- เทพเฮดิโลกอส เทพเเห่งคำหวาน คำเยินยอ และการจีบ
- ฮาร์ลี่ย์ ควินน์ ตัวแทนผู้หญิงที่ถูก Abuse ในความสัมพันธ์
ตอนแรกที่ผู้เขียนเห็นภาพเจ้าลิซเดินออกมา สารภาพตามตรงว่าคิดไปไกลกว่า ฮาร์ลี่ย์ ควินน์ไม่ได้จริงๆ จนกระทั่งเริ่มสังเกตรายละเอียดต่างๆในฉาก ทั้งคำว่า Heaven และกล่องซีเรียลที่มีแต่คำว่า Sweet มากมายไปหมด
ก็เริ่มทำให้เรานึกถึงหนึ่งในเทพกลุ่ม Erotes ซึ่งเป็นเด็กในสังกัด(?)ของเทพีวีนัส ที่มีชื่อว่า เฮดิโลกอส ซึ่งเป็นเทพองค์เล็กๆที่เกี่ยวกับการใช้คำพูดหวานหู การเยินยอ และการจีบ
ของหวานๆ อร่อยๆ แต่กลับมีข้อความอย่างคำว่า Killer ต่อท้ายมา หรือบางกล่องก็ Crazy Lover คงจะหมายถึงการเสพติดคำหวาน ความรัก การเยินยอ ที่สุดท้ายแล้วก็จะกลายมาเป็นสิ่งที่ฆ่าเรา
ทั้งนี้สามารถตีความได้อีกนัยย์นึงว่าคำหวาน คำเยินยอ การกระทำหวานๆของคนรัก คือหนึ่งในสิ่งที่สุขราวกับสวรรค์สำหรับเธอ
ทว่า หากมองถึงสไตล์การแต่งตัวของลิซ่าประกอบไปด้วยนั้น เราเองก็ยังคงนึกถึงพ่วงไปยัง ฮาร์ลี่ย์ ควินน์ ตัวร้ายสาวสุดสวยที่เป็นตัวแทนของความรักที่ผู้หญิงถูก Abuse ในความสัมพันธ์ได้เป็นอย่างดี สอดคล้องกับท่อนแรปของลิซ่าในช่วงนี้ท่อนนึงว่า
Here I come kickin' the door, uh 가장 독한 걸로 줘, uh
ฉันถีบประตูออกมานี่แล้วไง ไหนช่วยขออะไรที่แรงที่สุดหน่อยสิ
แม้จะไม่ได้ใช้เนื้อร้องที่สื่อสารออกมาชัดแต่ก็เห็นได้ว่ามีความรุนเเรงของความสัมพันธ์หลบซ่อนอยู่ และในที่สุดผู้หญิงที่ติดอยู่กับคำหวานของผู้ชาย ถูกทำร้าย และมัวเมาอยู่ในวังวนนี้ แม้จะอยากอยู่กับมันมากเพียงใด ท้ายที่สุดก็จะต้องเลือกทำลายมันทิ้งและเดินจากมา นั่นคือทางออกที่ดีที่สุด
นาทีที่ 0.45-1.00
เรื่องราวของพาร์ทนี้
- เทพธิดา เพอร์ซิโฟเน ตัวแทนแห่งการกักขัง ความรักที่ไม่สมยอม
สำหรับคนจีซูพาร์ทนี้ไม่มีคำไหนสามารถบรรยายความงามของพี่เขาได้หมดจริงๆ สวยมาก!
ผู้เขียนมองว่าพาร์ทนี้ตีความได้ยากที่สุดแล้ว แต่ก็ยังกาวตีความออกมาได้
แสงสว่างท่ามกลางความมืด ทำให้ผู้เขียนนึกถึงความสัมพันธ์ของเทพเฮดีสและเทพธิดาเพอร์ซิโฟเน
โดยตำนานของเรื่องนี้กล่าวถึงเทพธิดาเพอร์ซิโฟเน ซึ่งเป็นเทพธิดาแห่งฤดูใบไม้ผลิผู้ที่ตั้งมั่นจะรักษาพรหมจรรย์ แต่กลับถูกเทพเฮดีสแห่งยมโลกลักพาตัวและกักขังนางในเป็นชายาอยู่ในยมโลกที่มืดมิดและหนาวเหน็บโดยที่นางไม่ยินยอม
หากสังเกตดูภาพสะท้อนในน้ำ จะเห็นว่ากรอบด้านบนเมื่อเชื่อมกับเงาสะท้อน ภาพกลายเป็นเหมือนดวงตาขนาดใหญ่ที่กำลังจับจ้องมาที่พี่จีซูของเราอยู่ นอกจากจะหมายถึงการถูกจับจ้อง ยังสามารถตีความไปได้ว่ากำลังถูกจำกัดด้วยกรอบอะไรบางอย่างได้อีกด้วย เพราะแสงสว่างด้านหลังไม่สามารถจะขยายวงกว้างออกไปให้พ้นจากกรอบที่จำกัดอยู่ได้
ส่วนช่วงที่เริ่มมีสิ่งที่หลายคนเรียกว่าปะการัง(?)ออกมานี้ หากยึดตามจากที่กาวเอาไว้ด้านบน เนื่องจากเพอร์ซิโฟเนถูกนำลงมาที่ยมโลกด้วยความไม่ยินยอม การกระทำที่เธอทำต่อเฮดีสจึงมีแต่ความเย็นชาและเยือกเย็น
ขอมองว่าปะการังของหลายๆคน เป็นน้ำเเข็งเเทนนะ5555
นาทีที่ 1.00-1.12
เรื่องราวของพาร์ทนี้
- นาร์ซิสซัส กับความทะนงตน
ทำไมถึงเป็นตำนานนาร์ซิสซัส? เพราะตำนานนี้เป็นหนึ่งในตำนานที่มีเรื่องของความทะนงตนหรือ EGO เป็นตัวดำเนินเรื่องค่ะ ซึ่งเหมือนกันกับเจ้ารถที่โรเซ่ขับเลย ชื่อว่า EGO เช่นเดียวกัน
ส่วนคนที่โรเซ่กำลังขับรถตามนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คือตัวโรเซ่เองนั่นแหละ ตามตำนานของนาร์ซิสซัสนั้น เป็นหนึ่งในหนุ่มรูปงามที่มีคนรักมาก ไม่ลงเอยกับใครเขาเพราะความทะนงตน แต่ท้ายที่สุดเขาก็พ่ายแพ้ให้กับรูปโฉมของตนเองหลังจากได้เห็นเงาสะท้อนรูปของตนในน้ำ ไม่สามารถนำเงาของตนเองมาเป็นคนรักได้ สุดก็ตรอมใจและกลายเป็นดอกนาร์ซิสซัส
การรักตัวเองที่มากเกินไป สุดท้ายก็สามารถกลายเป็นภัยได้เช่นเดียวกัน
สุดท้ายคนที่โรเซ่ขับชน ก็กลายเป็นเพียงกระจกแตก เพราะเป็นแค่เงาสะท้อนของตัวโรเซ่เอง
นาทีที่ 1.12-1.32
เรื่องราวของพาร์ทนี้
- ชุดนักล่าสมบัติ กับการทำลายรูปปั้นเทพีเเห่งความรัก
ตรงพาร์ทนี้มีความหมายตรงที่สุดแล้วค่ะ ไม่ต้องตีความหมายอะไรมาก การทำลายสัญลักษณ์แห่งความรักอย่างเทพีวีนัส ก็หมายความตรงตัวตามท่อนฮุก Let's Kill This LOVE!
นอกนั้นไม่มีอะไรนอกจากความฟาดและความสวย ขอพาร์ทนี้เป็นพาร์ทแจกรูปแทนก็แล้วกันนะคะ
นาทีที่ 1.33-1.46
เรื่องราวของพาร์ทนี้
- การร่วมมือกันของผู้หญิงสองคนที่มีคนรักคนเดียวกัน
- การเซ็ต stereotype สำหรับผู้หญิงสวยเหมือนบาร์บี้ว่าสวยแต่ไม่มีสมอง
เป็นซีนที่กรี๊ดมากๆซีนหนึ่ง ด้วยความเผ็ดของหน้าผมหรือเนื้อเพลง แต่พอมองดีๆแล้วเสื้อผ้าหน้าผมของสองสาวชวนเรานึกถึงตัวละครสองตัวที่ในวัยเด็กอย่างบาร์บี้และเทเรซ่า(ตัวละครในบาร์บี้ผมสีเข้มที่เป็นเพื่อนกับบาร์บี้อีกที)
รอบๆห้องนั้นเต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ของผู้ชาย ไม่แน่ว่านี่อาจจะเป็นรักสามเส้าระหว่างบาร์บี้ เทเรซ่าและเคนก็เป็นได้ นี่คงเป็นเวลาที่เธอทั้งสองนัดกันมาจัดการกับเขาให้ได้คาหนังคาเขา
เมื่อตอนเรายังเด็กบาร์บี้ถือว่าเป็นการ์ตูนที่เรานั่งดูเเละอยากสวย อยากเเต่งตัวตาม แต่พอเติบโตขึ้นมาหากมองลงไปให้ลึกและสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการ์ตูนเซ็ตนี้ คนบางกลุ่มเซ็ต stereotype ลดคุณค่าของผู้หญิงผ่านการ์ตูนเรื่องนี้ และมองว่าผู้หญิงควรทำตัวให้สวยเข้าไว้แบบบาร์บี้ซะ
และนอกจากนั้น การเหยียดผู้หญิงจากสีผมเองก็เป็นหนึ่งสิ่งที่มีมาอย่างยาวนานในฝั่งตะวันตก หากสังเกตดูดีๆนอกจากลิซ่าที่สีผมเป็นบลอนด์อ่อนจัด ทางเจนนี่เองสีผมก็เปลี่ยนเป็นสีบรูเน็ต
ประโยคเหยียดที่เราอาจจะเคยได้ยินกันจากหนังและภาพยนต์ทางตะวันตกอย่าง Dumb Blonde ผู้หญิงผมทองหน้าโง่ กับ Ginger Hair ผู้หญิงผมบลูเน็ตน่ะเป็นพวกแม่มด หลอกลวง ไว้ใจไม่ได้
เเต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ซีนนี้ก็ทำมาเพื่อขายของด้วยนะ (ฮา)
นาทีที่ 1.47-2.00
เรื่องราวของพาร์ทนี้
- เทพีเฮรา สัญลักษณ์ความเป็นเพศหญิงที่ถูกนอกใจและเปลี่ยนให้เธอกลายเป็นมารร้ายแห่งโลกเทพเจ้ากรีกโรมัน
เทพีเฮราหรือจูโน เป็นหนึ่งใน 12 เทพที่หลายๆคนคุ้นหูกันดี เป็นสัญลักษณ์ของเพศหญิง ความเป็นแม่ และการตั้งครรภ์ โดยในมือที่โรเซ่ถืออยู่เป็นใบโคลเวอร์ 4 แฉก ซึ่งแต่ละแฉกมีความหมายของมัน
แฉกแรกคือความหวัง แฉกที่สองคือความเชื่อมั่นและศรัทธา
แฉกที่สามคือความรัก และแฉกสุดท้ายคือโชคดี
แต่แล้วเเสงสว่างที่อบอุ่นก็ได้หายไปทันทีที่มีสายฟ้าฟาดผ่าลงมา สายฟ้าคือสัญลักษณ์ของซุสหรือจูปิเตอร์ มหาเทพที่เป็นสวามีของเทพีองค์นี้ และขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าชู้เป็นที่สุด
ความสดใส อบอุ่นและมีความสุขค่อยๆหายไป ใบหน้าของโรเซ่เปลี่ยนเป็นขึงขัง ดวงตาของเธอแข็งกร้าว เทพีเฮราหรือจูโนเองต้องกลายเป็นมารร้ายหลายครั้งเพราะแรงหึงจากการกระทำของสามีตัวเอง เธอพยายามขัดขวางและทำลายใครก็ตามที่เข้ามาวุ่นวายกับคนรักของเธอ จนทำให้เธอเลื่องชื่อเกี่ยวกับความหึงหวง
นาทีที่ 2.00-2.13
เรื่องราวของพาร์ทนี้
- การไล่ล่าของอาร์ทิมิส
สำหรับพาร์ทนี้เราตีความได้ว่านี่คือการไล่ล่าของเทพีอาร์ทิมิส
เธอเป็นเทพีพระจันทร์และการล่าสัตว์ ในบรรดาเทพเจ้ากรีกโรมัน เทพีอาร์ทิมิสถือเป็นหนึ่งในเทพีที่ยึดถือพรหมจรรย์และมีบริวารที่ถือพรหมจรรย์ราว 50 คน แต่ก็มีครั้งหนึ่งที่เธอตกหลุมรักพรานหนุ่มที่มีนามว่าโอไรออนจนมีความคิดที่อยากจะสละพรหมจรรย์ของตัวเองเพื่อใช้ชีวิตร่วมกันกับเขา
ทว่าพี่ชายฝาแฝดอย่างอะพอลโลไม่ต้องการให้เธอผิดคำสาบานและได้รับโทษ อะพอลโลจึงหลอกล่อให้เธอออกล่าสัตว์ร่วมกันกับเขา โดยท้าให้เธอยิงธนูไปที่เกาะกลางน้ำในยามค่ำคืน โดยที่เธอไม่ได้รู้เลยว่านั่นคือศีรษะของโอไรออน ชายที่เธอรักจนมีความคิดที่จะผิดคำสาบานที่เธอได้เอ่ยไว้
นาทีที่ 2.14-2.35
กับดักที่มองจากอีกมุมแล้วเหมือนรูปหัวใจ แต่ไม่ว่าจะยังไงมันก็คือกับดัก ที่จะทำให้เราเจ็บ
ส่วนนอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรจะให้แกะความหมายแฝงอีกแล้ว
นอกจากถูกใจสิ่งนี้!
*เต้น*
' We must kill this love
Yeah It's sad but true '
Kill This Love - Blackpink
Theory by URSZULA
Please take out with full credit
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in