“คุณเชื่อในรักแรกพบไหม?”
มันเป็นประโยคที่ประหลาดและเพ้อฝันสิ้นดีสำหรับคุณในวัยสิบแปดปี อาจเป็นเพราะตลอดชีวิตที่ผ่านมาคุณไม่เคยได้สัมผัสความรักเลยสักครั้ง แม้กระทั่งจากพ่อแม่ของตัวเองก็ตาม ตั้งแต่เด็กจนโตคุณมองเห็นความสัมพันธ์ที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ ของพ่อและแม่ เห็นการทะเลาะและการทำร้ายร่างกายเป็นเรื่องปกติ ใจของคุณร้าวรานก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความเย็นชา เหมือนกับหอยที่ซุกตัวเองอยู่ใต้เปลือกแข็งหนา ๆ เพื่อปกป้องตัวตนอันแสนอ่อนแอเอาไว้ข้างใน
แม้จะตั้งใจอยู่อย่างเงียบเชียบ แต่ฐานะของลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวของอังเดร มหาเศรษฐีรัสเซียชื่อดัง ผู้มีเบื้องหลังเป็นธุรกิจค้าอาวุธขนาดใหญ่ มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่คุณจะถูกจับจ้องจากหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นพวกผู้ดีในสังคม หรือแม้กระทั่งพวกผู้ก่อการร้ายก็ตาม
และเรื่องร้ายมันก็เกิดขึ้นจนได้ มันเกิดขึ้นในตอนที่คุณพึ่งจะเลิกเรียน หลังจากที่คุณเอ่ยปากบอกลาเคทผู้เป็นแม่ที่แอบมาดักรอเจอหน้าคุณหน้าโรงเรียนทุกวันเพราะไม่ได้รับอนุญาตจากพ่อให้มาคุยกับคุณ แล้วจึงค่อยขึ้นรถกลับไปคฤหาสน์อันแสนเงียบเหงา คุณเอนตัวพึ่งเบาะรถด้วยความรู้สึกเหนื่อยอ่อนและเบื่อหน่ายอย่างบอกไม่ถูก จนกระทั่งสังเกตได้ถึงอะไรบางอย่างที่แปลกประหลาดผ่านกระจกรถ
คุณเห็นรถที่กำลังขับถอยหลังไล่จี้มาที่รถของคุณเอง
คุณเบิกตากว้าง ทำอะไรไม่ถูกเลยสักนิดเมื่อถูกรถแปลก ๆ เหล่านั้นล้อมหน้าล้อมหลัง หน้าต่างกระจกถูกเปิดออกเผยให้เห็นชายฉกรรจ์หลายคนที่สวมใส่หน้ากากออกซิเจน ในมือของพวกเขาล้วนถือปืนตรงมาที่รถของคุณ หากแต่เป็นความโชคดีที่รถของคุณเป็นรถกันกระสุนชั้นเยี่ยม อันตรายจากภายนอกจึงไม่อาจกล้ำกรายเข้ามาได้ แต่คุณก็ยังอดกรีดร้องอย่างขวัญเสียไม่ได้เมื่อรถคันที่คุณนั่งกำลังโยกไปโยกมาอย่างน่ากลัว
และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็เกิดขึ้นจนได้เมื่อจู่ ๆ ถนนข้างหน้าก็ถูกระเบิดอย่างกะทันหัน รถที่คุณนั่งโดนแรงระเบิดเข้าเต็มแรง หมุนตลบจนคุณมองทุกอย่างเป็นภาพเลือนรางที่ถูกเลื่อนไปมาอย่างรวดเร็ว และทุกอย่างก็จบลงในตอนที่รถของคุณคว่ำหงายหลังกลางถนนใหญ่ หัวของคุณกระแทกหลังคารถจนมึนไปหมด คุณตั้งสติอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตื่นตระหนักอีกครั้งเมื่อเห็นน้ำมันและเปลวไฟที่กำลังไล่ลามเข้ามาข้างในรถ
คุณพยายามแกะตัวเองออกจากเข็มขัดนิรภัย แต่เพราะอาการบาดเจ็บที่มีอยู่ก่อนแล้วทำให้คุณแทบจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใด ๆ อีกต่อไปแล้ว คุณรู้สึกได้ถึงเลือดอุ่น ๆที่ไหลอาบหน้าและสติที่เริ่มจะหลุดลอยไปทุกที จนอดคิดไม่ได้ว่านี่คงจะเป็นจุดจบของคุณแล้ว และก่อนที่คุณจะสิ้นสติไป ประตูรถยนต์ก็ถูกเปิดออกอย่างแรง พร้อมกับใครบางคนที่พุ่งเข้ามา แต่ภาพทุกอย่างในดวงตาของคุณก็มืดลงเสียก่อนที่คุณจะมีโอกาสได้เห็นใบหน้าของเขา
นั่นแหละคือครั้งแรกที่คุณได้เจอเขา
คุณลืมตาขึ้นมาในห้องเก่า ๆ ห้องหนึ่ง ร่างกายที่บาดเจ็บถูกทำแผลอย่างเรียบร้อย คุณกวาดตามองไปรอบ ๆ อย่างหวาดกลัวและสับสนว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหนกันแน่ แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกใหญ่เมื่อหันไปเจอเข้ากับชายคนหนึ่งที่นั่งจ้องคุณอยู่ข้างเตียง
“ตื่นแล้วเหรอ”
นั่นเป็นประโยคแรกที่ผู้ชายคนนี้พูดกับคุณ ก่อนจะถือวิสาสะยกมือขึ้นจับหน้าคุณ วูบหนึ่งแววตาของเขาดูอ่อนไหวเป็นอย่างยิ่ง แต่เพียงพริบตาเดียวเขาก็เอามือลงและเปลี่ยนกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
คุณจ้องมองเขาอย่างกับคนโง่งมคนหนึ่งที่เหมือนจะเข้าใจแต่ไม่เข้าใจอะไรเลยสักอย่าง คุณพิจารณาชายตรงหน้า เขาเป็นคนที่จัดว่าหล่อเหลาเลยทีเดียว แต่กลับดูไม่ค่อยใส่ใจดูแลตัวเองนัก ผมเผ้าสีน้ำตาลเข้มดูยุ่งเหยิง เสื้อเชิ้ตสีเหลืองดูยับเล็ก ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้เขาดูดีน้อยลงเลยสักนิด
แต่ความดูดีของคนตรงหน้าไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้คุณสนใจเขาหรอก...
บางอย่าง...สีหน้า ท่าทาง แววตา ไม่สิ ทุกอย่างในตัวเขาดูคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด ทั้งที่คุณสาบานได้เลยว่านี่เป็นครั้งแรกที่คุณได้เจอกับเขาด้วยซ้ำ แต่มันเหมือนกับว่าคุณรู้จักเขาเป็นอย่างดี
ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่
“คุณต้องการอะไร เงินเหรอ ถ้าอยากได้เงินก็ติดต่อไปที่พ่อของฉันสิ” สุดท้ายคุณก็พูดออกมาจนได้ และคำพูดของคุณก็ทำให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างเตียงหัวเราะร่วนเสียยกใหญ่
“ผมไม่ได้ต้องการเงินพ่อคุณหรอก แต่ผมต้องการคุณต่างหาก” มันดูเป็นคำพูดธรรมดา หากแต่แววตาที่นีลสื่อออกมาไม่ธรรมดาเลยสักนิด ราวกับคำว่า”
“คุณเป็นพวกของพ่อฉัน?”
“ไม่ใช่”
“ใช่ ฉันเห็นด้วยนะ”
ทั้งคุณทั้งเขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าโลกภายนอกกำลังตีข่าวครึกโครมเกี่ยวกับผู้ก่อการร้ายที่บุกลักพาตัวลูกสาวมหาเศรษฐีชื่อดังอย่างอุกอาจ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วสิ่งที่เป็นอยู่ตลอดหลายวันมานี้ดูไม่เหมือนกับการลักพาตัวเลยสักนิดเดียว
เขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับคุณโดยที่คุณยังไม่เอ่ยปากเล่าด้วยซ้ำ คุณประหลาดใจอย่างยิ่งตอนที่เขาหยิบไดเอทโค้ก เครื่องดื่มสุดโปรดมาให้คุณ โดยที่ในมือของชายหนุ่มกำลังถือ
“คุณเชื่อในเรื่องของการย้อนเวลาหรือเปล่า”
“นายหมายถึงในหนัง
“ไม่ มันซับซ้อนกว่านั้น” นีลรู้สึกจนปัญญาที่จะอธิบายเรื่องอันแสนยุ่งเหยิงให้คุณฟัง เอาเข้าจริงตอนที่เขารู้เรื่องนี้ครั้งแรกก็เล่นเอางงไปหลายวันกว่าจะทำความเข้าใจได้ และที่น่าตลกก็คือตอนนั้นคุณเป็นคนที่อธิบายให้เขาฟังเอง แต่ในตอนนี้กลายเป็นว่าเขาต้องสลับบทบาทมาอธิบายให้คุณฟังเสียอย่างนั้น
“มันอาจจะฟังดูน่าเหลือเชื่อ แต่ว่ามีคนจากอนาคตตั้งใจที่จะทำลายโลกนี้ด้วยอาวุธที่อยู่ในโลกปัจจุบันนี้ และพ่อของเธอครอบครองมันไว้ นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันมาที่นี่”
คุณไม่ใช่คนโง่ พูดเพียงแค่นี้คุณก็เข้าใจแล้วว่าคนตรงหน้าของคุณไม่ใช่คนในยุคปัจจุบัน น่าแปลกที่คุณไม่ได้ช็อคอย่างที่คิด ราวกับรับรู้อยู่แล้ว เหมือนส่วนลึกในใจคุณแฝงไปด้วยความทรงจำในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น มันทำคุณปวดหัวจนส่งเสียงร้องออกมา ทรมานอยู่เป็นนาทีกว่าที่จะรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่โอบล้อมกอดคุณเอาไว้
“คุณกับฉัน...เรารู้จักกัน” คุณพึมพำเสียงแหบแห้ง ในขณะที่สองแขนโอบกอดชายตรงหน้าเอาไว้ ความรู้สึกอันสับสนเอ่อล้นจนไม่อาจเก็บไว้ได้ คุณน้ำตาคลอเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วเบาของเขาพร้อมกับประโยคหนึ่งที่ฝังลึกอยู่ในหัวคุณ
“คุณเชื่อในรักแรกพบไหม
มันเป็นประโยคที่ประหลาดและเพ้อฝันสิ้นดีสำหรับคุณในวัยสิบแปดปี
ความรู้สึกที่คุณโหยหามานานถูกเติมเต็มด้วยชายที่พึ่งเจอหน้ากันเป็นครั้งแรกเท่านั้น
บางทีนี่อาจจะเป็นรักแรกพบจริง ๆ ก็ได้
ความสัมพันธ์อันแสนประหลาดของคนทั้งสองพัฒนาขึ้น และทำให้คุณกลายเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจกู้โลกขององค์กรประหลาด ๆ ในนามของเทเน็ท ฟังดูคล้ายกับหนังมาเวลสักเรื่อง เว้นเสียแต่ว่าคุณไม่ใช่ผู้มีพลังพิเศษ เป็นแค่คนธรรมดาที่ดันเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องโดยไม่ตั้งใจในฐานะลูกสาวของผู้ชายที่คิดจะทำลายล้างโลกใบนี้
ชีวิตของคุณอยู่ในอันตรายอย่างยิ่งยวด หากแต่คุณมั่นใจเหลือเกินว่าคุณจะไม่เป็นอะไร ถ้าหากได้อยู่เคียงข้างนีล
เพราะนีลคอยปกป้องคุณเสมอ...จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตเขาเอง
คุณจำได้ดีถึงรอยยิ้มของเขา ลมหายใจที่แผ่วเบาลงเรื่อย ๆ ของเขา และเลือดอุ่น ๆที่เปรอะเปื้อนมือทั้งสองข้างของคุณ คุณร้องไห้ในขณะที่เอาแต่พร่ำพูดว่า
“เธอจะตายไม่ได้ เธอต้องอยู่ต่อ”
มืออันเย็นเฉียบของชายหนุ่มประคองมือของคุณเอาไว้ ก่อนจะประทับจูบที่ฝ่ามือของคุณ ดวงตาสีน้ำตาลสบตากับคุณเนิ่นนาน เอ่ย
“แล้วเราจะได้พบกันอีก”
คุณไม่เคยเชื่อในประโยคนี้ของเขาเลย คุณคิดว่ามันเป็นแค่คำโกหกเพื่อปลอบใจคุณเท่านั้น แม้ท้ายที่สุดแล้วภารกิจจะสำเร็จ โลกจะปลอดภัยจากการถูกทำลายล้างก็ตาม แต่มันจะมีประโยชน์อะไรกันเล่าในเมื่อนีลตายไปแล้ว เขาจะไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว
และมีแต่เวลาเท่านั้นที่ช่วยเยียวยาจิตใจให้ดีขึ้น
หลายปีผ่านไป หากแต่ความทรงจำครั้งนั้นไม่เคยเลือนรางหายไป ไม่มีสิ่งใดหลงเหลือในชีวิตคุณอีกแล้วนอกจากมรดกมหาศาลจากพ่อตัวเองที่เสียชีวิตไปแล้ว และจากสิ่งที่พบเจอมาตอนอายุสิบแปดทำให้คุณตระหนักได้ว่าภารกิจเหล่านี้ยังไม่สิ้นสุด และจำเป็นต้องมีคนสานต่อ คุณจึงตัดสินใจใช้เงินของตัวเองในการก่อตั้งองค์กรหนึ่งขึ้นมา ด้วยชื่อ ๆเดียวกับที่คุณเคยได้ยินนีลพูดกับคุณ
องค์กรเทเน็ท
ถึงตรงนี้คุณก็เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งแล้วว่าเหตุใดนีลจึงบอกว่าคุณตายไม่ได้ เพราะถ้าหากคุณตาย องค์กรเทเน็ทก็จะไม่มีวันเกิดขึ้น
ทุกสิ่งทุกอย่างได้ถูกลิขิตเอาไว้หมดแล้ว และเราทุกคนก็แค่เป็นหนึ่งในตัวละครที่ดำเนินไปตามเรื่องราวเหล่านี้เท่านั้นเอง
วันเสาร์นั้นดูวุ่นวายเป็นพิเศษ คุณนั่งอยู่ในบาร์ที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่พูดคุยกันจ้อกแจ้ก หากแต่สายตาของคุณกลับจับจ้องไปที่ชายหนุ่มหน้าตาดีที่นั่งอยู่ข้างกายคุณ คนหนุ่มอนาคตไกลเจ้าของดีกรีปริญญาโทด้านฟิสิกส์ที่เก่งกาจจนน่าจับตามอง
นั่นคือตัวตนของเขาในสายตาของคนอื่น หากแต่ไม่ใช่สำหรับคุณ
“ขอ
“คุณไม่จำเป็นต้องบอกชื่อคุณหรอกนะ เพราะฉันรู้อยู่แล้วว่าคุณชื่ออะไร”
คุณอมยิ้มให้กับสีหน้าที่งุนงงของเขา สายตาสังเกตผู้ชายข้างกายอย่างพิจารณา เขาไม่ได้ดูเปลี่ยนไปเลยสักนิดจากตอนที่คุณเห็นเขาเมื่อหลายปีที่แล้ว ผมสีเข้มที่ไม่ได้ถูกเซตดูยุ่งเหยิง เสื้อเชิ้ตยับ ๆ กับผ้าพันคอสีเขียวเห่ย ๆ ที่ดูยังไงก็ขัดกับหน้าตาที่ดูดีของเขาสุด ๆ
....และตอนนี้คุณรู้แล้วว่าคำพูดของนีลในวันนั้นไม่เคยโกหกคุณเลยแม้แต่น้อย
เขาจ้องมองคุณ คุณจ้องมองเขา ทุกอย่างเงียบเชียบ ราวกับว่าโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ เนิ่นนานเสียจนคุณเกือบจะลืมหายใจ ทั้งที่ผ่านไปเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น คุณพยายามกลั้นน้ำตาแห่งความคิดถึงเอาไว้อย่างยิ่งยวด ก่อนจะเอ่ยปากพูดกับคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“คุณเชื่อในรักแรกพบไหม?”
The End
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in