Talk : อาการกำเริบแบบหยุดไม่ได้ งอกฟิคเกม The Quarry เรื่องที่สองออกมาอย่างรวดเร็ว
เรื่องนี้จะดำเนินเรื่องจากในเกม เป็น non-canon นั่นเอง ย้ำคำว่า Spoilers ตัวโตๆ ต้องเป็นคนที่รู้เนื้อหาเกมถึงจะอ่านรู้เรื่อง
ด้วยความที่เกมนี้มันเป็น interactive drama ทุกอย่างขึ้นอยู่กับทางเลือก เลือกดีก็รอดตัว เลือกผิดก็เลวร้ายจนถึงขั้นตัวละครตาย ซึ่งผู้เล่นมีอำนาจในมือที่จะชี้เป้นชี้ตายใครก็ได้ เลยทำให้เราเกิดความคิดต้องการที่จะสร้าง Side Story ของ Bad Ending ตามแบบฉบับของตัวเอง ถ่ายทอดในมุมมองตัวละครว่าเขารู้สึกอย่างไรกับทางที่เลือกซึ่งส่งผลกระทบร้ายแรงมากกว่าที่คิด
ถ้าเกิดว่าตัวละครเป็นมนุษย์คนหนึ่ง พระเจ้าอย่างเราจะกล้าเลือกเส้นทางแย่ๆให้ตัวละครหรือไม่?
Trigger Warnings (เนื้อหาไม่มีความรุนแรงแต่ต้องการแจ้งให้ทราบไว้ก่อน)
_______________________________
How to get the Secret Worst Ending in The Quarry (Video Game)
Path Updated :
Press Start.....
ลอร่าไม่คิดเลยว่าตัวเองจะต้องกลับลงมาอยู่ในคุกอีกครั้งหลังจากที่เคยถูกขังมากว่าสองเดือน ด้วยฝีมือของชายคนเดิม
ทราวิส แฮกเก็ต นายอำเภอแห่งเมือง North Kill ยืนอยู่นอกกรงขังนั่น เขามองตรงมาหาเธอด้วยสายตาที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป และลอร่าไม่อาจเดาได้ว่าเขารู้สึกอย่างไรกันแน่กับเธอ ชิงชัง ขยะแขยง หรือรังเกียจ
ไม่ใช่ความผิดของเขาเลยสำหรับเรื่องราวเลวร้ายที่เกิดขึ้นใน Hackett's Quarry แห่งนี้ เขาต้องการปกป้องครอบครัวเช่นเดียวกับที่เธอต้องการปกป้องแม็ก โดยเนื้อแท้แล้วทราวิสไม่ใช่คนชั่ว เขามีโอกาสที่จะฆ่าเธอให้ตายได้ตั้งหลายครั้ง แต่เขาก็ทำไม่ลง และเพราะความใจอ่อนของเขาจึงกลับกลายมาเป็นความตายของครอบครัวแฮกเก็ตเสียเอง
เธอฆ่าครอบครัวของเขาทั้งหมด เธอฆ่าเคลลี่ที่เป็นหลานสาว ฆ่าคอนสแตนซ์ที่เป็นแม่ ปลดปล่อยคริสที่อยู่ในร่างหมาป่าโดยไม่ตั้งใจจนทำให้ทั้งพ่อและน้องชายที่เหลืออยู่ของเขาตายอย่างน่าสยอง อีกทั้งเธอยังกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าแล้วทำร้ายเขาอีกต่างหาก เขาเกือบจะเป็นอีกหนึ่งคนในตระกูลแฮกเก็ตที่ต้องตายด้วยน้ำมือของเธอไปแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ฆ่าเธอ ไม่แม้กระทั่งตอนนี้
ลอร่าไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าทำไมทราวิสจึงเลือกที่จะจับเธอมาขังไว้ในคุกห้องใต้ดินของบ้านเขา แทนที่จะยิงหรือแทงเธอให้ตายตามคนอื่นในครอบครัวของเขาไปเสีย บางทีเขาอาจจะต้องการทรมานเธอหรืออะไรก็ตามหลังจากนี้ ซึ่งเธอไม่มีสิทธิ์จะยื่นอุทธรณ์ด้วยซ้ำเมื่อสำนึกถึงสิ่งที่ตัวเองได้กระทำไปอย่างถี่ถ้วน มือของเธอเปื้อนด้วยเลือดที่ล้างไม่ออก ไม่ว่าจะสรรอ้างอย่างไรเธอก็หนีคำว่าฆาตกรไปไม่พ้น
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอยืนกรานจะเข้าไปที่ Hackett's Quarry แม็กแฟนหนุ่มของเธอคงจะไม่ต้องถูกคริส แฮกเก็ต ที่เป็นมนุษย์หมาป่ากัดจนติดเชื้อ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอต้องการล้างคำสาปหมาป่าให้แฟนและตัวเองจนพยายามไล่ฆ่าคริสแฮกเก็ต คนอื่นที่เหลือก็คงไม่ต้องตายอย่างน่าอดสูเช่นนี้
ถ้าเพียงแต่เธอจะใจเย็นลงกว่านี้และร่วมมือกับทราวิสตามที่เขาร้องขอ แทนที่จะหลบหนีออกมาเพื่อไล่ฆ่าคริสด้วยตัวเอง บางทีเรื่องทั้งหมดอาจจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยก็ได้
เปล่าประโยชน์ที่จะรำพึงรำพันถึงสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วและแก้ไขไม่ได้ ลอร่าทำได้แค่ยอมก้มหน้ารับชะตากรรมจากบาปที่ตัวเองก่อไว้ เธอเงยหน้ามองเขาผ่านซี่ลูกกรงอย่างสงบ ไม่มีการต่อล้อต่อเถียงชวนทะเลาะเหมือนก่อนหน้านี้ มีแค่ความเงียบงันอันยาวนานชวนให้อึดอัดเท่านั้น
ทราวิสโยนสิ่งหนึ่งเข้ามาในลูกกรง มันเป็นหมวกสีชมพูของเธอซึ่งเปื้อนเลือดชุ่มโชก ลอร่ารีบคว้ามันเอาไว้ น้ำเสียงของเธอสั่นสะท้านตอนที่เอ่ยปากถาม “นายได้สิ่งนี้มาได้ยังไง”
“จากแฟนของเธอ” นายอำเภอหนุ่มตอบอย่างเยือกเย็น “เขาตายแล้ว”
ลอร่าตัวแข็งทื่อ ก่อนจะก้มลงมองหมวกใบนั้นอีกครั้ง คล้ายอะไรบางอย่างในจิตใจระเบิดออกมาในคราวเดียว เธอกรีดร้องเสียงหลงและเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าสังเวช
หญิงสาวกำหมวกไว้ในมือแน่น มันหนักอึ้งและเจ็บปวดเหมือนกับถือเหล็กหนามไว้ในมือ สิ่งที่เธอทุ่มเททำไปทั้งหมดก็เพียงเพื่อให้แม็กกลับเป็นปกติอีกครั้ง แต่มันจะมีประโยชน์อะไรเล่าในเมื่อเขาตายไปแล้ว ตายไปโดยที่เธอไม่เห็นศพด้วยซ้ำ นอกจากหมวกใบเดียวเท่านั้น
ไม่เลย มันไม่ควรจะต้องลงเอยแบบนี้เลย
“แก! ไอ้สารเลว แกฆ่าเขา แกฆ่าเขาใช่ไหม”
ลอร่าคำรามลั่นเธอเขย่ากรงและจดจ้องคนตรงหน้าอย่างแค้นเคืองเต็มเปี่ยม ราวกับว่าเธอพร้อมจะฆ่าเขาอย่างไม่ลังเลหากหลุดออกไปจากตรงนี้ได้ ทว่านายอำเภอยังคงยืนสงบนิ่งไม่ไหวติง ไม่มีความเกลียดชังหลงเหลือบนสีหน้าเขาแล้ว นอกเสียจากความสมเพชเวทนา
“ฉันไม่ได้ฆ่าเขา แต่มนุษย์หมาป่าฆ่าเขาต่างหาก” มันเป็นเพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้นที่เธอเห็นประกายเศร้าสลดในดวงตาเขา ก่อนที่มันจะถูกบดบังด้วยท่าทีเรียบเฉยไม่ยี่หระ “เธอคิดว่าการฆ่าคนในครอบครัวของฉันเป็นจุดจบแล้วงั้นเหรอ? ไม่ มันยังไม่จบ ครอบครัวฉันไม่ใช่จุดเริ่มต้น พวกเขาก็คือเหยื่อไม่ต่างจากพวกเธอ ตลอดเวลาหกปีที่ฉันตามล่าไอ้เวรหมาป่าขาวนั่นเพื่อทำลายคำสาปและช่วยครอบครัวฉัน ฉันบอกเธอทุกอย่างที่รู้ แต่เธอไม่คิดจะฟัง และเธอกับแฟนของเธอก็มาทำมันพังไปหมดแล้ว!”
นายอำเภอหนุ่มเม้มปากแน่นและส่ายหน้าช้า ๆ พยายามอย่างยิ่งที่จะควบคุมอารมณ์ที่เริ่มพลุ่งพล่านขึ้นมา
“ไม่มีอะไรเหลืออีกแล้วลอร่า และทั้งหมดมันเป็นเพราะเธอ”
มันเป็นการระเบิดอารมณ์อันยาวเหยียดครั้งแรกและครั้งเดียวของทราวิส ก่อนที่เขาจะถอนหายใจและจากไปอย่างฉุนเฉียว ทิ้งลอร่าไว้ในกรงขังที่สกปรกและชื้นแฉะเพียงลำพัง เธอยังคงสะอื้นไห้อยู่เช่นเดิม กอดหมวกชุ่มเลือดไว้แนบอก พร่ำพูดแค่คำว่า ‘ขอโทษ’ ซ้ำไปซ้ำมา
ท้ายที่สุดผลลัพธ์ของเรื่องราวเหล่านี้ก็เหลือทิ้งไว้เพียงความทุกข์ทรมานของคนที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น
…………………………………
ลอร่าไม่คิดว่าทราวิสจะขังเธอไว้ที่นี่ตลอดชีวิต
ตรงกันข้ามมันดูเหมือนเขากำลังเฝ้ารออะไรสักอย่างให้เกิดขึ้น อะไรสักอย่างที่เธอเองก็ยังไม่ทราบ แต่เธอมั่นใจว่าเมื่อถึงตอนนั้นเธอจะเป็นอิสระเสียที
แต่นั่นคือสิ่งที่เธอต้องการจริง ๆ หรือเปล่า ไม่แน่ว่าเธอสมควรแล้วที่จะต้องถูกลงทัณฑ์ไปตลอดกาลต่อสิ่งเลวร้ายที่กระทำลงไปอย่างนั้นเหรอ
เขาควรจะฆ่าเธอให้ตายไปซะทำไมเขาถึงไม่ทำ?
หญิงสาวขบคิดถึงเรื่องนี้อย่างจริงจังในขณะที่ทราวิสก้าวเข้ามาในห้องใต้ดิน
ลอร่าเคยถูกอีกฝ่ายจับขังมาแล้วสองครั้ง และทั้งสองครั้งเขาก็ปฏิบัติต่อเธอคล้ายคลึงกัน มันเป็นไปในทางที่ดีแม้จะเต็มไปด้วยความเย็นชาห่างเหิน ให้อาบน้ำเมื่อต้องการ ให้กินอาหารครบทั้งสามมื้อ แต่สิ่งที่ต่างไปในครั้งนี้คือการกระทำบางอย่างของเขาที่เปลี่ยนไป
ทุก ๆ คืนเช่นเดียวกับในคืนนี้ เขาจะนั่งอยู่หน้ากรงและมองมาที่เธอเงียบ ๆ ด้วยดวงตาสีดำของเขาเอง บางครั้งเขาก็ดื่มเหล้า บางครั้งเขาก็สูบบุหรี่ แต่สิ่งที่เหมือนกันนั่นคือเขาจะไม่พูดอะไรเลยนอกจากนั่งมองเธอเท่านั้น ราวกับว่าการจ้องมองเธอคือช่วงเวลาเดียวที่จำเป็นสำหรับเขา ไม่ใช่เพราะต้องการจับผิด แต่เป็นอะไรมากกว่านั้น
วันนี้ทราวิสดูเหนื่อยล้าเป็นพิเศษ เขาทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้ ลอร่าสังเกตเห็นรอยเลือดซ่อนอยู่ใต้ปกเสื้อเครื่องแบบนายอำเภอของเขา เธอขยับเข้าไปใกล้ลูกกรง แต่ทว่าทราวิสกลับผงะและถอยห่าง ปลายหูขนาดใหญ่แดงขึ้นเล็กน้อยตอนที่เขาพูดว่า “เธอจะทำอะไรนะ”
“นายไปล่ามาอย่างนั้นเหรอ”
ใช้เลือดหมาป่าทาที่ตัวเพื่อกลบกลิ่นเนื้อมนุษย์ นั่นเป็นวิธีล่าขั้นพื้นฐานที่ทราวิสเคยบอกเธอเอาไว้ นายอำเภอหนุ่มไม่ได้ตอบคำถามของเธอ เขายกมือขึ้นเช็ดเลือดออกไปอย่างลวก ๆ และยกขวดเหล้าขึ้นกระดกมากกว่าเดิม
เงียบและน่าอึดอัดสิ้นดี ลอร่าอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเงียบ เพราะดูเหมือนเขาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่ดีเท่าไรนัก เธอหลีกเลี่ยงที่จะชวนทะเลาะกับเขามาตลอด เธอไม่อยากจะทำให้ความสัมพันธ์ที่มีอยู่ย่ำแย่ไปมากกว่านี้
เธอไม่ต้องการให้เขาเกลียดเธอ
ลอร่าขยับตัวไปอีกด้านของลูกกรง รู้สึกไม่สบายตัวนิดหน่อยภายใต้ชุดกระโปรงพริ้วลายลูกไม้สีเหลืองน่าเกลียด แต่ดูเหมือนว่าทราวิสจะมีแค่ชุดรูปแบบเดิม ๆ ให้เธอใส่เท่านั้น เสื้อผ้าตกยุคที่ดูเหมิอนจะมีแค่คนแก่ที่ชอบ เธอคิดแล้วทันใดนั้นก็ขมวดคิ้ว เมื่อตระหนักอะไรบางอย่างขึ้นมาได้อย่างฉับพลันระหว่างที่จ้องมองดอกไม้สีเหลืองบนชุดตัวเอง
ชุดที่เขาให้เธอทั้งหมดนี้เป็นชุดจากแม่เขา หญิงชราปากร้ายที่เธอเผลอฆ่าไปโดยไม่ตั้งใจด้วยปืนลูกซองในคืนนั้น
ลอร่าเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่ายที่จ้องมาอยู่ก่อนแล้ว ด้วยความเข้าใจที่เพิ่มพูนขึ้นทีละนิดจนดูเหมือนกับว่าเธอและเขาสามารถมองเห็นกันและกันได้ลึกไปจนถึงจิตวิญาณ เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาจึงยังเก็บเธอเอาไว้ นั่นเพราะเธอคือสิ่งเดียวที่เขาหลงเหลืออยู่ในชีวิต
ไม่ว่าจะยอมรับหรือไม่ ลอร่าก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเขาไปแล้ว
ท้องฟ้าเป็นสีดำแต่ไม่มืดสนิท เพราะแสงจากพระจันทร์เต็มดวงสว่างแผ่กว้างไม่ต่างจากหลอดไฟดวงใหญ่ ลอร่าเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมเขาถึงพาเธอออกมาข้างนอกในคืนนี้ เช่นเดียวกับที่เข้าใจว่าเขากำลังรออะไรอยู่มาตลอดหลายสัปดาห์ที่เอาแต่ขังเธอไว้ในห้องใต้ดิน
เขารอให้มันกลับมาที่นี่อีกครั้ง รอที่จะจบเรื่องทั้งหมด
ท่ามกลางความเงียบและการเดินเท้าอันยาวนานบนพื้นดินที่เต็มไปด้วยกิ่งไม้แห้ง ในที่สุดทราวิสก็หยุดเดินแล้วหันมาที่เธอ ปืนลูกซองกระบอกเขื่องถูกโยนเข้าใส่มือเธออย่างเหมาะเจาะ สัมผัสเย็นเฉียบกว่าที่คิดเอาไว้ทำให้ร่างกายสั่นเล็กน้อย ลอร่าขมวดคิ้ว มองหน้าอีกฝ่ายที่ไร้ซึ่งอาวุธด้วยความฉงน
“เธอคิดอยู่ตลอดเลยไม่ใช่หรือไงว่าอยากจะฆ่าฉัน เอาสิ นี่เป็นโอกาสเดียวของเธอแล้ว ถ้าเธอต้องการก็ยิงฉันและไอ้หมาป่าขาวนั่นซะ”
ลอร่าเบิกตากว้าง อยากจะก่นด่าเขาว่าเกิดบ้าอะไรขึ้นมาถึงได้คิดอะไรโง่ ๆ ออกมา แต่เมื่อได้สบตากับเขา เธอก็พูดอะไรไม่ออก มีความเจ็บปวดมากมายซุกซ่อนอยู่ข้างในนั้น ลึกลงไปเขากำลังแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ และเธอรู้ดีว่าทำไมเขาจึงได้ตัดสินใจแบบนี้ ไม่ใช่ด้วยการประชดประชันอย่างทุกที แต่เปี่ยมไปด้วยเจตนาแท้จริง
เขาเตรียมตัวแล้วที่จะตายในคืนนี้ ไม่ว่าจะฆ่าหมาป่าได้หรือไม่ได้ก็ตาม
หัวใจของเธอหนักอึ้งไม่ต่างจากปืนในมือ หญิงสาวสูดหายใจเข้าอย่างสงบ พยายามควบคุมความสับสนว้าวุ่นในใจตัวเอง มันง่ายที่จะยอมรับว่าครั้งหนึ่งเธอเกลียดเขามากแค่ไหน แต่มันยากเหลือเกินที่จะยอมรับถึงอะไรมากกว่านั้นระหว่างเธอกับเขา และเธอปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งหมดนี่คือความจริง ต่อให้ผู้ชายคนนี้ยิงเธอหรือแม็ก ก็ไม่มีทางเลยที่ลอร่าจะทำใจฆ่าเขาได้ และเธอเชื่ออย่างแน่นอนว่าเขาเองก็ไม่ต่างกัน การที่เธอยังคงหายใจอยู่จนถึงตอนนี้ได้นั่นคือคำตอบแล้ว
ลอร่าเม้มปากแล้วลดกระบอกปืนลงอย่างระมัดระวัง ลำคอของเธอเหือดแห้ง ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะควานหาเสียงของตัวเองเจอ “ไม่ คืนนี้จะไม่มีใครตายทั้งนั้นนอกจากหมาป่าขาว”
ไม่มีการโต้เถียงใด ๆ จากทราวิส ครู่หนึ่งเขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าประหลาดใจ ดวงตาของเขาดำมืด และลอร่าก็ตระหนักว่าการจ้องมองนี้ของเขามีความหมายบางอย่าง
ลอร่าหลบตาเขาอย่างรวดเร็ว เธอต้องทำลายช่วงเวลานี้ลงซะ ก่อนที่เธอจะสูญเสียตัวเองในสายตาของเขา “รีบไปกันเถอะ นายรู้ใช่ไหมว่ามันอยู่ไหน”
ทราวิสพยักหน้าอย่างเชื่องช้า ก่อนจะนำทางเธอเข้าไปในป่าลึก กิ่งก้านหงิกงอของต้นไม้สองข้างทางให้ความรู้สึกเหมือนมือของปีศาจเมื่อจ้องมองยามค่ำคืน อากาศเย็นจนสะท้าน แต่ทั้งตัวของลอร่ากลับชุ่มโชกด้วยเหงื่อกาฬ สองถึงสามครั้งด้วยกันที่เธอต้องเช็ดฝ่ามือกับกระโปรงของตัวเองเพื่อให้สามารถจับปืนได้ถนัดมือ
ต้นไม้เริ่มลดน้อยลง ในเวลาเดียวกับที่ลอร่าสังเกตเห็นเศษขี้เถ้าสีดำที่กระจัดกระจายทั่วบริเวณ ยิ่งก้าวเข้าไปใกล้เท่าไรก็ยิ่งเห็นความเสียหายมากขึ้น เศษซากของรถและเต๊นฑ์กองระเกะระกะทำให้การเคลื่อนไหวโดยไม่ใช้เสียงเป็นไปได้ช้าลงกว่าเดิม ลอร่าสะดุ้งเมื่อจู่ ๆ ทราวิสคว้าไหล่เธอเอาไว้ นิ้วของเขาชี้ไปที่กรงขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ใต้ต้นไม้ ข้างในนั้นมีมนุษย์หมาป่าที่กำลังหลับอยู่ ขนสีขาวสว่างของมันเด่นชัดในความมืด
หมาป่าขาวต้นกำเนิดคำสาปร้ายแห่ง Hackett's Quarry
ลอร่าประทับปืนลูกซองไว้บนบ่า ปลายกระบอกจ่อไปที่ร่างใหญ่โตของหมาป่าตัวนั้น เธอจินตนาการถึงภาพนี้ในหัวมาหลายร้อยครั้ง แต่เอาเข้าจริงเธอกลับไม่สามารถควบคุมการสั่นของมือตัวเองได้เลย จนกระทั่งมือใหญ่แตะเข้าที่ข้อมือของเธอ ลมหายใจของเธอกระตุกเล็กน้อยจากเสียงกระซิบข้างหู
“อย่าสั่นและอย่าลังเล ยิงเลย”
น่าอัศจรรย์ที่มือของเธอหยุดสั่นทันที ลอร่าหอบหายใจก่อนจะเหนี่ยวไกยิง เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวทั่วทั้งป่า ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวนที่ฟังชวนสยองจากสิ่งมีชีวิตต้องคำสาป มันดิ้นพล่านเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะนอนแน่นิ่งอยู่ในกรงของตัวเอง ฉับพลันร่างของสัตว์ป่าค่อย ๆ เปลี่ยนกลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง
ลอร่าหลับตาลงและอุทานออกมาเมื่อแตะเข้าที่ไหล่ข้างขวาของตัวเอง แรงกระแทกจากปืนให้ความรู้สึกเหมือนโดนใครสักคนต่อยเข้าเต็มแรง แต่ความเจ็บปวดก็ตามติดมาด้วยความโล่งอกอย่างยิ่งยวด เป็นครั้งที่สองในรอบหลายเดือนมานี้ที่เธอรู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมาเหลือเกิน และเธอก็เหนื่อยเกินกว่าจะกลั้นไว้ได้ เธอไม่สะอื้น ไม่หอบหายใจแค่ปล่อยให้มันไหลออกมา และโลกทั้งใบก็พร่ามัวเป็นหมอกควันที่แยกไม่ออก
สัตว์ร้ายตาย คำสาปหายไปตลอดกาล ทุกอย่างจบลงแล้ว
แต่ทว่ายังมีเรื่องบางอย่างติดค้างอยู่สำหรับเธอ
ลอร่าใช้มือเช็ดน้ำตาก่อนจะหันไปหาทราวิสที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รอยยิ้มบางเบาอยู่บนใบหน้าที่เหน็ดเหนื่อยของเขา ฝ่ามือใหญ่วางบนแผ่นหลังของเธออย่างระมัดระวัง หญิงสาวรู้ดีว่าคงไม่มีวันได้ยินคำว่าขอบคุณจากเขาแน่ แต่การแสดงออกของเขาก็ชัดเจนเพียงพอแล้วว่าเขารู้สึกอย่างไร
ความเงียบเริ่มกลับคืนสู่ผืนป่าอีกครั้ง ไม่มีใครหรือสิ่งใดอื่นอีกนอกจากเขาและเธอแค่สองคนเท่านั้น ริมฝีปากของเขาขยับเล็กน้อยราวกับลังเลที่จะพูดอะไรสักอย่าง แต่ในที่สุดทราวิสก็เอ่ยปากออกมา
“ฉันคิดว่าถึงเวลาเราที่ต้องบอกลากันแล้วล่ะ”
“หมายความว่ายังไง? ”
“เรื่องบ้า ๆ นี่จบไปแล้ว ไม่มีมนุษย์หมาป่าออกอาละวาดอีก เธอควรกลับไปใช้ชีวิตของเธอซะ”
“แล้ว…”
ทราวิสชะงักกับคำถามเจาะจงจากอีกฝ่าย เขาเงียบไปอีกพักใหญ่ก่อนจะตอบ “ก็…กลับบ้าน ดื่มเหล้าสักแก้ว และเข้านอนเหมือนที่ทำมาตลอด”
เขากำลังโกหก
ลอร่าโกรธเหลือเกิน เธอรู้ว่าทราวิสคิดจะทำอะไรหลังจากนี้ ความตายฉายชัดผ่านแววตาไร้ชีวิตชีวาของเขา การที่เธอไม่ยอมลงมือฆ่าเขาไม่ได้ช่วยหยุดเขาจากความคิดที่จะฆ่าตัวตายแต่อย่างใด ลอร่ามั่นใจว่าเมื่อใดก็ตามที่เธอเลือกหันหลังให้กับเขา ทราวิสก็พร้อมที่จะตายได้ทันที เพราะเหตุผลทำให้เขายังอยู่มีแค่หมาป่าขาวและครอบครัว เมื่อไม่มีสองสิ่งนี้แล้วก็ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่จะเหนี่ยวรั้งชีวิตเขาไว้ได้อีกต่อไป
แต่ถ้าหาก…ถ้าหากเธอไม่ไปจะเป็นยังไง
คำตอบที่ว่าชัดเจนพอ ๆ กับความรู้สึกของเธอในตอนนี้
“ฉันไม่ต้องการจะไปไหนทั้งนั้น”
มีความเงียบที่ยาวนานหลังจากนั้น ทราวิสกะพริบตาถี่รัวอย่างสับสนดูเหมือนเขาจะลืมแม้กระทั่งวิธีหายใจไปชั่วขณะด้วยซ้ำ ยังกับว่าสิ่งที่เพิ่งได้ยินเมื่อสักครู่คือเรื่องที่แปลกประหลาดคาดไม่ถึงที่สุดสำหรับเขา น่าเหลือเชื่อเสียยิ่งกว่าภูตผีหรือมนุษย์หมาป่าที่ตายไปก่อนหน้านี้เสียอีก
“เธอไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดอะไรอยู่” เสียงของนายอำเภอหนุ่มเบากว่าทุกครั้ง ฟังดูคล้ายกำลังพูดกับตัวเองมากกว่า “ก็แค่…ไปจากที่นี่ซะเถอะ”
ลอร่ามองเขาและค้นพบความสับสนนั้นได้เช่นกัน ครั้งหนึ่งทราวิส แฮกเก็ต เคยเป็นคนที่น่ากลัวในสายตาเธอ แต่ตอนนี้เขากลับดูเหมือนเด็กหลงทางที่ไม่รู้ว่าควรจะต้องทำอย่างไรต่อไปดี เธอตัดสินคว้ามือทั้งของข้างของเขาเอาไว้ ผิวของทราวิสให้ความรู้สึกอบอุ่น เธอสัมผัสได้ถึงชีพจรที่กำลังเต้นแรงในฝ่ามือของเขา เธอนึกสงสัยว่าเขาจะสัมผัสจากเธอได้เหมือนกันหรือเปล่า
“ฉันรู้ดีพอ ๆ กับที่นายรู้ ตลอดเวลาที่สะดุ้งตื่นจากฝันร้ายกลางดึก แล้วได้คร่ำครวญว่าอะไร ๆ คงดีกว่านี้ถ้าหากเราเลือกอีกเส้นทางหนึ่ง”
นี่ไม่ใช่แค่บอกกล่าวต่อเขา แต่เธอกำลังพูดคุยกับตัวเองด้วยเช่นกัน มนุษย์มักเลือกจัดการกับความรู้สึกผิดด้วยการลงโทษตัวเอง ราวกับว่าความทรมานได้รับคือสิ่งที่สาสมแล้ว ลอร่าจมอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นมานานนับเดือน และรู้ดีแก่ใจว่ามันไม่ช่วยอะไรนอกจากสะกิดปากแผลให้เจ็บปวดซ้ำไปซ้ำมา
เธอไม่ต้องการที่จะเป็นแบบนั้นไปตลอดชีวิตที่เหลือ และเธอก็ไม่อยากให้ทราวิสต้องเป็นแบบนั้นด้วย
“ฉันทำเรื่องผิดพลาดมามากมายในชีวิต แต่ครั้งนี้เป็นครั้งเดียวที่ฉันมั่นใจว่าฉันกำลังทำถูก”
เธอสบตากับเขาอย่างมั่นคงไม่หวั่นไหว เหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมาไหลวนกลับเข้ามาในหัวฉากต่อฉากเหมือนวิดีโอเทปที่ถูกนำกลับมาเล่นซ้ำ ตอนที่เขาเล็งปืนมาที่เธอแต่ไม่ยิง ตอนที่เธอเล็งปืนไปที่เขาแต่ไม่ยิง ตอนที่เธอกลายเป็นหมาป่าแล้วกัดแขนของเขา ส่วนเขาก็พร้อมจะแทงเธอโดยใช้กระจกเงินในมือนั่น เราทั้งสองทำตัวเหมือนจะฆ่ากันให้ตายไปข้าง แต่ทุก ๆ ครั้งจะมีความรู้สึกหนึ่งปรากฏขึ้นเสมอ
เธออยากจูบเขา ดึงเขาเข้ามาใกล้แล้วจูบเขาเหมือนกับตอนนี้ เหมือนกับเวลานี้
รวดเร็วเหมือนสายลม เธอประทับจูบบางเบาบนริมฝีปากที่แห้งผากของเขา มันเป็นจุมพิตแห่งการปลอบประโลมและยอมรับความรู้สึกของตัวเอง ไม่ใช่ด้วยการคลั่งไคล้หลงใหลแบบผิด ๆ แต่คือความต้องการอันหนักแน่นที่ถูกซ่อนเร้นใต้หน้ากากแห่งความเป็นศัตรูยาวนาน ลอร่าตระหนักอย่างลึกซึ้งในท้ายที่สุดว่าเธอต้องการเขามากพอ ๆ กับที่เขาต้องการเธอ
ทราวิสไม่ได้สับสนอีกแล้วแต่แน่นอนว่าตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทว่าไม่นานนักเขาก็ยิ้มและถอนหายใจออกมา เป็นไปด้วยความเขินอายระคนโล่งอก เขากระชับมือเธอไว้แน่นราวกับกลัวว่าลอร่าไม่มีตัวตนอยู่จริง และอาจจะหายไปเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น “เธอแน่ใจนะว่าจะไม่เสียใจภายหลัง”
“ไม่เคยแน่ใจมากกว่านี้อีกแล้ว”
ลอร่ากระซิบตอบแล้ววางศีรษะไว้ที่อกของเขา ฟังเสียงหัวใจของเขาเต้นเป็นจังหวะอยู่ข้างใต้หูของเธอ ในขณะที่เขานำพาเธอออกไปจากป่าแห่งนี้ ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง และทิ้งทุกความเจ็บปวดไว้กับซากศพของมนุษย์หมาป่าตัวสุดท้าย
ชีวิตใหม่เริ่มต้นขึ้น แล้วเช่นเดียวกับวันใหม่ที่ย่างใกล้เข้ามา
พระจันทร์ค่อย ๆ เลือนหายไปจากท้องฟ้าอย่างช้า ๆ แทนที่ด้วยแสงสว่างที่ร้อนแรงกว่าของดวงอาทิตย์ในยามเช้ามืด อากาศของผืนป่าบริสุทธิ์สดชื่นกว่าที่เคย ไร้กลิ่นคาวเลือดและดินปืน หัวใจสว่างไสวกำลังถูกเติมเต็มด้วยความหวังอีกครั้ง และทั้งสองก็รับรู้ได้ในตอนนั้นเองว่าในที่สุดฝันร้ายก็จบลงแล้วจริง ๆ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in