ได้ฤกษ์อ่านหนังสืบจบไปอีกเล่ม ด้วยความชื่นชอบนิยายสืบสวนเป็นพิเศษ กับอินเหตุการณ์บ้านเมืองช่วงนี้ อ่านข่าวก็แล้วอะไรก็แล้วก็ยังไม่สุด นิยายก็เป็นอีกอย่างที่ช่วยได้ ก็เลยไปเสิร์ชหาจนได้ชื่อนี้มา ‘ณ ที่ซึ่งความจริงไม่อาจดำรงอยู่’
อ่านจากโปรยของเรื่องแล้วก็จินตนาการไว้นิดหน่อยว่าต้องเน้นสืบสวนเป็นหลักนี่แหละ แต่พออ่านจริงๆ แล้วทำให้รู้จักคำว่า Psychological Thriller เพิ่มขึ้นนิดหน่อยล่ะมั้ง...
ณ ที่ซึ่งความจริงไม่อาจดำรงอยู่ เป็นเรื่องที่ตีแผ่เมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งที่เคยสงบสุข ถ่อยทีถ่อยอาศัยกัน แต่เมื่อมีเหตุการณ์ตายของครูใหญ่ที่เป็นที่เคารพของคนทั้งหมู่บ้าน ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปตลอดกาล
เรื่องราวดำเนินไปด้วยการเล่าเรื่องของ กันต์ เด็กม.6 ที่กำลังจะจากเมืองนี้ไปเรียนในกรุงเทพ เล่าความเป็นอยู่ของคนในเมือง พฤติกรรมก่อนและหลังที่จะเกิดเรื่องราวร้ายๆ ขึ้น ความแตกต่างที่ทำให้เห็นว่าเมืองเล็กๆ ที่เคยสงบสุขมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว หรือไม่ความวุ่นวายและจิตใจคนจริงๆ มันจะไม่แสดงออกมาจนกว่าจะมีเรื่องอะไรมากระตุ้นมัน
ความน่าสนใจของมันก็คือ เมื่อมีเหตุการณ์อะไรแบบนี้เกิดขึ้น อันดับแรกคือการแบ่งฝั่งแบ่งฝ่ายไปตามความเชื่อตัวเอง และให้ข้อมูลสุดโต่งเพื่อโจมตีอีกฝั่งและทำให้เห็นว่าอีกฝั่งต้องเป็นคนผิดแน่ๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเราจะเริ่มเห็นข้อมูลที่กลางมากขึ้น ทำให้เห็นว่าสิ่งที่เราเชื่อในตอนแรกอาจจะไม่จริงก็ได้
การเล่าเรื่องไม่เหมือนนิยายสืบสวนที่เราชอบอ่านซักเท่าไร เพราะเป็นการเล่าเหตุการณ์ที่ผ่านหูผ่านตาของกันต์ บางพาร์ทเหมือนเป็นการไปเจอเรื่องมาแล้วมาเล่าให้คนอ่านฟังมากกว่าเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้น ไม่ใช่การสืบสวนเต็มขั้นแบบลงไปเจาะพื้นที่ ลุ้นระทึก ตื่นเต้นขนลุกอะไรขนาดนั้น แต่ภาษาอ่านเข้าใจง่ายมากๆ
ส่วนตอนที่ตีแผ่จิตใจคนก็มีความอึดอัดตามสไตล์ เหมือนการพวกมากลากไป ใครเป็นหัวโจกในตอนนั้นก็จะสามารถปลูกฝังความคิดให้คนส่วนใหญ่คล้อยตามไปได้ หรือจะเป็นการเล่าพฤติกรรมของคนที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะซวย จากเพื่อนอาจจะกลายเป็นศัตรูไปเลย แต่ต้องยอมรับว่าเป็นพาร์ทที่น่าเบื่อเบาๆ เพราะคดีก็ไม่คืบ แถมพฤติกรรมคนที่ดูเรียลมากๆ นี้ทำให้เราแอบหงุดหงิด 5555
ด้วยความคาดหวังว่ามันจะสามารถสะท้อนสังคมไทยปัจจุบันให้เราอ่านแล้วจี๊ดๆ คันๆ มากกว่านี้ เลยถือว่ายังไม่ค่อยประทับใจ แต่ก็ยังมีเรื่องจิกกัดเบาๆ ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมนอบน้อมจนถึงขั้นเกือบ ‘เชื่อง’ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อเจอผู้มีอิทธิพลของเมือง หรือความจริงจังของตำรวจเมื่อผู้มีอิทธิพลโดนขโมยของ รวมกองกำลังเข้มแข็งกันมากกว่าตอนหาตัวฆาตกรซะอีก
ฟีลของนิยายเรื่องนี้คล้ายๆ Broadchurch ซีรีส์สืบสวนอังกฤษที่ตีแผ่เรื่องราวเมืองเล็กๆ ที่เคยอยู่กันอย่างสงบสุข แต่พอมีเหตุฆาตกรรมทุกคนก็ไม่เหมือนเดิม ระแวงสงสัยกันเอง เริ่มล่าแม่มดเพื่อให้ตัวเองสบายใจว่าสุดท้ายก็จับคนผิดได้เสียที ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีหลักฐานอะไรเลย (ลองไปหากันดูใน Netflix นะ สนุกมากๆ)
ใครที่หยิบนิยายเรื่องนี้มาเพราะอยากจะอ่านนิยายสืบสวน (แบบเรา) อาจจะผิดหวังไปซะหน่อย แต่ก็ถือว่าทำให้ได้รู้จักนิยายประเภท Psychological Thriller มากขึ้นนิดหน่อย
ปล. เป็นการรีวิวตามรสนิยมการอ่านของเราเอง คิดเห็นยังไงก็มาพูดคุยกันได้นะคะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in