หลังนอนแผ่อยู่กับเตียงมาเกือบชั่วโมงเต็ม อาคาลิก็ดันตัวลุกขึ้นจากที่นอน นาฬิกาหัวเตียงบอกเวลาเกือบตีสอง เธอเหนื่อย ล้าจากการฝึกซ้อมและการจัดการกับ– ชีวิตคนดังนี่ เมื่อกลางวันที่ผ่านมา อาคาลิพร้อมจะเอนหัวพิงกับอะไรก็ได้แล้วสลบไปซักอาทิตย์หนึ่ง แต่ในตอนนี้ หลังกลับจากการอัดรายการ หลังจากทิ้งตัวลงกับเตียงไปพักใหญ่ เธอกลับหลับตาไม่ลง
ยานอนหลับโผล่ขึ้นมาในความคิด ถ้าอาคาลิจำไม่ผิด ไคสะน่าจะเก็บเอาไว้ในตู้หนึ่งของห้องครัว
เธอเดินลากขาไปตามทางมืดๆ ในบ้านพัก หลังจากเปิดหาทีละตู้อยู่ครู่ใหญ่ อาคาลิก็ยอมแพ้ หันไปใช้อะไรที่คลาสสิคกว่านั้น บางทีนมอุ่นๆ อาจจะช่วยเธอได้มากกว่า
“ทำไมยังไม่นอน?”
อาคาลิผวา แทบจะปาแก้วในมือไปทางต้นเสียง จริงๆ คือเงื้อแล้วแหละ เงื้อขึ้นมาแล้ว กระตุกขึ้นมาจนเครื่องดื่มอุ่นๆ ในแก้วกระฉอกออกมาหน่อย ตาเบิกกว้าง
“โอ้ย!– เอฟเวอลิน!? นั่นคุณเหรอ?”
เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เสียงเดิมจะดังขึ้นมาอีกครั้ง ในความมืดของห้องครัว บางอย่างขยับ “เธอไม่ตอบคำถามฉัน”
อาคาลิถอนหายใจเฮือก เอื้อมมือไปกดเปิดไฟ
แล้วก็นั่นไง, นั่งเท้าคางเอียงหัวอยู่ที่อีกฟากของเคาน์เตอร์ (ตำแหน่งเดียวกับที่เธอเล็งจะขว้างแก้วไปเป๊ะ ฮ่า), เอฟเวอลิน อาคาลิถอนหายใจเฮือกใหญ่ อยากจะถามว่านั่งมืดๆ อยู่ตั้งแต่ตอนไหน แต่อีกใจก็รู้ว่าเอฟเวอลินจะไม่ตอบ ดวงตาสีทองยังจ้องมาที่เธออยู่ จ้องหน้า สลับกับแก้วในมือ คิ้วเลิกขึ้นข้างหนึ่ง, รอคำตอบ
ยิ่งตอบเร็วเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งออกจากตรงนี้ได้เร็วขึ้นเท่านั้น “ฉันลงมาหาอะไรกิน”
“นมอุ่นเนี่ยเหรอ?”
“ฉันชอบของฉันน่า” อาคาลิแยกเขี้ยว เอฟเวอลินชอบทำสายตาแปลกๆ เวลาเธอแยกเขี้ยว มันทำเธอประหม่า ไม่กล้าสบตาด้วย “คุณเถอะ ทำอะไรอยู่ในครัว ป่านนี้แล้ว”
ริมฝีปากนั่นยกยิ้มขึ้นมาหน่อย เย้าแหย่ “เป็นห่วงกันด้วย”
“ฉันไม่ได้–” เมื่อหมดคำจะพูด เธอก็นั่งลง ยกนมอุ่นขึ้นมาจิบ คิ้วขมวดมุ่น
ลืมไปแล้วว่าตั้งใจจะเดินหนีกลับห้องไป
เอฟเวอลินก็ไม่ได้ออกปากไล่ ยังคงมองเธออยู่เงียบๆ คล้ายกับรอให้พูดต่อ
แต่เธอไม่มีอะไรให้พูดนี่นา?
ใช่ไหมนะ?
หลังผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็เปิดปาก “ฉัน..” มือหมุนแก้วในมือไปมา “..นอนไม่ค่อยหลับ พักหลังๆ มานี้”
จริงๆ เรื่องนี้เธอควรเอาไปปรึกษากับอาริ, หรือดีกว่านั้น, กับไคสะ เอฟเวอลินไม่เคยและไม่น่ามีโอกาสไปอยู่ในลิสต์ ‘คนที่พึ่งพาและให้คำปรึกษาได้’ ของอาคาลิ สถานะของเรานั้นประหลาด เป็นเพื่อนร่วมวง, แต่ก็ไม่ได้สนิทกัน ไม่ได้รู้เรื่องของกันและกันขนาดนั้น ขณะที่เธอเจอหน้ากับเพื่อนร่วมวงทั้งสองอยู่ทุกวัน เอฟเวอลินจะโผล่มาให้เห็นแค่สองสามวันครั้ง, บางคราวก็หายไปทั้งอาทิตย์ การคุยส่วนใหญ่สั้นห้วนเเละเกี่ยวกับงาน ไม่ก็เป็นการเย้าแหย่ของเอฟเวอลิน โอกาสที่จะได้นั่งคุยกันแบบนี้? ไม่บ่อยนักหรอก
บางทีนั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่รั้งเธอไว้
“เครียดหรือเหนื่อย?”
“อาจจะเครียด มั้ง? ถ้าเหนื่อยฉันจะยิ่งหลับเร็ว”
“นอนผิดที่ด้วยหรือเปล่า?”
“ไม่ใช่หมาซักหน่อย” เธอพึมพัม
เอฟเวอลินหัวเราะในคอ “ก็เลยมาต้มนมกิน?”
“อืม..”
“...ตาปรือแล้ว”
อาคาลิตั้งใจจะเถียง แต่มันออกมาเป็นแค่เสียงอือในคอ เปลือกตาเธอหนักขึ้นโดยไม่รู้ตัว ไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าเอฟเวอลินเดินเข้ามาใกล้ตั้งแต่ตอนไหน มือเย็นๆ แนบกับข้างเเก้ม ไม่จาบจ้วงเอาแต่ใจอย่างที่เจอในเวลากลางวัน สบายจนเธอเอนหัวเข้าหาแทนที่จะขืนตัวหนีอย่างทุกที
ได้รับเสียงหัวเราะเบาๆ ตอบกลับมา ไม่คุ้นหู ไม่ได้มีจริตในน้ำเสียงแบบที่เธอมักได้ยิน, ทำให้บางอย่างในอกบีบ
“ยังกินนมไม่หมดเลย”
“เสียงคุณ..” อาคาลิโพล่งออกมา
มือนั้นชะงักไป “เสียงฉัน?”
“พูดอีกสิ” เธองึมงัมไม่ได้ศัพท์แล้ว ตาปรือจนแทบปิด ไอ้กลิ่นสบู่อ่อนๆ จากมือที่กุมหน้าอยู่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย อาคาลิเอาหัวไถมันไปมา เกือบจะใช้ต่างหมอน คำพูดเริ่มจะเหลวไหลขึ้นเรื่อยๆ “กล่อมฉันที”
เอฟเวอลินเงียบไปอึดใจ
ก่อนที่มืออีกข้างจะขยับตามมา สางเข้าไปในเส้นผมยุ่งๆ ทำเธอครางในคออย่างผ่อนคลาย เสียงหัวเราะแบบเดิมแว่วมาให้ได้ยินอีกครั้ง ใกล้กว่าเก่า อาคาลิหลุดยิ้มตาม ทีละน้อยและไม่รู้ตัว เธอเอนตัวลง
เธอจำได้แค่ว่ากำลังเริ่มได้ยินเสียงร้องเพลง
เสียงนุ่มลึกที่ทำหลายคนละลายมานักต่อนักนั่น, ก่อนจะผล็อยหลับไป นึกไม่ออกว่าเป็นเพลงอะไร ให้นึกแล้วก็เหมือนกับให้ทวนความฝัน
ไคสะปลุกเธอในตอนเช้า อาคาลิตื่นมาในสภาพฟุบหลับอยู่บนเคาน์เตอร์, ปวดหลัง, แต่สดชื่นกว่าที่ผ่านมา
เธอเกือบจะคิดว่าเธอแค่ฝันไปจริงๆ ความเหนื่อยล้าทำให้เห็นภาพหลอนเป็นตุเป็นตะ แฟนตาซีบางอย่างผสมกับการเดินละเมอ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายที่มาของเเก้วนมที่เหลือครึ่งแก้วกับรอยลิปสติกสีคุ้นตาที่ขอบว่าอย่างไรดี
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in