“God, please make my heart new and clean. And make my spirit strong and true, deep inside me.”
Psalms 51:10 EASY
• เรามีแนวโน้มที่จะทำให้คนอื่นเกลียดเราอย่างง่ายดายอยู่เสมอ , มีแนวโน้มที่จะผิดพลาดอยู่เรื่อยๆ
ก็เพราะเราเป็นมนุษย์นี่นะ ...
บางครั้งเราก็เกลียดตัวเอง
จนมองไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องมีชีวิตอยู่อีกต่อไป
บางครั้งเราถูกยัดเยียดให้เป็นผู้ร้าย
โดยที่เราเองก็ไม่รู้ตัว
หรือไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรคืออาวุธของเรา
// และเราก็ยินยอมที่จะรับข้อกล่าวหานั้น
เพราะคงไม่มีประโยชน์หากจะปฏิเสธ
เราถูกสร้างโดยพระเจ้า
พระเจ้าสร้างเราทำไม? เพื่ออะไร?
คงเหมือนพ่อแม่ที่ให้กำเนิดเราขึ้นมา...
เขาคงไม่ได้คาดหวังให้เราเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ คนที่เก่งที่สุด แต่ลืมพวกเขาไป ... เขาปรารถนาที่จะได้เห็นเราและมีความสุขเพราะเรา รวมไปถึง เห็นเราได้มีความสุข
...
มุมมองเกี่ยวกับพระเจ้าสำหรับเราเองก็แบบนั้น ;
พระเจ้าเป็นพระบิดา...สิ่งสำคัญสำหรับการมีชีวิตอยู่คือ
อยู่เพื่อให้พระเจ้านั้นพอพระทัยในชีวิตของเรา ในฐานะ ผู้สร้าง ผู้ไถ่ ผู้ช่วยเหลือและผู้ที่จะกลับมารับเราในวันพิพากษาสุดท้ายของโลก เราไม่ได้อยู่เพื่อทำให้คนทั้งโลกพอใจ ( แม้ความเป็นมนุษย์ธรรมชาติ เราต้องการให้คนอื่นพอใจ และไม่อยากให้ใครเกลียดเรา ... ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ ที่จะให้ทุกคนพอใจเกี่ยวกับเรา คงไร้สาระเกินไปหากเราพยายามทำแบบนั้น )
และเพราะเราควรอยู่แค่เพื่อทำให้พระเจ้าพอพระทัย
และพระทัยพระเจ้าคือให้เราได้เป็นลูก — เพราะแบบนั้น ต่อให้คนทั้งโลกเกลียดเรา ไม่เห็นค่าเรา เราก็ยังควรมีชีวิตอยู่ต่อไป เพราะพระเจ้าต่างหากที่มอบชีวิต และเป็นผู้ตามหาจิตใจและวิญญาณที่หลงเตลิด
fact : เรารู้ดีว่าอะไรควรทำและอะไรไม่ควรทำ
แต่ต่อจากเมื่อวาน เรื่อง safe place พระคัมภีร์บอกให้เทใจออกมาต่อหน้าพระเจ้าและทูลทุกสิ่งต่อพระเจ้า ในวันนี้เอง ก็เป็นเรื่องที่ต่อเนื่องกัน เมื่อเราเท = เราได้สำรวจ ตรวจสอบชีวิตของเราแล้ว เราเห็นแล้วว่ามีอะไรในชีวิตเราบ้าง
[ เราพบสิ่งดี สิ่งเลว สิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ เต็มไปหมด แสดงให้เห็นว่า เราเป็นพวก ‘รู้’ แต่ ‘ทำไม่ได้’ ]
เมื่อพบสิ่งเลวในชีวิต เราจะเลือกทำลายทิ้ง? หรือมองดูมันเฉยๆ แล้วหวังใจให้มันหายไปเฉยๆ?
หากเราตรวจพบเจอก้อนเนื้อหรือมะเร็ง เราก็คงกำจัดมันทิ้ง คงไม่ปล่อยให้มันสลายไปด้วยตัวเอง — สิ่งนั้นก็เช่นกัน
“— So get started. Purify the people. Tell them: Get ready for tomorrow by purifying yourselves. For this is what GOD, the God of Israel, says: There are cursed things in the camp. You won’t be able to face your enemies until you have gotten rid of these cursed things.”
Joshua 7:13 MSG
•• พระเจ้าชี้ให้เห็นว่า เมื่อเราพบเจอสิ่งที่ไม่ถูกต้อง สิ่งที่ทำให้ชีวิตเราเดือดร้อน รวมไปถึงสิ่งที่เป็นพิษต่อจิตวิญญาณของเรา — เราต้องกำจัดออกไป , บางครั้งความเป็นมนุษย์ทำให้เราเสียดายเรื่องไม่เป็นเรื่อง หวงแหนเรื่องที่เป็นเพียงสิ่งลวงตา ลวงใจ และไม่คงทนถาวร
เราจะไม่ชนะอย่างแน่นอน หากเราต่อสู้โดยกำลังของเราเอง ; เราจะยังคงเป็นมนุษย์ตัวเล็กๆ ที่ต้องการการช่วยเหลือ แม้ว่าเราเคยแข็งแกร่ง เรืองอำนาจ หรือพิชิตชัยชนะความสำเร็จมาอย่างนับไม่ถ้วน แต่สักวันหนึ่งจะมีคนมาโค่นล้มมันลง วิ่งแซงไปข้างหน้า จากสูงสุดกลายเป็นต่ำลง หรือหากไม่ใช่ก็อาจจะเป็นเรี่ยวแรงกำลังแข้งขาของเราที่อ่อนระโหย จนก้าวต่อไปไม่ไหว — โลกใบนี้ชี้ให้เห็นว่า เมื่อเราหยุดหรือช้า เราก็จะเปลี่ยนตำแหน่งไปอยู่ข้างหลังหรือเป็นผู้แพ้ไปเสียแล้ว
แต่ในพระเจ้าแล้ว เราไม่จำเป็นต้องอยู่ในสนามแข่งขันนั้น แต่เราต่อสู้อยู่กับสิ่งอื่น สิ่งซึ่งมองไม่เห็นอย่าง ความต้องการยอมรับ ชื่อเสียง ความโลภในการถูกรัก การมีตัวตนในสายตาคนอื่น ความมั่นคงทางจิตใจผ่านวัตถุ ... ซึ่งมันคือการต่อสู้กับตัวเอง
บางครั้งสิ่งที่อยู่ในตัวเราเองก็ยากที่จะมองเห็น
เราจึงต้องอาศัยกระจกสะท้อน —
และความสัมพันธ์คือกระจกสะท้อนที่ดีที่สุด
- ความสัมพันธ์ของตัวเราเองกับพระเจ้า ; ผ่านการใช้เวลา อ่านไบเบิ้ล ใคร่ครวญสิ่งที่เรียนรู้ สิ่งที่ได้รับ สิ่งที่นำไปสู่การแก้ไข
- ความสัมพันธ์ของตัวเรากับตัวเราเอง ; ผ่านการเขียน การทบทวน ใคร่ครวญ
- ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับคนใกล้ชิดทั้งที่รัก ที่ชอบและไม่ชอบ ; การแสดงออกของพวกเขาที่มีต่อเรา (อย่างจริงใจและตรงไปตรงมา) คือกระจกสะท้อนที่ดี ที่จะช่วยให้เราเห็นสิ่งที่บกพร่องและไม่น่ารัก
และโดยการสะท้อนให้เห็นนี้เองที่จะนำมาสู่การกำจัดสิ่งที่เป็นพิษในชีวิตเราออกไป — แต่ต่อให้เราพยายามจะทำความสะอาดแค่ไหน เราก็ยังคงเป็นมนุษย์ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติบาปวิสัย ที่ต้องขจัดออกทุกวัน
“God sacrificed Jesus on the altar of the world to clear that world of sin. Having faith in him sets us in the clear. God decided on this course of action in full view of the public—to set the world in the clear with himself through the sacrifice of Jesus, finally taking care of the sins he had so patiently endured. This is not only clear, but it’s now —this is current history! God sets things right. He also makes it possible for us to live in his rightness.”
Romans 3:25-26 MSG
•••
พระเจ้าในพระธรรมโยชูวานั้น เป็นพระเจ้าแห่งบทบัญญัติ ( พันธสัญญาเดิม ) เมื่อทำผิดต้องถูกลงโทษ พระเจ้าในพระคัมภีร์ตอนนี้สำหรับฉันแล้ว น่ากลัว เด็ดขาด เจ้าระเบียบ เหมือนมีไร้เรียวใหญ่อยู่ในมือตลอดเวลา แต่ทว่าก็หวงแหนมนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้าง
แต่เมื่อมาถึงพันธสัญญาใหม่ ;
เราเข้าสู่ความรักในรูปแบบพ่อกับลูกได้ โดยผ่านทางพระเยซูคริสต์ ที่ตายเพื่อเรา ไถ่โทษให้กับเรา รับความผิดบาปแทนเรา
แน่นอนว่า เมื่อมีคนรับผิดแทนเราแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะใช้ชีวิตยังไงก็ได้ จะทำผิดอีกสักกี่ครั้งก็คงไม่เป็นไร ... ไม่ใช่แบบนั้นเลย
พระเจ้าปรารถนาให้เรามีชีิวิตที่ถูกต้อง แม้ว่าเราจะดำเนินชีวิตโดยพระคุณของพระเจ้าในพระเยซูแต่พระคัมภีร์พันธสัญญาเดิมเองนั้น ก็เป็นสิ่งที่เรายังต้องรักษาและปฏิบัติ — แต่ไม่ใช่โดยกำลัง แข้งขา สองมือของเรา ไม่ใช่การต่อสู้โดยลำพัง
แต่ต่อสู้โดยการพึ่งโลหิตพระเยซูคริสต์ที่ชำระล้างบาปเราแล้ว ; ไม่ใช่ในมุมมองของการดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์ แล้วเสกทุกอย่างเหมือนเวทมนต์ แต่เป็นจิตใจที่เพ่งมองไปที่ไม้กางเขน ว่าที่นั่นเกิดอะไรขึ้นบ้าง ...
แม้เราจะทำความสะอาดเก่งแค่ไหนมันก็คงไม่มีทางที่จะบริสุทธิ์ผุดผ่อง แม้ทารกที่เกิดมา ก็มีบาปติดตัวมาด้วยแล้วผ่านทางเชื้อสาย แต่การสำรวจ ตรวจสอบ ชีวิตอยู่เสมอว่า มีอะไรที่ซุกซ่อน มีอะไรที่เป็นขยะอยู่ไหม ? และให้เราตัดสินใจ เทสิ่งนั้นออกมา ต่อหน้าพระเจ้า
และขอให้พระองค์ช่วยเราในฐานะบุตร
ผ่านทางพระเยซู |
fact ll : เราเป็นคนหน่ะ มันไม่มีทางที่เราจะสมบูรณ์แบบได้เลย ต่อให้พยายามอย่างหนักและบางครั้งก็ดูเหมือนเป็นไปได้ แต่ชีวิตแบบนั้นมันเหนื่อย ต่อให้ตอนนี้พยายามจะวางลงแล้ว แต่เพราะเติบโตขึ้นมาแบบนั้น เพราะเป็นแบบนั้นมาตั้งแต่แรกเอง เรื่องนี้มันก็ยาก
ยากทั้งเรื่องจะกลายเป็นสิ่งอื่น
และยากที่จะให้ใครเข้าใจ
บางครั้งก็นึกโกรธและไม่เข้าใจ
ว่าทำไม ถ้าพระเจ้ารัก ถ้าพระเจ้าอนุญาตให้เกิดมา
ถึงให้เจอเรื่องพวกนี้ เรื่องที่ทำให้เป็นแบบนี้ ...
มันก็น่าเศร้า
ที่เรากลายเป็นคนในแบบที่เราเกลียด
แต่เมื่อย้อนมองดูแล้ว
แทนที่จะตั้งคำถามว่า...ทำไม!?
แล้วเปลี่ยนเป็น ...เพื่ออะไร? อย่างไร?
อะไรๆ มันจะเปลี่ยนไปด้วยไหม?
เมื่อเปลี่ยนแปลงหรือฝืนชีวิตไม่ได้
ถ้าแบบนั้นเปลี่ยนแปลงมุมที่มองดีไหม?
ความจริงอีกหนึ่งเรื่องคือ
แม้ไม่มีใครที่เข้าใจเรา แต่เมื่อเพ่งมองที่ไม้กางเขน ที่ๆพระองค์ถูกกระทำเหยียดหยาม ดูหมิ่น ประณาม และต้องตายอย่างไม่สมควรแล้ว สิ่งที่ฉันเจอนั้นมันเล็กน้อย พระเยซูถูกกำหนดมาให้ตาย ตั้งแต่แรก พระองค์เลือกที่จะหนีไป หรือไม่ตาย หรือขอพระเจ้าให้ทำลายคนที่ทำร้ายพระองค์ก็ได้ แต่พระองค์ไม่ทำ และเลือกที่จะทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าพระบิดา — และพระองค์ก็จะเข้าใจเราอย่างแน่นอน ว่าตอนนี้เรารู้สึกอย่างไร
...
และเดินมาจากจุดเดิมที่เคยเป็นไกลแค่ไหนแล้ว ?
sat 07
sep,2020
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in