เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
#NotsDaddyจซBfect
I look at you and see the one I love
  • แรงสั่นสะเทือนจากโทรศัพท์เครื่องบางไร้สิ่งปกคลุมไม่สามารถแย่งความสนใจจากเจ้าของที่กำลังลิ้มรสชาติหวานหอมของแพนเค้กหนานุ่มตรงหน้าได้ แม้แรงสั่นสะเทือนจะอยู่บนมือข้างซ้ายมานับเกือบสิบนาทีแต่ใช่ว่าคิมซอนอูจะสนใจ แอบรู้สึกรำคาญแต่หากวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะหรือเก็บใส่กระเป๋าจะทำให้หงุดหงิดมากกว่าเดิมเพราะเสียงเวลาสมาร์ตโฟนสั่นในที่เงียบนั้นดังกว่าเสียงอื่นใดเสียอีก

    ยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นดื่มก่อนจะคว้าถุงกระดาษสองสามใบบนพื้นขึ้นมาถือ แพลนในหัวไม่มีบ้านคอนโดหรือที่พักอาศัยเหมือนอย่างทุกวันแต่เป็นการเดินเอื่อยเฉื่อยไร้จุดมุ่งหมายรอบย่านการค้าชื่อดังต่างหาก


    แน่นอนว่าวันนี้จะไม่จบลงที่ถุงกระดาษสามสี่ใบแม้รวมๆแล้วของที่ถืออยู่ในมือจะเกินหมื่นแล้วก็ตาม


    คิมซอนอูไม่ใช่คนฟุ่มเฟือย
    แต่แค่วันนี้วันเดียว...แล้วทุกอย่างจะกลับสู่สภาพเดิม


    เสียงเรียกเข้าดังขึ้นจากปลายสายเดิม ถ้าให้เดาตอนเดินคงไปโดนปุ่มเปิดเสียงแบบไม่ได้ตั้งใจ มือหยิบตัวส่งเสียงขึ้นจากกระเป๋ากางเกงมาถือไว้สักพัก สองจิตสองใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกดรับและนำมาแนบข้างหู


    “ว่า”
    “ได้ใช้บัตรพี่หรือเปล่า”


    ความรู้สึกชาวาบแล่นเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็ว แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้ใช้น้ำเสียงกดดันหรือดุด่าว่ากล่าวแต่ด้วยจำนวนเงินที่เสียไปไม่น้อยก็สามารถทำให้คิมซอนอูรู้สึกผิดได้เหมือนกัน


    “ใช่” หนีบโทรศัพท์ไว้กับไหล่ จัดเรียงของในมือให้ถือง่ายขึ้น “คงหยิบสลับกับของป๊า”


    โกหกทั้งเพ...ตอนจ่ายเขาหยิบใบนี้ออกมาเป็นใบแรกเพื่อที่จะให้แมสเสจส่งตรงถึงอีแจฮยอนที่ไม่รู้ว่ากำลังทำงานหรือพักผ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งได้รับรู้


    จะว่าเรียกร้องความสนใจก็ใช่


    “ใช้ของพี่ไปนั้นแหละ ที่ถามเพราะคิดว่าคนอื่นเอาไปใช้”
    “ทำไมคิดแบบนั้น”
    “ก็มันผิดวิสัยคนอย่างคิมซอนอูไงครับ”
    “คนอย่างคิมซอนอูมันทำไม”
    “เปล๊า” ปลายสายขำ “และนี่อยู่ไหน”
    “สยาม”
    “ส่วนไหนล่ะ”
    “ไม่รู้...” เดินบ่อยใช่ว่าจะเรียกถูก คิมซอนอูจำได้แค่ว่าร้านขนมชื่ออะไรและอยู่ตรงไหนเท่านั้นแหละ ขนาดซอยสยามสแควร์ยังเลี้ยวเข้าผิดเป็นว่าเล่นนับประสาอะไรกับชื่อเรียกย่อยของส่วนต่างๆ 
    “ถามทำไม”
    “ก็อยากรู้...นี่ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ไหนจริงดิ”
    “อ่า” ร้านค้ารอบข้างเปลี่ยนไปตามจำนวนก้าว เป้าหมายคือห้างใหญ่พารากอน ตรงนี้ซอนอูรู้แต่ไม่บอกแจฮยอนหรอก


    เพราะบอกไปก็เท่านั้น


    “เดินถึงไหนแล้ว”
    “ไม่รู้...”
    “เดินผ่านร้านอะไรบ้างล่ะ”
    “ถามมากอ่ะ”
    “ก็ชอบทำให้เป็นห่วงอ่ะ”
    “แล้วจะอ่ะตามทำไม555555555 เหี้ย!”


    สะดุ้งเมื่อโดนจับเข้าที่เอว ศอกข้างที่ถือของเหวี่ยงไปด้านหลังอัตโนมัติ เสียงร้องโอดครวญใต้ถุงกระดาษคุ้นหูซะคิมซอนอูต้องเพ่งมองดีๆ


    รองเท้าหนังหุ้มส้น กางเกงสแล็ค เข็มขัดขัดเงา สูทตัวนอกบนท่อนแขน และ เนคไทสีชมพู


    ไม่ค่อยมีผู้ชายคนไหนใส่เนคไทสีชมพูหรอก


    ‘เข้าบริษัท ใส่ไทด์สีไรดี’
    ‘สีชมพูไปเลย กล้าๆหน่อย’


    บทสนทนาหยอกเล่นเมื่อไม่นานแวบเข้ามาในหัวทันทีที่มองเห็น แม้การคุยครั้งนั้นจะไม่เห็นหน้าหรือได้ยินเสียงแต่ใครจะคิดล่ะว่าอีแจฮยอนจะเอาสิ่งที่เขาแนะนำให้ไปทำตามจริงๆ


    “ไม่รู้ว่าอยู่ไหนแต่เดินฉิวเลยนะ”
    “มาได้ไง”
    “ฝังชิพกันหมาหายไว้เลยรู้ว่าอยู่ไหน”


    ซอนอูยู่หน้าจงใจก้าวขาเดินหนีไปอีกทาง หมาหายอะไรกันถูกทิ้งสิไม่ว่า น้ำหนักจากกระเป๋าเป้ด้านหลังเพิ่มขึ้นเนื่องจากอีกฝ่ายเล่นเป็นเด็กวางฝ่ามือถ่วงให้เดินลำบากมากขึ้น


    “หนัก”
    “ก็เอาออกมา”


    คิดสภาพคนใส่สูทสะพายกระเป๋านักเรียนหิ้วถุงแบรนด์ต่างๆ อีแจฮยอนบอกว่าไม่อยากถือสูทตัวนอกเลยโยนให้ซอนอูถือและคว้าสัมภาระทั้งหมด ย้ำว่าทั้งหมดไปถือไว้เอง แอบดูพะรุงพะรังเล็กน้อยแต่ก็ยังดีกว่าตอนเขาถือไปมากโข


    “ไปไหนต่อ”
    “ของเยอะแล้วกลับเลยปะ”
    “ไม่ดิ ซอนอยากไปไหนก็ไปอย่าเอาพี่ไปทิ้งไว้ดิ”
    “ทิ้งบ้าทิ้งบออะไร ไป ลงชั้นล่าง”


    เพราะอยู่ๆอีแจฮยอนมาปรากฏตัวตรงหน้าทำให้เป้าหมายในการซื้อของคิมซอนอูเปลี่ยนไป จากจะซื้อเสื้อผ้าแบรนด์ชั้นนำกลายเป็นซื้อขนมที่ไม่มีแถวบ้านแทน

    ดวงตากลมมองกล่องขนมทั้งสองตรงหน้าอย่างพินิจพิจารณา มันจะไม่ยากเลยถ้าทั้งสองกล่องไม่ใช่ขนมนำเข้าราคาแพงหาซื้อได้ยาก ขืนซื้อตอนนี้ยังไงคุณเขาก็ต้องออกเงินให้จะแอบออกไปคิดเงินเองก็ไม่ได้ อยากกินก็อยากแต่วันนี้ดันใช้เงินไปเยอะแล้วด้วยสิ

    ระหว่างที่กำลังคิด ท่อนแขนยาวได้ยืดเลยข้ามหัวซอนอูไปหยิบขนมยี่ห้อเดียวกันทั้งสองกล่องมาไว้ในรถเข็นพร้อมหยิบของในมือซอนอูไปวางไว้ในชั้นเหมือนอย่างเก่า แถมแกล้งวางศอกบนหัวทิ้งท้ายอีกต่างหาก


    “อยากได้ก็ซื้อ”
    “แพง”
    “นานๆจะมาด้วยกันไม่เป็นไรหรอก”
    .
    .
    .
    “อือ”





    ไม่มันยังไม่จบแค่นั้น หลังจากอีแจฮยอนถามซอนอูว่าจะกลับบ้านหรือคอนโดที่พักอยู่เป็นประจำและได้รับคำตอบตามที่พึงพอใจแล้ว คนอายุมากกว่าได้พาเขาไปเก็บของที่รถก่อนจะเดินย้อนกลับมาร้านอาหารภายในพารากอนเหมือนอย่างเก่า


    แต่กินอะไรไม่กิน กินเนื้อย่าง


    “กลับไปสระผมด้วย” ถึงจะไม่ใช่หมูกะทะแต่ขึ้นชื่อว่าเนื้อย่างยังไงก็ต้องมีกลิ่นติดบ้างแหละ
    “บอกตัวเองเถอะหนู”
    “อย่ามาทำรู้ทันสินาย”
    “ถ้าขี้เกียจสระก็มาห้องพี่”
    “ล่อลวงเด็ก น่ากลัว” กอดตัวเองทำท่าประกอบอ้าปากรับเนื้อที่อีกฝ่ายยื่นมาให้อย่างไม่กลัวร้อน
    “แล้วจะไปไหม”
    “ไป”


    คิมซอนอูเป็นคนแบบนี้แหละ





    “โอย...” อิ่มมาก

    ทิ้งตัวนอนคว่ำบนโซฟาปล่อยให้เจ้าของห้องหิ้วของทั้งหมดไปเก็บไว้ในที่ที่ควรจะเก็บ หมดกันคนดังของโรงเรียนสภาพเหมือนศพขึ้นอืดไม่มีผิด ขาไปทางแขนไปทางนี่มันตัวอะไรวะเนี่ย

    พลิกตัวนอนหงายแต่ก็ต้องตกใจเมื่อหน้าตัวเองปะเข้ากับหน้าของอีกฝ่าย คุณเขารองแขนกับโซฟาทำให้ระยะห่างของเรามีไม่มากนัก ดวงตาสวยถูกจับจ้องมาอย่างไม่ลดละจนต้องเบี่ยงหน้าหนี ซอนอูเลียริมฝีปากของตัวเองเพื่อลดอาการประหม่าโดยหารู้ไม่ว่านั่นไม่ใช่วิธีที่ควรจริงๆ


    “ไหนบอกมาสิว่าเป็นอะไร”
    “คืออะไร”
    “อยู่ๆใช้เงินแบบนั้น ไม่ใช่เพราะว่าแค่อยากซื้อของหรอกมั้ง”
    “ไหนบอกอยากได้อะไรก็ซื้อไง นี่ก็ซื้อของอย่างอื่นแทนของที่อยากได้แล้วไง “
    “แล้วทำไมไม่ซื้อของที่อยากได้จริงๆเลยล่ะ”
    “เพราะมันซื้อไม่ได้”
    “...”
    “เวลาไงล่ะ”


    ต่างฝ่ายต่างเงียบ อีแจฮยอนรู้คิมซอนอูรู้ว่าต่างคนต่างไม่มีเวลาให้กันมากนัก ถึงแม้ว่าคนหนึ่งจะเป็นแค่นักศึกษาแต่ก็เป็นนักศึกษาที่ทำงานให้บริษัทในเครือครอบครัว แถมอีกคนยังเป็นนักเรียนมอปลายเตรียมสอบเข้าอีกต่างหาก เรื่องแบบนี้ซอนอูเข้าใจ เขาไม่ใช่เด็กที่จะไม่รู้เรื่องอะไรขนาดนั้นแต่แค่ช่วงนี้เราห่างกันไปมากเท่านั้นเอง


    ไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้เลย


    “ขอโทษ” คนเด็กกว่าว่าพร้อมรับอ้อมกอดจากคนด้านบน สัมผัสหนักข้างขมับเพิ่มความอบอุ่นภายในใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ซอนอูไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไง การตัดสินใจวันนี้ล้วนเป็นความคิดชั่ววูบแต่หากให้ตั้งสติคิดดูอีกที...
    “หนูจะไม่ทำอีกแล้ว จะไม่ทำตัวเป็นเด็กๆจะเป็นเด็กดี ขอโทษนะพี่อย่าทิ้งหนูนะ”ปล่อยโฮออกมาเหมือนเด็กไม่มีผิด ซอนอูพยายามแล้วกับการเก็บอารมณ์ความรู้สึกไว้กับตัว หากไม่โกรธหรือเศร้ามากจริงๆอาจจะไม่มีใครรู้เลยก็ได้


    แต่กับอีแจฮยอน
    คนที่เห็นทุกด้านของคิมซอนอูมาหมดแล้ว


    “ร้องไห้ทำไม หือ?” ... “พี่ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย มองหน้าพี่เร็ว” ดวงตาบวมแดงหรี่มองแจฮยอนที่มองกลับมาอย่างเช่นเดียวกัน เสียงสะอื้นถูกดูดกลืนหายไปหลังริมฝีปากถูกปิดผนึกด้วยอวัยวะเดียวกัน แจฮยอนกดจูบซ้ำย้ำอยู่กับที่จนซอนอูต้องเพยอปาก ไม่มีการแลกเปลี่ยนใดๆมีแค่การสัมผัสบริเวณภายนอกที่สามารถทำให้คนเด็กกว่าสงบลงได้ ฝ่ามือทั้งสองข้างประคองใบหน้าสวยขึ้นมาอย่างเบามือก่อนจะกดจูบลงบนหน้าผาก เปลือกตา ปลายจมูก พวงแก้ม และริมฝีปากอีกครั้ง


    “รักแค่คนนี้คนเดียว”

    “ถึงจะเป็นผู้ชายก็รัก”

    “ถึงจะอายุห่างกันก็รัก”

    “เข้าใจไหมครับ”


    ซอนอูพยักหน้าตอบกลับ ยกฝ่ามือขึ้นลูบหน้าตนเอง


    “พี่ไม่เคยซีเรียสเรื่องเงินอยู่แล้ว บัตรนั้นพี่เป็นคนให้กับมือทำไมจะไม่รู้ว่านิสัยการใช้เงินของหนูเป็นยังไง”

    “ที่ไปหาก็ไม่ได้จะดุ แค่อยากอยู่เวลาหนูซื้อของเท่านั้นเอง”

    “เราไม่ได้อยู่ด้วยกันนานมากแล้วจริงๆนั่นแหละ”

    “ขอโทษที่ไม่มีเวลาให้นะครับ”  เอนอิงหน้าผากซึ่งกันและกัน ดวงตาสอดประสานอยู่ชั่วครู่ก่อนจะลอบยิ้มออกมา ไม่มีใครเข้าใจมุมนี้ของซอนอูหรอกเพราะขนาดเจ้าตัวเองยังไม่รู้เลยว่า “เป็นคนน่ารักตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”


    “งอแงขนาดนี้น่ารักตรงไหน” เห็นไหมล่ะ


    แจฮยอนก้มหน้าลงขบกัดไหล่คนตรงหน้าเพื่อสร้างรอยสีกุหลาบ กระดุมชุดนักเรียนที่ถูกปลดไปตั้งแต่ตอนจูบในคราแรกทำให้ง่ายต่อการทำส่วนที่ไร้คนเห็น ฝ่ามือเล็กพยายามดันหัวคนทำแต่ก็ต้องล้มเลิกไปเมื่ออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาสบตา


    ดุดันและอ้อนวอน...เป็นความขัดแย้งที่ไม่มีความเข้ากันเลยสักนิด


    อีแจฮยอนรวบขาซอนอูขึ้นมาไว้บนโซฟาก่อนจะลุกขึ้นเดินท่ามกลางสายตางุนงงของคนอายุน้อยกว่า คิมซอนอูเบิกตากว้างเมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินไปยังกองถุงชอปปิ้งที่ซื้อมา


    “ย่าห์! หัดรื้อของคนอื่นเหรอ”
    “ก็ซื้อมาให้หนิ ถูกไหม?”


    ซอนอูอ้าปากค้างเตรียมเถียงแต่นึกคำไม่ออก จริงอยู่หรอกว่าของที่ซื้อมานั้นไม่มีความจำเป็นต่อเขาเลยสักนิด ทุกอย่างล้วนเป็นของที่อีแจฮยอนใช้มาโดยตลอดไม่ว่าจะเป็นเสื้อเชิ้ต เข็มขัด รองเท้าหนังและของเล็กน้อยอย่างอื่น ไหนๆจะใช้เงินของอีกฝ่ายแล้วซื้อของให้จะเป็นไรไปล่ะ


    แต่ไม่ใช่เอามาใช้แบบนี้!


    เนคไทสีดำขลับเคลื่อนมาบดบังทัศนวิสัยการมองเห็นอย่างสิ้นเชิง สัมผัสอุ่นร้อนจากมือคนอายุมากกว่าไล่ตามตัวไม่รู้จักจบสิ้น ร่างโปร่งขดงอตัวเมื่อส่วนนั้นได้รับการกระตุ้น เสียงครางหวานหลุดออกมาหลังจากพยายามขบกัดฟันตัวเองมาเป็นเวลานาน แจฮยอนไม่ปล่อยให้ซอนอูได้สร้างแผลเพิ่ม รีบประกบปากสอดลิ้นเข้าไปทันที ไม่มีแล้วการจูบปลอบประโลมมีแต่แรงดูดดึงไล่ต้อนเรียวลิ้นเล็กภายในโพรงปาก ไม่แน่คนที่จะสร้างแผลให้ซอนอูก็แจฮยอนเองเนี่ยแหละ

    เสียงแลกเปลี่ยนน้ำลายก้องห้องไม่เข้าโสตประสาทของผู้กระทำแม้แต่น้อย แขนเรียวโอบกอดรอบคอคนอายุมากกว่าอย่างใกล้ชิด การขยับเขยื้อนหัวไปมาทำให้สิ่งบดบังเคลื่อนออกไปทีละนิด ดวงตาข้างซ้ายสบกับดวงตาของอีกฝ่ายเป็นอย่างแรกก่อนที่เนคไทจะถูกถอดออกโดยผู้สวมใส่เอง

    “มองเห็นมันดีกว่าใช่ไหมล่ะ” อีแจฮยอนยิ้มชื่นชมในความไวของมือตัวเอง ถึงเสื้อนักเรียนบนตัวซอนอูจะยังอยู่แต่ก็เอียงไปข้างหนึ่งจนปิดอะไรไม่มิด กระดุมที่คาอยู่เม็ดสองเม็ดด้านล่างไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด ส่วนกางเกง...อย่าไปพูดถึงมันจะดีกว่า

    แผ่นอกเคลื่อนไหวขึ้นลงยามหอบหายใจ ซอนอูนั่งนิ่งเพราะอ่อนล้าจากเหตุการณ์เมื่อครู่ ดวงตาหวานฉ่ำเยิ้มราวกับคนมีไข้เพิ่มอารมณ์ของผู้มองเห็นได้เป็นอย่างดี แจฮยอนสอดแขนเข้าใต้ข้อพับขา มือจับสะโพกคนข้างใต้ก่อนจะดึงลงมานอนราบบนโซฟา ขาเรียวถูกนำมาเกี่ยวรอบเอวพร้อมบั้นท้ายที่ถูกยกขึ้นมาวางบนหน้าตัก



    ของจริงมันต่อจากนี้ต่างหาก
    อย่าพึ่งเหนื่อยนะซอนอู






    #NotsDaddyจซ



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in