เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
อิฉัน ไดอารี่fainattasanan
The หน่อง
  • วันเสาร์ 

    " หนู เลื่อนเวลาได้ไหม " THE หน่อง Send
    " ค่ะ 11.30 นะ " Fai Natta Reply

    11.45 THE หน่องยังไม่มา
    12.25 THE หน่องก็ยังไม่โผล่
    12.45 THE หน่องขับมอไซต์ช๊อปเปอร์สีน้ำตาลสุดคลาสสิคของเขามารับฉันที่หน้าบัลโคนี่ สภาพของ THE หน่องคือ ตาแดง หัวเซอๆ หน้าโทรมเหมือนคนเพิ่งส่างเมา 

       เขาสวมเสื้อโค้ชยีนส์สีน้ำเงินแมทซ์กับกางเกงสีน้ำตาลผ้าชิโน่ขายาว และก็ไม่ลืมใส่รองเท้าคัชชูเก่าๆสีน้ำตาลคู่เดิม เจ้าหมอนี่มีเอกลักษณ์ในการแต่งตัวที่มองเห็นระยะไกล 500 เมตรก็รู้ว่าเป็น THE หน่อง
     
    เขาเหมือนคนนั่งเครื่อง Time Machine ของโดราเอมอนมาจากยุค 1990 มายังศตวรรษที่ 21 ยังไงอย่างงั้น เพราะ เขาสแกนโอนเงินใน App ธนาคารไม่เป็น กดบัตรหนังผิดเวลา และไม่รู้ทางไปสุนีย์ ซึ่งเป็นห้างเก่าแก่ของอุบลเลย เอาจริงๆเขาแทบไม่รู้ที่เที่ยวในเมืองเลยด้วยซ้ำ ฉันเลยกลายแผนที่อิเล็กทรอนิกส์ให้เขาโดยปริยาย

    ฉันชอบความเงอะๆงะๆของเขา เพราะว่ามันดูน่ารัก โดยเฉพาะเวลาที่เขาใส่แมสไม่เป็น ใส่แมสผิดด้าน ฉันก็ใส่ให้เขา เวลาที่เขาจอดรถทุกครั้ง เขาก็จะยื่นหน้ามาให้ฉันปลดล๊อคสายรัดคางหมวกกันน๊อคให้ตลอด

    การที่ THE หน่องพาฉันไปเลี้ยงข้าวก่อนดูหนัง ทำให้เราทั้งคู่ได้ใช้เวลา 20 นาทีในการสนทนาเหมือนคนเพิ่งรู้จักกัน  ฉันสัมผัสได้ว่า เขาเป็นคนใจดีมากๆ และก็ใจเย็นเหมือนกับพ่อของฉัน บรรยากาศในร้านต้นเทียน ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยร้านโปรดของฉันตั้งแต่อายุ 16 มันก็ยังคงเสียงดังเหมือนเดิม แต่พอมี THE หน่องนั่งอยู่ต่อหน้า มันกลับกลายเป็นว่า ฉันได้ยินแต่เสียงของเขาแค่คนเดียว

    พอหนังจะเริ่มฉายอีก 5 นาที ฉันตื่นเต้นมากขณะที่กำลังขึ้นบันไดจะเข้าโรงหนัง
    " ตื่นเต้นอะไรหึ " THE หน่องถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่นแล้วเดินตามหลังเหมือนพระธุดงค์ป่า
    " หนูจะได้ดูหนังแล้วๆ " หัวใจของฉันมันสั่นระริกระรี้ราวกับจะได้ขึ้นชิงช้าสวรรค์ ซึ่งตรงข้ามกับ THE หน่องโดยสิ้นเชิง เขาดูเฉยๆเหมือนพ่อพาลูกมาดูการ์ตูนดิสนีย์ที่ไม่ถูกจริตตัวเองสักเท่าไหร่ แต่ก็จะพยายามมาดูเป็นเพื่อน

    เมื่อถึงปากทางเข้าโรง จอขนาดยักษ์ที่ฉายโฆษณาส่องแสงวาบๆตั้งอยู่ด้านหน้าเก้าอี้กำมะหยี่สีแดงเป็นร้อยตัว ฉันผู้มองไม่เห็นในที่มืดเลยต้องใช้ตีนคลำพื้นประหนึ่งเป็นอีแก่ตาบอด แต่ที่เหี้ยกว่านั้นก็คือ THE หน่องก็มองไม่เห็นในที่มืดเหมือนกัน 

    ขณะที่กำลังใช้ตีนลูบพื้นกำมะหยี่อยู่นั้น มืออุ่นๆของ THE หน่องก็มาจับฝ่ามือของฉันเบาๆ ฉันสัมผัสได้ว่าเขากึ่งจับกึ่งปล่อย แต่ฉันก็ไม่ว่าอะไร เผื่อ THE หน่องเดินหน้าทิ่มบันไดขึ้นมา จะไม่มีคนขับรถพากลับมอ

    ตอนนั้นฉันรับบทเป็นไกด์หาเบาะหมายเลข K14 และ K15 ได้สำเร็จ เราทั้งคู่นั่งดูหนัง 2 ชั่วโมงและหันมามองหน้ากันทุกครั้งเวลาเจอตัวละครใหม่ๆที่น่าสนใจ 

    หลังจากดูหนังจบ เส้นประสาทในสมองส่วนหน้า หรือเรียกว่า "เซรีบลัม"ของฉัน ก็ทำการประมวลและจดจำทุกๆการแสดงออกทางสีหน้าและภาษากายของ THE หน่องทันที 

    ฉันสังเกตเห็นว่าเขาแอบมองฉันบ่อยๆเวลาฉันตั้งใจดูหนัง หรือแม้กระทั่งร้องไห้ตอนจบ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สันทัดอะไรกับดิสนีย์ แต่เขาก็นั่งอยู่ข้างๆฉันไม่หนีไปไหน และวิจารณ์หนังตอนออกจากโรง 

    ทุกๆนาทีที่ฉันอยู่ข้างๆเขา มันช่างแสนอบอุ่นราวกับเตาผิงขนมปังตอนเช้าตรู่ ทุกครั้งที่ฉันพูดคุยกับเขา ฉันสบายใจเหมือนนั่งดูดชาไทอยู่ร้านกาแฟรู้สึกดีตลอดเลย นั่นก็ทำให้ฉันไม่แปลกใจว่าทำไมฉันถึงยังชอบ THE หน่องอยู่ดี แม้เขาจะมาสายและทำฉันโกรธตั้งแต่แรก

    วันอาทิตย์
    วันนี้ฉันตั้งใจออกไปอ่านหนังสือภาษาจีนก่อนสอบ กับเหมยที่ร้าน THE COFF และสั่งโตเกียว 2 ชั่วโมงให้ THE หน่องโดยเฉพาะ เพราะฉันอยากให้เขาลองตำนานในอุบลดูบ้าง อีกอย่างก็ยังเป็นของโปรดของฉันอีกต่างหาก 

    " หนูสั่งโตเกียว 2 ชั่วโมงให้พี่หน่องแล้วนะ สั่งให้ทุกไส้เลย " ฉันส่งข้อความบอกเขา
    " ทำไมสั่งเยอะจังหนู " THE หน่อง ตอบกลับ
    " ก็ไม่รู้หนิว่าพี่ชอบอะไร " 
    " หนูซื้ออะไรให้พี่ พี่ก็ชอบหมดแหละ " 

    ตก 16.00 
    THE หน่องมาสายอีกเช่นเคย แถมห้อยลูกชิ้น 5 ไม้ในถุงก๊อบแก๊บที่แฮนด์มอไซตช๊อปเปอร์สุดคลาสสิคของเขาอีกต่างหาก 

    " โอ๊ะ พี่หน่องใส่เสื้อสีชมพูมาด้วย! " ฉันท้วงเขา เพราะมันช่างแปลกตามากจริงๆ วันนี้เขาต้องเมาออกซิเจนแหงๆ เห็นปกติใส่แต่เสื้อผ้าสีดำ

    " ช่าย...เป็นไง พี่น่ารักไหม? " THE หน่องถามด้วยสายตากรึ่มๆเหมือนคนส่างเมาอีกเช่นเคย
    " น่ารักสิ " ฉันตอบกลับ และสังเกตว่าเขาหมุนถุงโตเกียว 360 องศา
    " โอ๊ะ! มีโน้ตเขียนไว้ด้วย น่ารักจัง ให้เยอะขนาดนี้พี่จะกินหมดไหมเนี้ย "
    " หมดสิ กินให้หมดเลยนะ "
    " แล้วไม่กินด้วยกันล่ะ? "  
    " ไม่กินๆ หนูกินมาแล้ว " จากนั้น เขาก็บิดมอไซต์เหมือนเด็กแว้นซ์ออกไป ฉันดีใจมากที่วันนี้เขาดูไม่เมาแอ๋มากเท่าวันก่อน

    ผ่านไป 2-3 วันเขาบอกกับฉันว่า เขาจะไปเป็นไทกรุงเทพ เพื่อฝึกงานที่นั่น แต่ก็ยังกังวลว่าจะเจออุปสรรคต่างๆนานา ฉันเพียงส่งกำลังใจให้เขา และบอกเขาเป็นคนแรกเรื่อง อยากตัดผม 

    THE หน่องถามว่า อยากตัดทรงอะไร ฉันก็บอกว่า จะเอาทรงเดียวกันกับเขา 

    " (THE หน่อง ได้ส่งรูปภาพ) " แม่เจ้าโว้ย เขาเซลฟี่หน้าเมาๆของเขากับชูสองนิ้วปลวกเปียกมาให้ดู แล้วถามว่าจะเอาทรงนี้จริงๆหรอ ฉันเปิดดูรูปของเขาตอนเช้า นั่นก็ทำให้ฉันหัวเราะเสียงดังจนรูมเมทตื่น 

    แถมบางวันบอกว่า จะเลิกกินเบียร์กินเหล้า กลับใจเป็นคน Healthy  บุหรี่ก็จะไม่แตะ แถมมีการบอกว่า หลังฝึกงาน 3 เดือนจะไปสมัครฟิตเนตเป็นเรื่องเป็นราว 

    ผ่านไปแล้ว1สัปดาห์ THE หน่องลงรูปเบียร์บนสตอรี่ พร้อมอ้างว่าที่ฝึกงานพาดื่มสังสรรค์พอเป็นพิธี เห้อ THE หน่องก็คือ THE หน่อง จริงๆ 

    เพราะเขาเคยบอกกับฉันว่า ที่ีเลิกเบียร์ไม่ได้ เพราะ เบียร์ คือความรัก เออนะเจ้าหมอนี่จริงๆเลย

    มาถึงวันนี้แล้วที่ฉันเขียนวรรณกรรมถึงเขา เป็นเพราะเขาคือ หนึ่งในตัวละครที่ฉันชื่นชอบที่สุดไม่ต่างจาก "ซันเมย์" เพื่อนสนิทตอนมอปลาย ซันเมย์หายตัวไปหลังหลวมตัวเข้าคณะสถาปัตย์ มันมัวแต่ตัดโมเดลจนไม่ติดต่อหาฉันอีกเลย จนฉันไม่เคยคิดเลยว่าชาตินี้จะมีคนคล้ายๆกับซันเมย์ได้อีก จนกระทั่งได้เจอ "THE หน่อง"  เขาเป็นเหมือนหนังสือที่ฉันอยากจะอ่านไม่รู้จบ บางทีเขาก็เป็นเหมือนสายรุ้ง ถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากจะเห็นสายรุ้งแห่งรอยยิ้มแบบเขาอีกครั้งนะ 


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in