'จ่ายค่าเน็ตฟลิกซ์ด้วย'
ห้ามให้ใครรู้เด็ดขาด
สตีฟโรเจอร์สไม่ดูทีวี ไม่ดูสตรีมมิ่ง จะมีก็แค่ stranger things เท่านั้นแหล่ะที่ทำให้เขาสามารถนั่งอยู่หน้าแลปท็อปได้ 2-3 ชั่วโมงทุกคืน
หลังจากซีรี่ย์ (ที่จะไม่มีทางบอกให้ใครรู้เด็ดขาดว่าเขา‘ติด’) เรื่องเดียวสตีฟก็แทบไม่ได้สนใจจะเปิดอะไรดูอีก เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในยูทูปดูอะไรมั่วไปเรื่อย ซึ่งส่วนมากคือเกมแชแนลนั่นแหล่ะ
พูดง่ายๆก็คือเน็ตฟลิกซ์เป็นสิ่งไม่จำเป็นไม่มีความสำคัญใดๆต่อสตีฟเลยแม้แต่นิด เหตุผลเดียวที่เขายังคงเสียเงินราวๆ 8 เหรียญให้กับแอพนี่อยู่ทุกวันนี้ก็เพียงแค่เพราะว่า
'เดี๋ยวจ่าย'
มันเป็นสิ่งเดียวเท่านั้นที่ยังทำให้เขา และ บัคกี้ บาร์นส์ ยังพอจะได้พูดคุยกันอยู่บ้าง
ขอบคุณความซับซ้อนยุ่งยากของการ sharing service ในบรรดาแอพลิเคชั่นต่างๆ ในยุคนี้ที่ถึงแม้ว่าจะมีปากเสียงกันรุนแรง บัคกี้ขนของย้ายออกไปจากบ้านเขา ไม่โทรหา ไม่ถามถึง ไม่ทักทาย แต่ในทุกๆ เดือนเขาจะได้รับข้อความจากอีกฝ่ายเสมอ
‘จ่ายค่าเน็ตฟลิกซ์ด้วย’
เหมือนจ่ายเงินเกือบ 8 เหรียญทุกๆ เดือนเพียงเพราะอยากเห็นข้อความจากเจ้าของชื่อที่คุ้นเคย อยากจะเห็นหน้ามุ่ยๆ ที่เจ้าตัวตั้งไว้เป็นหน้าโปรไฟล์
เพียงแค่อยากจะมีโอกาสเอาไว้เนียนๆ ถามความเป็นไปของอีกคนบ้าง แม้จะเล็กน้อยแต่ก็ยังดีกว่าชีวิตที่ไม่มีบัคกี้อยู่เลย
เป็นราคาที่เขาคิดว่าคุ้มค่า
‘Sent a photo’ สตีฟส่งภาพที่สกรีนช็อตจากแอพลิเคชั่นของธนาคารพาณิชย์เป็นหลักฐานว่าหนี้ที่ติดค้างกันไว้ในเดือนนี้ได้ถูกชำระเป็นที่เรียบร้อย
‘เค’
‘สอบเสร็จยัง’
‘no’
‘อ่อเค’
‘อ่าฮะ’
‘นอนเยอะๆ’
‘??’
.
.
เป็นความผิดของบัคกี้เองนั่นแหล่ะที่ไม่ยอมเปลี่ยนพาสเวิร์ดเขาก็แค่บังเอิญจำได้เท่านั้น
ปีเกิดตามด้วยชื่อหมาตัวแรก - สาบานได้เลยว่าคนขี้เกียจอย่าง ‘แฟนเก่า’ของเขาคงจะใช้พาสเวิร์ดเดิมกับทุกแอคเคาท์ในทุกแอพแน่ๆ โชคดีของบัคกี้ที่เขาไม่ใช่แฟนเก่าผู้หมกมุ่น เจ้าคิดเจ้าแค้น ต่างๆนานา และเขาเคารพความเป็นส่วนตัวของบัคกี้มากพอที่จะไม่ไปยุ่งกับโซเชียลมีเดียร์อื่นๆ ของเจ้าตัว
ที่ทำอยู่ตอนนี้ก็แค่เพราะอยากรู้ว่ามีหนัง มีซีรี่ย์เรื่องอะไรน่าดูบ้างต่างหาก
ในเมื่อยังไงก็เขาก็ต้องเสียเงินกว่า 8 เหรียญอยู่ทุกเดือนเขาก็ควรจะใช้โปรแกรมพรีเมี่ยมนี่ให้มันคุ้มๆ หน่อย
“หึ” สตีฟหัวเราะในลำคอเมื่อเห็นว่าสิ่งสุดท้ายที่บัคกี้ดูค้างไว้คือการ์ตูนดิสนี่ย์เรื่องหนึ่งที่เขาจำได้ว่าอีกฝ่ายชอบมากเสียยิ่งกว่าอะไร ตามด้วยซีรี่ย์สืบสวนสอบสวนที่เขาจำได้ว่าเจ้าตัวพูดถึงอยู่บ่อยๆแต่ในตอนนั้น (สมัยที่เขายังครองตำแหน่งแฟนเก่ายอดแย่)เขาไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
น่าแปลก
เพียงแค่การไล่ดูเพลย์ลิสต์ของบัคกี้มันเหมือนกับเขาย้อนกลับไปยังเวลาที่มีคนตัวผอมๆ แต่แก้มย้วยนอนกองอยู่ตรงโซฟาห้องรับแขกพร้อมกับขนมในมือ นั่งดูซีรี่ย์สืบสวนสอบสวนได้เป็นวันๆ
ตอนที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม เราสองคนนอนจูบกันอยู่บนโซฟา สิ่งปกคลุมร่างกายเริ่มจะหายไปทีละชิ้น ในจังหวะนั้นเองที่บัคกี้ผลักเขาออกเสียเต็มแรง แล้วก็ลุกขึ้นมานั่งกัดเล็บลุ้นตามตัวเอกผู้หญิงที่กำลังจะสืบเจอต้นตอของขบวนการก่อการร้ายในตะวันออกกลาง
เขานึกถึงบัคกี้ในชุดนอนเก่าๆ นั่งร้องเพลงทุกเพลงจาก Little mermaid อย่างแม่นยำทุกคำ แล้วก็เดินมานั่งลงที่ตัก พร้อมกับมอบจูบหวานๆ ให้กับเขาในตอนที่เพลง kiss the girl ดังขึ้นมา เขาจำได้ดีว่าตอนนั้นเขาแกล้งหันหน้านี้จูบของบัคกี้จนเจ้าตัวร้องงุ้งงิ้งอย่างขัดใจ เขาแกล้งแซวบัคกี้เรื่องบทรักที่ไม่ได้รับการสานต่อและโดนขัดจังหวะจากซีรี่ย์ Madam Secretary บัคกี้เขินจนหน้าแดงไปหมดแต่ก็ยังทำเป็นเก่งคว้าคอเขาเข้าไปเฟรนช์คิสทั้งที่ตัวแทบจะเหลวคาตักเขาอยู่แล้ว
ไหนจะในวันที่บัคกี้เดินมาหาเขาพร้อมน้ำตานองหน้า เดินมาอ้าแขนขอให้กอด เบื้องหลังเขายังเห็นทีวีจอใหญ่เปิดภาพเอนเครดิตของภาพยนตร์ Call me by your name เขาจำได้ว่าเขาทั้งสงสารทั้งเอ็นดูนั่งกอดปลอบลูบหัวจนอีกฝ่ายหยุดสะอึกสะอื้น
นี่ไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยแม้แต่นิดเดียว
เขาคิดถึงบัคกี้มากกว่าเดิมเสียอีก
‘นอนยัง’
‘ยัง’
‘แนะนำหนังให้หน่อย’
ลองดูอีกครั้งดีมั้ยนะ?
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in