เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Juveniliaผู้เฝ้ามอง
The Sandman│A Dream Untold (x You)





  • วันเสาร์ฝนตก ชื้นแฉะ


    คุณลืมตาขึ้นบนฟูกเก่าในห้องนอนเล็กแคบเท่ารูหนู อากาศเย็นยะเยือก เสียงหยดน้ำจากกลุ่มก้อนเมฆสีคล้ำหล่นกระทบพื้นและหลังคาดังลอดเข้ามา ผ้าม่านปลิวไสวตามสายลมพัดแผ่วเบา


    มันเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อการนอนอยู่บนเตียงตลอดทั้งวัน ซึมซาบเสียงและกลิ่นฟุ้งไอน้ำ ซุกตัวใต้ผ้าห่มผืนบางเหมือนดักแด้ ผ้าห่มเปรียบเสมือนชุดเกราะที่ปกป้องคุณจากความโหดร้ายของโลกภายนอกและเรื่องบ้า ๆ ทั้งหลาย


    ณ ที่ตรงนี้คือพื้นที่ของคุณ และคุณจะปลอดภัยเมื่ออยู่ที่นี่


    คุณปิดเปลือกตาลง บรรยากาศแบบนี้เหมาะที่จะสูบบุหรี่สักม้วน ช่วงเวลาแห่งความอันเรียบง่ายที่พักหลังนี้หาได้ยากยิ่ง


    ทว่าเสียงกุกกักจากข้างนอกห้องทำให้คุณต้องลืมตาขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ คุณถอนหายใจยาวเหยียด ก่นด่ากับตัวเองสี่ห้าคำ ก่อนที่จะเอื้อมมือไปคว้าหยิบเอาบุหรี่จากใต้ลิ้นชัก แล้วจึงดันร่างตัวเองขึ้นมาจากเตียงอย่างอ้อยอิ่ง


    ความรู้สึกคุ้นเคยหวนกลับมาเมื่อเปิดประตูห้องนอนออกไป ไฟสว่างเปิดทั่วขับไล่ความมืดหม่นของเมฆฝน อาหารวางเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ และเขาคนนั้นที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวโปรดของคุณ


    ทุกสัดส่วนบนร่างกายผอมแห้งของชายคนนั้นถูกครอบคลุมด้วยเครื่องแต่งกายสีดำสนิท สีเดียวกันกับเรือนผมยุ่งเหยิงซึ่งเปียกชื้นด้วยน้ำฝน ให้ความรู้สึกเหมือนแมวดำจรจัดที่ลักลอบเข้ามาในที่พักของมนุษย์โดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่แยแสแม้เจ้าของห้องจะปรากฏตัวออกมาแล้วก็ตาม เขาจิบโกโก้ร้อนจากแก้วลายการ์ตูนในมืออย่างสบายใจ และยามเมื่อเขาผินมามองคุณ รอยยิ้มคลุมเครือก็ประดับอยู่บนดวงหน้าขาวซีดราวกับหิมะ


     “ตื่นสักทีนะ” น้ำเสียงทุ้มต่ำไพเราะเอ่ยทักทาย คล้ายจะพัดพาเอาบรรยากาศน่าอึดอัดและท้องฟ้าครึ้มฝนให้จางหายไปในพริบตา


    คุณไม่ได้คิดไปเองในข้อนี้ เพราะเสียงฝนที่เงียบลงไปและแสงอาทิตย์สว่างไสวลอดผ่านบานหน้าต่างช่วยยืนยันได้อย่างชัดเจน


     ไม่ ฉันยังไม่ตื่น คุณปฏิเสธทันควัน “ถ้าฉันตื่น นายจะไม่อยู่ตรงนี้แน่


    ทั้งหมดนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อไรกันนะ?


    คุณอดคิดขึ้นมาไม่ได้ระหว่างที่เลื่อนเก้าอี้แล้วนั่งลงตรงข้ามกับชายคนนั้นอย่างคุ้นชิน เหมือนกับทุกวัน เหมือนกับทุกครั้ง ราวกับการใช้เวลาอยู่ด้วยกันในความฝันกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของคุณและเขาไปแล้ว


    จนบางครั้งคุณไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ากำลังยืนอยู่บนความจริงหรือความฝันกันแน่?


    ใช่...มันเริ่มเกิดขึ้นจากความฝันของคุณเมื่อนานมาแล้ว


    หลายคนมักจดจำเรื่องราวในความฝันไม่ได้ยามที่ตื่นขึ้นมา แต่ไม่ใช่สำหรับคุณ คุณจำสิ่งที่ตัวเองฝันได้เสมอ และมักจะรู้ตัวอยู่ตลอดว่าตัวเองกำลังฝัน หลังจากนั้นคุณจึงเริ่มควบคุมมันเหมือนพระเจ้าที่ควบคุมชะตาของโลก เปลี่ยนแปลงและเล่นสนุกไปกับฝันของตัวเอง จนกระทั่งคืนหนึ่งความฝันของคุณก็เริ่มเปลี่ยนไป นั่นคือครั้งแรกที่คุณได้เจอกับเขา


    เขาคือความฝันที่คุณไม่อาจบังคับได้ คือตัวตนสีดำมืดที่เปี่ยมไปด้วยเจตจำนงเสรีและพลังบางอย่าง ให้ความรู้สึกเหมือนกับภูตผีหรือปีศาจในฝันร้าย ชายคนนั้นเยือกเย็นแต่มีโทสะเต็มเปี่ยม ดวงตาภายใต้คิ้วหนาเข้มราวกับจะแผดเผาคุณเพียงด้วยการจดจ้องเท่านั้น เขากล่าวหาว่าคุณกำลังทำเรื่องยุ่งยากด้วยการปั่นป่วนดินแดนของเขา แน่นอนว่าตอนนั้นคุณไม่เข้าใจสักนิดเดียวว่าอีกฝ่ายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไรกันแน่


    จนกระทั่งคุณฝันถึงเขาทุกคืนหลังจากนั้น ฝันรูปแบบเดิมซ้ำไปซ้ำมา มีเพียงความฉงนงงงวยบนดวงตาฟ้ากระจ่างของผู้ชายคนนั้น และคำพูดที่แปลกไปจากเดิมที่ทำให้คุณรู้ว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น และได้รู้ว่านี่ไม่ใช่ความฝันธรรมดาอย่างที่เข้าใจมาตลอด


    รวมถึงผู้ชายที่คุณเจอในความฝัน...เขาไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาด้วยซ้ำ


    เขาบอกว่าตัวเองคือความฝัน ผู้ควบคุมและสร้างสรรค์ทุกสรรพสิ่งที่กำเนิดในฝันของมนุษย์ และมันควรจะเป็นเช่นนั้นต่อไป หากไม่ใช่เพราะการเกิดขึ้นของมนุษย์ผิดแผกผ่าเหล่าที่ถูกเรียกว่าโกลานิมิต[1] ผู้ที่สามารถบงการและเข้าถึงทุกพื้นที่ในความฝันของทุกคน ไปจนถึงทำลายล้างสมดุลความฝันได้ ซึ่งจัดเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อตัวเขา รวมถึงต่ออาณาจักรของเขาด้วย คุณรู้ดีแม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ ก็ตามว่าเขากำลังหมายถึงคุณนั่นเอง


    คุณคือสิ่งเดียวในความฝันที่เขาควบคุมไม่ได้ และเขาก็เป็นสิ่งเดียวในความฝันที่คุณควบคุมไม่ได้เช่นกัน


    และไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม การปรากฏตัวของเขาในความฝันของคุณครั้งนั้นกลับกลายเป็นการผูกติดคุณและเขาไว้ด้วยกัน และไม่อาจแก้ไขได้แม้ว่าอีกฝ่ายจะได้ชื่อว่าเป็นความฝันก็ตามที ทุก ๆ ครั้งที่เข้าสู่ห้วงนิทรา ตัวตนของเขาจะเป็นภาพแรกที่คุณพบเจอ ก่อนที่ทุกอย่างจะหายวับไปเมื่อยามตื่นลืมตาตื่น


    มันไม่ใช่การพบพานที่น่าภิรมย์นักในช่วงแรก เทพแห่งความฝัน(ในตอนแรกคุณเข้าใจเช่นนั้น) เป็นชายที่ดูเย็นชา ไว้ตัวและอารมณ์ไม่ดีแทบจะตลอดเวลา คล้ายกับว่าการมีอยู่ของคุณทำให้เขาหงุดหงิดเหลือคณา แต่เขาไม่ใช่คนชั่วร้ายนั่น เป็นสิ่งที่คุณรู้สึกได้ ถึงแม้จะดูไม่น่าเข้าใกล้เท่าไรนัก


    อย่างไรก็ดีเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเหตุสุดวิสัยและความลี้ลับของจักรวาลอันไร้เหตุผล ซึ่งไม่ใช่ความผิดของคุณแม้แต่น้อย ในที่สุดเขาก็เหมือนจะยอมรับได้ถึงความจริงข้อนี้และผ่อนคลายลงมากขึ้น หลังจากการพบเจออันน่าอึดอัดดำเนินไปได้ระยะหนึ่ง และเต็มไปด้วยความเงียบเป็นส่วนใหญ่ ในที่สุดเขาก็เริ่มที่จะเอ่ยปากขึ้นมาบ้าง


    เธอเรียกฉันว่ามอร์เฟียสก็ได้


    คุณพยักหน้าต่อคำขอของเขา ที่ผ่านมาการเรียกขานชายคนนี้ว่าท่านความฝัน ราชา หรืออนันต์[2]ทำให้รู้สึกกระดากปากอยู่เสมอ ถึงจะรู้ดีว่าเขาไม่ใช่มนุษย์เช่นเดียวกับคุณ และดำรงอยู่มายาวนานพอ ๆ กับอายุขัยของดาวโลกก็ตามที แต่ในความฝันของคุณ เขาก็เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น


    ผู้ชายธรรมดาที่ดูจะขี้เหงาอยู่เหมือนกัน


    คุณสังเกตสิ่งเหล่านี้ได้จากบทสนทนา(ที่มักจะเริ่มต้นจากคุณอยู่ฝ่ายเดียว) ความเงียบเป็นสิ่งที่คุณไม่ชอบ ฉะนั้นคุณจึงพยายามทำลายมันด้วยการพูดคุยถึงเรื่องต่าง ๆ จากโลกของตัวเองให้เขาฟัง เพราะคุณรู้ว่าเขาแทบจะไม่เคยย่างกรายบนโลกของคุณเลย ครั้งหนึ่งเขาเคยบอกไว้ว่า ความฝันไม่ควรดำรงในความจริง ตลอดชีวิตของชายหนุ่มจึงอาศัยอยู่เพียงในความฝัน ปกครองดินแดนของตนด้วยกฎเกณฑ์อันเข้มงวด ทุกอย่างเกิดขึ้นจากเขาและต้องเป็นไปตามที่เขาต้องการ นั่นเป็นเหตุผลให้แดนฝันงดงามเกินจริงและน่าพิศวง แต่เต็มไปด้วยความว่างเปล่าที่ต้องคอยเติมให้เต็มอยู่เสมอ มอร์เฟียสคือจิตรกรชั้นเอกที่ถูกขังอยู่กับงานศิลป์ของตัวเอง การดำรงอยู่อันโดดเดี่ยวของเขาเป็นเรื่องจริงและน่าเศร้า


    ทว่าการมีอยู่ของคุณ โกลานิมิตจากโลกความจริง ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เขาสร้างขึ้นและอยู่นอกกฎเกณฑ์ของฝัน ทำให้ผู้รังสรรค์ที่รักความสมบูรณ์แบบอย่างเขาหงุดหงิด แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้เขากระหายใคร่รู้ คุณคือปริศนาที่มีชีวิต และเป็นเรื่องเล่าของสิ่งที่เขาไม่เคยพบเจอในชีวิตนิรันดร์ ส่วนนี้เองที่ทำให้ความสัมพันธ์แสนประหลาดของสองสิ่งมีชีวิตต่างเผ่าพันธุ์ดำเนินต่อไปได้


    มันความสัมพันธ์ที่ดี แต่ไม่ใช่มิตรภาพแน่นอน เพราะคุณมาดินแดนนี้โดยไม่ได้รับเชิญ และผู้เป็นราชาก็ไม่ได้ต้องการ เขาไม่เคยไว้วางใจใครทั้งนั้น แต่อย่างน้อยที่สุดเขาก็จำยอมให้กับคุณโดยไม่เสียอารมณ์อีกต่อไป เป็นอภิสิทธิ์ที่แม้แต่พี่น้องผู้ยิ่งใหญ่ของเขาก็ยังไม่ได้รับเกียรติเท่านี้ คุณผจญไปในความฝันร่วมกันกับเขา เฝ้ามองผลงานอันน่าสะพรึงและน่าวิจิตรที่เขาก่อร่างสร้างขึ้นจากปลายนิ้วผอมแห้งในรูปแบบของฝันดีและฝันร้าย มันน่าทึ่งมากที่ได้เห็นกระบวนการเหล่านี้ด้วยตาของตัวเอง และทุกครั้งที่ได้มองเขาทำงาน คุณมักจะจินตนาการเขาในรูปลักษณ์ของมนุษย์คนหนึ่งผู้นั่งจับเจ่าเคร่งเครียดอยู่หน้าผืนผ้าใบ เปรอะเปื้อนด้วยสีสันที่ตัวเองบรรจงแต่งแต้มลงไป และหมกมุ่นอยู่กับการสร้างสรรค์ที่ไม่รู้จบ


    มันจะดีกว่าไหมนะ? ถ้าหากเขาเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาเหมือนกันกับคุณ


    ถ้าหากเขาและคุณสามารถอยู่ด้วยกันได้บนโลกแห่งความจริง


    ความคิดอันไร้สาระนี้รบกวนจิตใจของคุณอย่างต่อเนื่อง โดยที่คุณเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพราะอะไรถึงคิดเช่นนี้ แม้ว่าจะพยายามไม่คิดเท่าไร มันก็ยิ่งหลอกหลอนคุณมากกว่าเดิม คุณนึกหวาดกลัวว่าเจ้าแห่งฝันจะล่วงรู้ถึงความลับต้องห้ามนี้เข้าในสักวันหนึ่ง หากเขารู้ว่าคุณคิดอะไร เขาจะแสดงออกอย่างไร คุณไม่ได้กลัวการลงโทษ แต่กลัวสิ่งที่เลวร้ายกว่านั้น


    คุณกลัวว่าเขาจะไม่อยากพบหน้าคุณอีกต่อไป


    เธอมีอะไรบางอย่างอยู่ในใจอย่างนั้นเหรอ?”


     ในค่ำฝันคืนหนึ่ง ฝันที่ขมุกขมัวและหนาวเย็นด้วยสายฝนโปรยปรายทุกพื้นที่ ดอกไม้หม่นแสงและดวงอาทิตย์หลบเร้นไม่ปรากฏ คุณรู้สึกเหมือนตัวเองยืนอยู่ในฝันร้ายยามที่เขามองหน้าคุณแล้วถามคำถามตรงประเด็น ดวงตาแหลมคมของคนตรงหน้าแฝงอารมณ์ที่ไม่อาจเข้าใจได้ คุณตัวสั่นอย่างควบคุมไม่อยู่ ความคิดในหัวมีแค่ว่าห้ามตอบออกไปเด็ดขาด คุณคิดว่าคุณทำได้ คุณไม่ได้พูดเรื่องที่ว่าอยากให้เขาเป็นมนุษย์ แต่ดันกลับหลุดปากพูดความคิดอีกอย่างหนึ่งออกไปแทน


    คุณเหงาบ้างไหม?”


    อันจริงคุณรู้มาตลอดอยู่แล้ว แต่ไม่เคยคิดเอ่ยปากถามเช่นในตอนนี้ นั่นเพราะบุรุษแห่งฝันเข้าใจยากยิ่งกว่าอะไรดี และคำถามของคุณอาจจะมากเกินไปหากเทียบกับความสัมพันธ์ที่มี คุณหวั่นเกรงจะได้เห็นความโกรธเกรี้ยวอันน่าสะพรึงจากเขา แต่ไม่เลย ปฏิกิริยาของเขาเริ่มต้นจากความประหลาดใจ และในชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น คุณเห็นว่าเขากำลังยิ้ม แม้จะเป็นเพียงรอยยิ้มบางเบาก็ตามที

    นานมาแล้วมีมนุษย์ถามคำถามนี้กับฉันเช่นกัน มอร์เฟียสพึมพำ ดูเหมือนกำลังครุ่นคิดถึงอดีตกาลที่เคยเกิดขึ้นไปแล้ว ฉันโกรธกับคำถามนี้มาก...นั่นเพราะว่าเขาพูดถูกแต่ตอนนั้นฉันทิฐิเกินไปที่จะยอมรับ


    แล้วตอนนี้ล่ะ?’ คุณคิดในใจ แต่ไม่ได้เผลอพูดออกไปเหมือนคราวแรก ทว่าความสงสัยไม่อาจหลุดรอดพ้นจากสายตาของอนันต์ผู้เฝ้าดูคุณอย่างพินิจพิจารณาไปได้ สิ่งหนึ่งที่คุณไม่รู้นั่นก็คือเจ้าสุบินอยู่ยืนยาวมานานพอที่สามารถหยั่งรู้ความคิดของสิ่งมีชีวิตทั่วผืนจักรวาลได้ รวมถึงตัวคุณด้วย  การแสร้งโกหกและเลือกที่จะปกปิดความรู้สึกตัวเองต่อหน้าผู้ยิ่งใหญ่จึงเป็นความพยายามที่ไร้ประโยชน์


    มนุษย์คือสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนยุ่งเหยิง และยากจะเข้าใจ


    แต่เพราะเช่นนี้จึงทำให้มนุษย์เป็นมนุษย์


    และเพราะเช่นนี้ที่ทำให้อนันต์หลงรักมนุษย์


    ตอบโดยสัตย์จริง เมื่อก่อนฉันไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าความเหงาคืออะไร ชายหนุ่มหยุดคิดเล็กน้อยในเวลาเดียวกับที่ท้องฟ้าคำรามลั่น เงามืดที่ทาบทับใบหน้าซีดเซียวไปครึ่งหนึ่งให้บรรยากาศหมองหม่นมากกว่าครั้งไหน จนกระทั่งมีผู้หญิงคนหนึ่ง[3]เข้ามาหาฉันในแดนฝันเหมือนกับเธอตอนนี้ หล่อนเคยบอกว่ารักฉัน แต่สุดท้ายก็ปฏิเสธฉันและจากไป”


    ถ้อยคำของเขาราบเรียบเสมือนบอกเล่าข้อเท็จจริงทั่วไป ทว่านี่คือการเปิดเผยความลับสำคัญของเจ้าแห่งฝันที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้มาก่อน คุณไม่คิดด้วยซ้ำว่าบุรุษผู้ด้านชาอย่างเขาจะเคยมีความรักมาก่อน และยังเป็นความรักกับมนุษย์เสียด้วย มีคำถามมากมายเต็มไปหมดในหัว แต่ไม่มีความรู้สึกอยากรู้อีกต่อไปแล้ว เพราะสถานการณ์ตอนนี้แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง คุณตระหนักดีว่าตัวเองเพิ่งจะได้รับรู้ในสิ่งที่ไม่ควรได้รู้ไปเสียแล้ว

    อย่างไรก็ตามแทนที่จะตื่นกลัวหรือสับสน คุณกลับรู้สึกเสียใจเหลือเกินที่ได้ยินเรื่องราวความรักไม่สมหวังของเขา เป็นเรื่องน่าตลกที่มนุษย์ธรรมดาผู้หนึ่งกลับนึกสงสารต่อสิ่งมีชีวิตที่เหนือกว่า คุณเม้มปาก กลืนความรู้สึกอันขมปร่าลงคอตัวเอง ก่อนจะเอื้อมมือแตะไปที่แขนของเขาเบา ๆ อย่างต้องการปลอบประโลม


    เป็นครั้งแรกที่คุณสัมผัสตัวเขา และเป็นครั้งแรกที่คุณได้รู้ว่าสัมผัสจากความฝันช่างเย็นยะเยือกอย่างน่าประหลาด ทว่าเมื่อมือของเขาเข้ากุมประสานแนบแน่นกับมือคุณ ความอบอุ่นกลับค่อย ๆคืบคลานเข้าแทนที่


    “เธอทำให้ฉันนึกถึงอดีต”


    มอร์เฟียสมองคุณ การแสดงออกของราชาแดนฝันยังคงไร้อารมณ์และยากแท้หยั่งถึง แต่สายตาอันเปล่งประกายของเขาเผยบางสิ่งให้เห็นเพียงชั่วขณะ บางสิ่งที่มีแต่คุณเท่านั้นที่เห็นมัน

    แล้วเธอล่ะน้ำเสียงทุ้มต่ำมีความสั่นไหวบางเบา เธอเหงาหรือไม่?”


    มีความนัยแอบแฝงอยู่ในคำถามนี้ และคุณรู้ดีว่ามันมีหมายความว่าอย่างไร พอ ๆ กับที่คุณเพิ่งเข้าใจว่าความรู้สึกอันว้าวุ่นในใจตลอดเวลาที่ผ่านมาคือความรู้สึกของอะไรกันแน่


    คุณตกหลุมรักความฝันเข้าเสียแล้ว


    ไม่ ไม่เลย


    คุณตอบเขาอย่างชัดถ้อยชัดคำยามมองเข้าไปในดวงตาที่งดงามดั่งดาวจรัสแสงของเขา และในดวงตาคู่นั้นเอง คุณก็ได้เห็นว่าเขารักคุณเหมือนกัน


    ฝนหยุดตกไปแล้ว ดวงอาทิตย์ที่เคยหลบซ่อนบัดนี้เผยแสงสว่างเรืองรองเหนือปุยเมฆ เหล่าวิหคร่ำร้องเพลงอย่างเป็นสุข และดอกไม้หลากสีสันชูช่อผลิบานละลานตา ช่างเป็นความฝันที่สวยงามเหลือเกิน คุณอดคิดเช่นนั้นไม่ได้ ทว่าเมื่อชายหนุ่มจรดจุมพิตประทับตราบนริมฝีปากคุณอย่างนุ่มนวล คุณก็ได้รู้ว่าทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพียงแค่ความฝันอีกต่อไป แต่คือความเป็นจริงของทั้งคุณและเขา


    น่าเศร้าที่ความจริงทั้งหมดนี้กลับต้องกลายเป็นความลับที่มิอาจถูกเปิดเผยได้


    เขาเกิดมาเพื่อเป็นอนันต์ ส่วนคุณเป็นแค่มนุษย์ และมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เปราะบางเกินกว่าจะรับความรักจากผู้ยิ่งใหญ่อันเป็นนิรันดร์ จักรวาลไม่อาจยอมรับเรื่องผิดธรรมชาติเช่นนี้ได้ เพราะจักรวาลก็มีกฎเกณฑ์ของตัวเอง เช่นเดียวกับโลกและแดนฝัน สุดท้ายแล้วจึงมีแค่ในความฝันเท่านั้นที่เขาและคุณจะสามารถรักกันได้


    นี่คือเหตุผลข้อใหญ่ที่ทำให้มนุษย์คนก่อนหน้านี้เลือกที่จะทิ้งเขาไป


    ส่วนหนึ่งในร่างกายของคุณกำลังกรีดร้องบอกว่าทั้งหมดนี้มันไม่ถูกต้อง และคุณรู้แก่ใจว่าคำตอบที่ถูกต้องสำหรับปัญหานี้คืออะไร หักอกมอร์เฟียสเหมือนกับที่อดีตคนรักเก่าของเขาทำมันเป็นเรื่องง่ายสำหรับจินตนาการในหัว แต่เมื่อเขานั่งอยู่ตรงหน้าคุณ ห่างไปเพียงแค่โต๊ะอาหารคั่นไว้เท่านั้น คุณก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าคุณทำไม่ได้


    ตราบใดที่นิทรายังมีฝัน คุณก็ไม่มีทางไปจากเขาได้


    คุณถอนหายใจเหนื่อยหน่าย ก่อนจะยกบุหรี่คาบไว้บนริมฝีปากและจุดไฟแช็กจ่อปลายม้วน ปลดปล่อยความคิดอันว้าวุ่นให้ฟุ้งกระจายไปพร้อมกับกลุ่มควันสีเทา ความเงียบงันดำเนินไปอย่างไม่รู้จบจวบจนกระทั่งได้ยินเสียงแก้วโกโก้วางกระทบโต๊ะไม้ ฉับพลันทิวทัศน์รอบตัวหมุนเกลียวเหมือนถาดสีน้ำมันถูกหยดละลายด้วยน้ำเปล่า ไม่นานนักห้องเช่าเล็กคับแคบก็แปรเปลี่ยนเป็นชายหาดริมทะเลอันกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ดวงดาราบนท้องฟ้าฉายแสงเปล่งปลั่งสะท้อนน่านน้ำสีมืดระยิบระยับราวอัญมณี


    ฝีมือของมอร์เฟียสยังวิจิตรงดงามเสมอ ในแดนฝันเขาคือจิตรกรเอกอุที่ไม่อาจหาผู้ใดเทียบเทียมได้


    บุหรี่ในมือคุณถูกฉกฉวยโดยเจ้าสุบิน ก่อนจะอันตรธานเหลือเพียงเศษขี้เถ้าปลิวไปกับสายลม เมื่อปราศจากโต๊ะอาหารขวางกั้น เขาก็ใกล้ชิดมากกว่าเดิม มากเสียจนคุณสามารถเห็นขนตาสีเข้มทุกเส้นที่ล้อมรอบดวงตาอันสวยงามของเขาในตอนนี้


    คุณสบตาเขา ความไม่สบายใจก่อตัวขึ้นเช่นเดียวกับทุกครั้งที่เจอหน้ากัน มอร์เฟียสเหมือนสีดำที่มีชีวิต เหมือนสีของท้องฟ้าและน่านน้ำไร้แสงสว่าง เป็นความย้อนแย้งพิลึกหากยอมรับว่าเขาทำให้สีดำน่าหลงใหล


    ไม่มีอะไรที่อยากจะพูดหน่อยเหรอ


    ดวงตาพราวระยับและรอยยิ้มมุมปากเผยเจตนาหยอกเย้ามนุษย์ตัวน้อยอย่างชัดเจน มอร์เฟียสรู้เสมอว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ เพราะผู้เป็นอนันต์รับรู้ได้ทุกสิ่งอย่าง และการเฝ้ามองการตัดสินใจของคุณก็ดูจะเป็นหนึ่งในความบันเทิงเล็กน้อยของเขา


    เขาไม่เคยชักจูงล่อหลอก เขาไม่เคยร้องขอ ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นเลย ในเมื่อทั้งคุณและเขาต่างรู้คำตอบของคำถามดีอยู่แล้ว


    ไม่ ไม่เลย” คุณขานตอบเสียงแผ่วเบา เหมือนกับทุกครั้งที่เขาเอ่ยปากถาม


    ความคิดทั้งหมดทั้งมวลมลายหายไปทันควันเมื่อฝ่ามือเย็นเฉียบทั้งสองข้างประคองแก้มคุณอย่างนุ่มนวล สัมผัสจากปลายนิ้วบางเบาราวขนนกทิ้งความรู้สึกวูบวาบบนผิวหนัง ดวงตาคุณปิดลงในเวลาเดียวกับที่ริมฝีปากถูกช่วงชิงครอบครองเบ็ดเสร็จโดยราชาแห่งฝัน ทุกจังหวะหวานล้ำและเปี่ยมด้วยความโลภยิ่งยวด ได้รับมากเท่าไรก็ไม่เคยเพียงพอมีแต่จะต้องการมากขึ้นเท่านั้น


    มันจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนกันนะ?


    โชคชะตาในอนาคตเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดา และมีหนทางเดียวเท่านั้นเมื่อตอนอวสานมาถึง มันอาจจบลงที่การตายอย่างน่าอดสูของคุณ การพังทลายของเขา หรือแม้แต่มนุษยชาติล่มสลายก็ตามที แต่ในยามที่เขาจุมพิตคุณ คุณกลับรู้สึกว่าทั้งหมดนี้ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว เมื่อเทียบกับช่วงเวลาในความฝันที่ได้อยู่ด้วยกันแค่เพียงชั่วขณะเดียวเท่านั้น


    เพราะรักคือส่วนหนึ่งของความเห็นแก่ตัว ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือเป็นอนันต์ก็หลีกเลี่ยงไม่พ้น


    และเหมือนเช่นความฝันที่เกิดขึ้นทุกค่ำคืน ภาระรวมถึงพันธนาการทั้งในจิตใจและบนเรือนร่างถูกปลดเปลื้องอย่างง่ายดายด้วยการเคลื่อนผ่านของกันและกัน คุณโอบกอดเขา เขาโอบกอดคุณ แนบชิดเนื้อหนังลึกจนถึงจิตวิญญาณ


    ณ ช่วงเวลาที่เหมือนนิรันดร์ สองสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างได้ประสานเป็นหนึ่งเดียวท่ามกลางนภาและดาราแห่งปริศนา เสียงกระซิบเรียกชื่อกันและกันซ้ำไปซ้ำมาดั่งขานคำสาบานที่ไม่มีใครอื่นได้ยินนอกจากคนทั้งสอง ในความฝันซึ่งจะไม่ถูกบอกเล่าตราบกาลนาน




    __________________________________



    Talk : งานไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าไร จริง ๆ ตั้งใจจะให้เรื่องนี้เป็นแค่เรื่องสั้นเท่านั้น แต่โดนเพื่อนคอมเมนท์มาว่ามันเหมือนกับบทเกริ่นนำมากกว่าเรื่องสั้น เลยตั้งใจว่าจะขยายเป็นเรื่องยาวในอนาคตครับ แต่ไหน ๆ ก็เขียนเรื่องสั้นมาแล้วเลยเอามาลงให้อ่านขำ ๆ กันไปก่อนดีกว่า

    สำหรับฟิคเรื่องนี้ก็อิงจากออริจินอลมาเยอะ ทั้งในคอมมิคและซีรีส์ แน่นอนว่าดรีมในเวอร์ชั่นของเรื่องนี้ นิสัยจะยังไปทางคอมมิครูปแบบเดิมมากกว่า คือค่อนข้างนิสัยไม่ดีเท่าไร(ไม่อยากใช้คำแรงกว่านี้ 555) มีทิฐิ อัตตาสูงปริ๊ด เจ้าแผนการ และไม่ยอมใคร ทุกคนหรือทุกอย่างต้องเป็นไปตามที่เขาต้องการเท่านั้น (แน่นอนถ้าสังเกตให้ดีในส่วนบรรยาย จะพบว่าความรู้สึกรักของตัวนางเอกก็มาจากความตั้งใจของพี่แกล้วน ๆ คือรักเขา และวางแผนไว้แล้วว่าจะให้อีกฝ่ายรักตัวเองเหมือนกัน)

    ซึ่งปมตรงนี้และที่จะเอาไปขยายต่อกับเรื่องยาวอีกที คราวนี้มาดูกันว่าพี่ดรีมมันจะจับผู้หญิงไปลงนรกอีกไหม? ถ้าไม่ขี้เกียจซะก่อนก็คงเขียนแหละ เอาเป็นว่ารอติดตามได้ทาง Readawirte ครับ


    [1]Dream vortex (ถอดคำไทยเป็นโกลานิมิต)อ้างอิงจากต้นฉบับ The Sandman ; Dream vortex เป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อดินแดนแห่งความฝันโดยมักจะเกิดขึ้นกับมนุษย์ในทุก ๆ สองพันปี และเกิดขึ้นได้ยากมาก มนุษย์ที่เป็น Dream vortex มีความสามารถและกระแสพลังในการควบคุมเชื่อมต่อความฝันของคนอื่น และทำลายแดนแห่งฝันได้ทั้งหมด

    [2] ทับศัพท์จาก The Endless

    [3]อ้างอิงจากต้นฉบับThe Sandman ; นาดา คนรักที่เป็นมนุษย์ของมอร์เฟียส ซึ่งในซีรีส์เธอกำลังถูกคุมขังอยู่ในแดนนรกหลังเลิกรากับมอร์เฟียส เนื่องจากมอร์เฟียสไม่พอใจที่ถูกอีกฝ่ายปฏิเสธความรัก

     

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in