตกอับ แฟนทิ้ง ติดเซ็กส์ เพื่อนตาย บ้านมีปัญหา พ่อมีภรรยาใหม่ที่เธอเกลียดน้ำหน้า น้องสาวเป็นคนเดียวที่เธอพอจะคบหาด้วยได้แต่ด้วยนิสัยที่ไม่เด็ดขาดของน้องจึงทำให้มีปัญหาวุ่น ๆ เกิดขึ้นอยู่เสมอ
ถึงแม้ภายนอกตัวซีรี่ส์จะฉาบไว้ด้วยความเสียงหัวเราะ แต่หากมองลึกลงไปตัวซีรี่ส์จะพาผู้ชมไปพบกับอีกด้านของความเศร้าโศก การแสดงความเสียใจไม่จำเป็นต้องแสดงออกด้วยน้ำตาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากไม่ต้องการให้ใครสงสารหรือกังวลกับความย่ำแย่ในชีวิตที่เกิดขึ้น เสียงเราะอาจเป็นเพียงคำตอบเดียวในการปกปิดความโหดร้ายที่เกิดขึ้น
ปล. ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ ผิดพลาดอะไรแจ้งได้เลยนะคะ ยินดีแก้ไขค่า
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in