==========================================
ความตายไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด
แต่การมีชีวิตอยู่เพื่อเห็นคนที่ตัวเองรักตายไปต่างหากคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด
==========================================
การใช้ชีวิตแบบพวกเราไม่สามารถเหมือนกับคนธรรมดาไปได้
นั่นเป็นสิ่งที่ฮันเตอร์รู้แจ้งแก่ใจ ตั้งแต่ตอนที่ทราบความจริงทั้งหมดเบื้องหลังที่ถูกซ่อนเร้นบนโลกกลม ๆ เน่าเหม็นใบนี้ เรื่องราวเหนือธรรมชาติ ผี ปีศาจ พระเจ้า ซาตาน จนกระทั่งเธอได้กลายมาเป็นนักไสย์เวทย์เต็มตัว
น่าตลกที่แม้ว่าจะเกิดมาอย่างมนุษย์ คิดอย่างมนุษย์ และใช้ชีวิตอย่างมนุษย์มาตลอด แต่ลึก ๆ แล้วนักไสย์เวทย์ทุกคนล้วนเผชิญหน้าต่อปัญหาอย่างเดียวกัน นั่นคือพวกเขาไม่มีทางเป็นเยี่ยงมนุษย์ธรรมดาได้อีกแล้ว ไม่ว่าจะหลอกตัวเองหรือจะพยายามจะเป็นส่วนหนึ่งของสังคมมากแค่ไหน ที่สุดแล้วนักไสยเวทย์ก็เป็นแค่ตัวประหลาดตัวหนึ่งเท่านั้น ไม่ต่างไปจากคำสาปน่าขยะแขยงที่เรากำราบอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ต้องเห็นในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น ต้องต่อสู้ในสิ่งที่ไร้ตัวตน หากไม่ใช่คนบ้าในสายตาคนอื่นแล้วจะเรียกว่าอะไรได้อีก
เพราะไม่อาจเป็นส่วนหนึ่งของสังคมใดได้อย่างแท้จริง ไหนจะอันตรายที่ต้องพบเจอผ่านภารกิจเสี่ยงตายต่าง ๆ ความโดดเดี่ยวจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยสำหรับนักไสยเวทย์
ทว่าความรักคือคำสาปที่บิดเบี้ยวที่สุด คำสาปที่นักไสยเวทย์ผู้เก่งกาจแค่ไหนก็ไม่อาจกำราบได้ นั่นคือสิ่งที่โกะโจ ซาโตรุ อาจารย์ของฮันเตอร์เคยกล่าวเอาไว้ และเธอก็เข้าใจอย่างลึกซึ้ง เมื่อได้ตกหลุมรักอีกครั้งกับชายผู้หนึ่ง ซึ่งคราวนี้ไม่ใช่มนุษย์ทั่วไปอย่างแต่ก่อน
‘นานามิ’
นี่เป็นครั้งแรกที่ฮันเตอร์คิดว่าตัวเองจะได้มีโอกาสครั้งที่สอง ในเมื่อคนอย่างเธอไม่คู่ควรกับคนทั่วไป เหตุใดถึงไม่คู่กับคนบ้าเหมือนกันเสียเลยล่ะ?
“เราย้ายไปมาเลเซียกันไหม”
ฮันเตอร์ขมวดคิ้วให้กับคำถามของเขา ในเช้าวันหนึ่งระหว่างนั่งกินอาหารด้วยกันในอพาร์ทเมนท์เล็ก ๆ ใจกลางโตเกียว ไม่เคยเลยสักครั้งที่นานามิจะถามเธอแบบนี้ เพราะโดยปกติถ้าไม่ใช่บทสนทนาเรื่องชีวิตประจำวัน ก็มักเป็นเรื่องงานล้วน ๆ
“เกิดอยากไปปราบผีที่มาเลเซียเหรอ แบบนั้นนายต้องเรียนอัลกุรอานแล้วนะ”
เธอกล่าวเหมือนมันเป็นเรื่องตลกเรื่องหนึ่ง แต่เขาไม่ตลก มือใหญ่คู่นั้นเอื้อมมือกุมหญิงสาวไว้ สัมผัสทั้งหนักแน่นและอบอุ่น
“ฉันไม่อยากทำอาชีพนี้แล้ว เรามาใช้ชีวิตด้วยกันเถอะนะ”
“นายหมายถึง…ชีวิตแบบคนธรรมดา
“ใช่” ดวงตาสีอ่อนของชายวัยสามสิบสามเปล่งประกายเหมือนเด็ก ๆ “ฉันจะหางานทำเอง หรือเธอจะทำงานก็ได้ เรื่องงานบ้านก็จ้างแม่บ้านทำความสะอาดเอาแล้วกัน”
ฮันเตอร์รู้สึกเหมือนกำลังฟังเรื่องเพ้อเจ้อ เหมือนมีใครสักคนบอกคุณว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริง แน่นอนว่าผีมีจริงอยู่แล้วเธอรู้ดี แต่ไม่มีใครรู้สักหน่อยว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริงหรือเปล่า
และเขาก็ขอเธอแต่งงานในวันนั้น ด้วยแหวนเงินแท้เรียบ ๆ หนึ่งวง พูดอย่างติดตลกว่าหากงานใหม่ที่มาเลเซียมีเงินเดือนมากกว่านี้ เขาจะซื้อเพชรมาประดับที่หัวแหวนเพิ่มให้ทีหลัง
“จะไม่มีเรื่องอันตรายแบบนี้อีกแล้ว พอกันทีกับการวิ่งไล่ตามคำสาปอะไรนั่น เราเลือกชีวิตของตัวเองได้นะฮันเตอร์ ชีวิตแบบคนธรรมดา ทั้งเราและลูกของเรา”
การเป็นคนธรรมดาคือสิ่งที่ฮันเตอร์ใฝ่ฝันมาตลอด
เธอไม่คิดเลยว่านานามิก็จะฝันถึงมันเช่นเดียวกัน
มันเป็นเรื่องโง่จริง ๆ สำหรับคนอย่างพวกเราที่คิดแบบนั้น คิดว่าจะได้ใช้ชีวิตในแบบที่ฝันเอาไว้
ต่อให้มีเวทมนตร์คาถามีพลังวิเศษมากมาย จะมีประโยชน์อะไรกันหากไม่อาจได้มีชีวิตอย่างใจต้องการ
งานครั้งสุดท้ายของเขาก่อนที่เราจะได้ไปมาเลเซียด้วยกัน คืนฮาโลวีนที่ชิบูย่า นั่นคือครั้งสุดท้ายที่หญิงสาวได้เห็นนานามิมีชีวิตอยู่ ร่างของผู้ชายที่เธอรัก คนที่เธอนอนกอดด้วยทุกคืน และตื่นมามองหน้าทุกเช้า บัดนี้แทบจะไม่หลงเหลือเค้าโครงใดให้จดจำได้ รอยไฟไหม้เกรียมดำสนิทเป็นเถ้าถ่าน แค่แตะเบา ๆ ก็แตกหลุดเป็นชิ้นเล็ก ๆ
อีกครั้งแล้วสำหรับคำว่าสูญเสีย
เธอร้องไห้เหมือนคนบ้า เธอสาปแช่งตั้งแต่นรกไปจนถึงสวรรค์
ทว่าไม่มีเสียงตอบรับคำร้องขอของเธอ
ไม่เคยมี ไม่มีเลย
ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ต่างจากฝันร้ายที่ไม่มีวันจบสิ้น หรือบาดแผลที่ไม่มีทางหาย เจ็บปวดทรมานจนไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป
คืนนั้นฮันเตอร์จ้องมองเม็ดยาสีขาวโพลนยี่สิบกว่าเม็ดในมืออย่างว่างเปล่า แต่ก่อนที่หญิงสาวจะตัดสินใจกลืนมันลงคอไปทั้งหมด จมูกของเธอก็พลันได้กลิ่นบางอย่างลอยตลบอบอวลทั่วทั้งห้อง กลิ่นที่ทำให้ร่างกายของเธอสั่นสะท้านด้วยความหวาดหวั่นอย่างยินดีและเศร้าโศก
กลิ่นของเนื้อไหม้เหม็นฉุน
เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับดวงตาสีอ่อนคู่สวยอันแสนคุ้นเคยที่จับจ้องมองกลับมาจากมุมห้อง
กลิ่นเนื้อไหม้ตลบอบอวลในทุกที่ที่เธอไป ใบหน้าสีดำด้านที่ถูกเผาเละจนเห็นเนื้อและกระดูกซึ่งปรากฏบนบานกระจกและปลายเตียง เสียงกระซิบอย่างราวร้านและทรมานที่เอาแต่พร่ำพูดคำว่ารักและขอโทษซ้ำไปซ้ำมา ความอบอุ่นจนแทบแผดเผาเมื่อวงแขนโชกเลือดคู่นั้นคอยโอบกอดเธอยามค่ำคืนบนเตียงกว้างเหมือนอย่างวันวาน
โกะโจซาโตรุพูดถูกที่ว่าความรักคือคำสาปที่บิดเบี้ยวที่สุด เพราะการตายของนานามิ เคนโตะได้กลายมาเป็นคำสาปที่ติดตัวเธอไปตราบชีวิตจะหาไม่ คำสาปเลวร้ายยิ่งกว่าคำสาปใดก็ตามบนโลก คำสาปที่ทุกคนเรียกขานว่าราชาแห่งคำสาปที่เหนือกว่าเรียวเมน สุคุนะ
ทว่าสำหรับฮันเตอร์แล้ว นานามิ เคนโตะยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหน เขายังเป็นรักแท้เพียงผู้เดียวของเธอเท่านั้น
อย่างไรก็ตามทุกคนในวงการไสยเวทย์ไม่ได้คิดแบบเดียวกันกับเธอ คนพวกนั้นพยายามหาหนทางกำจัดนานามิ บอกว่านานามิคือภัยอันตรายที่ไม่ควรดำรงอยู่ในโลกมนุษย์ และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ฮันเตอร์เลือกที่จะลงมือกำจัดพวกเขาทุกคนแทน แม้ว่าสิ่งที่ทำจะทำให้เธอต้องเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกก็ตามที
ขอเพียงให้แน่ใจว่านานามิ เคนโตะยังคงอยู่กับเธอเสมอ จนกว่าความตายจะมาถึงเธอเช่นเดียวกับเขา
เมื่อนั้นเราทั้งคู่จะได้อยู่ด้วยกันตลอดไปอย่างแท้จริง
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
Ps.ตาม canon แล้ว มาเลเซียคือสถานที่ที่นานามิ เคนโตะ อยากไปอยู่ แต่ไม่มีโอกาสได้ไป TT เลยเอามาชงขมๆซะเลย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in