นอกจากไม่สามารถช่วยเจ้าหนูทาสได้แล้ว เขายังต้องแกล้งทำไปจนกว่างานจะเสร็จแค่คิดก็รู้สึกผิดแล้ว
“แล้วจะให้ข้าช่วยยกไปตรงไหนบ้างไรเดอร์”
ร่างเล็กถามถึงหน้าที่ที่เธอต้องทำ ชายหนุ่มถึงกับปวดหัวกุมขมับเลยทีเดียวเพราะปกติไม่ต้องมายกจัดเรียงพวกนี้ ไรเดอร์กวาดสายตามองไปรอบ ๆ เพื่อพิจารณาว่าจะให้จัดส่วนใดก่อนเป็นอันดับแรกเพราะในขณะนี้ทุกพื้นที่ต่างรกไปด้วยกรงที่ถูกวางอย่างลวก ๆ เอียงทับกันไปมา
ส่วนมากพวกเขาจะใช้การโยนข้าวของสุมกันเพื่อความรวดเร็ว มันเลยทำให้ตอนนี้นอกจากต้องยกเรียงลำดับให้เป็นระเบียบใหม่ทั้งหมด เขาก็ต้องมายกส่วนที่กระเด็นกระจายตามพื้นขึ้นมาวางซ้อนกันดี ๆ อีก
นี่สินะที่เขาเรียกว่า ‘อย่าจับแพะชนแกะ’ หลังจากนี้พวกเขาทั้งหมดจะไม่มักง่ายอีกแล้ว เหมือนโดนกรรมตามสนองอย่างไรก็ไม่รู้
ชายหนุ่มเลื่อนสายตาไปสะดุดตรงพื้นที่วางเล็ก ๆ ตรงมุมรั้วทางฝั่งซ้ายมือไม่ไกลจากจุดที่ยืน เขาจึงยกมือชี้นิ้วไปทางนั้นแล้วบอกกับเกรเทลว่าให้เริ่มยกไปวางตรงนู้นก่อน
จังหวะที่เขากำลังเอื้อมมือเพื่อช่วยจับกรงเหล็ก เสียงตะโกนดังลั่นก็ลอยมาแต่ไกลจนคนทั่วทั้งบริเวณหุบมือกันแทบไม่ทัน
“พวกเจ้าห้ามช่วยมัน! ปล่อยให้มันยกเอง!”
สายตาหกคู่หันไปมองเจ้านายสลับกับเด็กใหม่กันไปมา มิติเอกฉันท์ทุกคนรู้สึกได้เลยว่างานนี้มีหนาว
ร่างเล็กหน้าเหวอไม่คิดว่าเขาจะเอาจริงตามที่พูดเมื่อคืน เกรเทลหายใจฟึดฟัดหงุดหงิดที่คนเขาใช้เธอยกของแค่คนเดียว ได้! ถ้าอยากให้เธอยกของคนเดียวเธอก็จะยกมันด้วยตนเองไม่ช่วยก็ไม่ต้องช่วย
…ฝากไว้ก่อนนายหัวผัก…
เมื่อเป็นแบบนี้เธอต้องวางแผนการทำงานให้ดีจะได้ไม่เสียแรงฟรี ในหัวสมองคิดไว้ว่าอันดับแรกจะจัดเอากรงที่มีขนาดเท่า ๆ กันมารวมไว้ด้วยกัน ใหญ่กับใหญ่ กลางกับกลาง เล็กกับเล็ก แล้วเว้นช่องว่างตรงทางเดินให้กว้างพอที่เวลาเคลื่อนย้ายออกไปจะได้ใ้ช้งานอย่างสะดวก
เท้าเล็กเดินก้าวเข้าไปกรงขนาดใหญ่ก่อน ประเมินด้วยสายตามือก็จับความหนาของเส้นเหล็กไปด้วย มันน่าจะหนักสัก 100 กิโลกรัม ส่วนกรงกลาง 60 ไม่ก็หนักประมาณ 40 กิโลกรัม ต่อด้วยขนาดเล็กสุดไม่เกิน 20 กิโลกรัม ถ้าให้เธอลากแค่ไม่กี่กรงคงพอไหวแต่ดันมีเป็นสิบเป็นร้อย เธอได้แขนหลุดก่อนพอดี
“ไรเดอร์แถวนี้มีท่อนไม้กับเชือกบ้างไหม?”
เกรเทลหันไปถามคนในพื้นที่อย่างไรเดอร์
” หื้ม มีสิเจ้าเดินไปทางโกดังตรงนู้นได้เลย หลังคาสีเลือดหมูมันเอาไว้เก็บพวกอุปกรณ์ช่าง เจ้าสามารถหยิบมันออกมาใช้ได้เลยแต่อย่าลืมเอาไปเก็บที่เดิมด้วยนะ “
แม้ว่าเขาจะสงสัยว่าอีกฝ่ายถามไปทำไมแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป ใจเขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าเจ้าหนูนี่จะทำยังไงเพราะในเมื่อสภาพตัวมันผอมแห้งแรงน้อยขนาดนี้ไม่มีทางยกกรงเหล็กทั้งหมดได้ด้วยคนเดียวแน่นอน ขนาดพวกเขาที่แข็งแรงทำงานยกของหนักทุกวันยังหืดขึ้นคอจนต้องเรียกคนนู้นคนนี้มาช่วย ๆ กันเลย นับประสาอะไรกับเด็กใหม่อย่างเจ้าเกรเทล
ร่างบางเดินหายไปในโกดังเก็บของ บรรยากาศภายในมองไปมองมาก็คล้าย ๆ ยุ้งฉางหรือโรงนาสไตล์ตะวันตกเพียงแค่ไม่มีวัวหรือม้าอาศัยอยู่ เธอเห็นไม้วางอยู่ด้านในสุดมันถูกขัดทำสะอาดเรียบร้อยคาดว่าคงเตรียมเอาไปเพื่อสร้างเป็นบ้านหรือไม่ก็อาคารสักหลัง เธอเลือกหยิบท่อนไม้ออกมาประมาณ 5-10 ท่อนจนเต็มอก ข้าง ๆ กันมีเชือกตกอยู่เธอจึงใช้เท้าเขี่ย ๆ เกี่ยวมันขึ้นมาคล้องไว้ตามง่ามนิ้วมือ
พวกเขาทั้งหมดรวมไปถึงวอลล็อคที่ยังนั่งจิมกาแฟแทบหลุดขำ ภาพที่เขาเห็นคือเจ้าทาสตัวน้อยกำลังเดินเซไปมาเหมือนปูขาเกไม่มีผิด ไรเดอร์ส่ายหน้าอนาถใจไม่ไหวจนต้องพุ่งตัวเดินเข้าไปช่วยแบ่งท่อนไม้มาถือไว้เองบ้าง
“แทนที่เจ้าจะทยอยหยิบออกมาเกรเทลเดี๋ยวพอล้มขึ้นมาก็มีแผลอีก แค่ของเดิมบนตัวเจ้ายังไม่หายดีเลย เฮ้อ”
“ขอบคุณท่านมากไรเดอร์ ข้าแค่ขี้เกียจเดินไปเดินมาหลายรอบ”
เพราะเป็นคนที่ไม่ชอบทำอะไรชักช้าบวกกับรีบทำแค่รอบเดียวให้เสร็จจึงเป็นสาเหตุให้เธอมักโดนพี่ฮันเซลดุบ่อย ๆ เพราะบางทีมันขาดความรอบคอบได้เช่นกัน
จำได้ว่าล่าสุดที่โดนพี่ดุเรื่องความสะเพร่าเป็นตอนที่หั่นผักในครัว ด้วยความรีบกลัวซุปที่เคี่ยวไว้จะไหม้เธอเลยหันไปมองหม้อแต่มือยังขยับหั่นผักไปเรื่อย ๆ เธอคิดว่าก็แค่หันไปมองซุปคงไม่เป็นไรหรอก แต่ในจังหวะเพียงเสี้ยววินั้นปลายคมมีดพลาดไปโดนนิ้วชี้อย่างจัง เลือดอาบเต็มโต๊ะวุ่นวายไปทั้งบ้าน
จากนั้นมาพี่ก็คอยเน้นย้ำเธอเสมอว่าให้ทำทีละอย่างไม่ต้องรีบร้อนค่อยเป็นค่อยไปก็พอ ไม่ใช่ว่าเธอไม่จดไม่จำคำพี่สอนหรอกนะแต่ในกรณีวันนี้เธอขอยกเว้นเถอะ สภาพนี้ให้เดินไปเดินมาหลายรอบเธอจะเป็นลมก่อนงานจะเริ่มด้วยซ้ำ ร่างกายยังไม่ฟื้นฟูเต็มที่นักอะไรลดเวลาการทำงานได้เธอยินดีทำทั้งนั้นแหละ
เมื่อได้ของที่ต้องการครบเธอก็เดินลากท่อนไม้ไปวางเรียงบนพื้นดินเป็นระเบียบชิด ๆ กันเป็นทางยาว การกระทำของเธอตกอยู่ในสายตาวอลล็อคและกลุ่มเพื่อนคนงาน
“นั้นมันกำลังจะทำอะไรวะไรเดอร์?” เพื่อนในกลุ่มถามเสียงเบา
“ข้าก็ยังไม่รู้รอดูไปก่อนเพราะนายสั่งไม่ให้เราเข้าไปช่วย ข้าว่ามันต้องทำอะไรแน่ ๆ ถึงเอาท่อนไม้มาวางไว้”
ทุกคนต่างลุ้นว่าเด็กใหม่จะยกของหนักได้อย่างไรโดยไม่มีคนช่วยพยุงสักคน ทางด้านเกรเทลเขยิบท่อนไม้ไปใกล้ ๆ ฐานกรงที่ใกล้ตัวสุดก่อนต่อด้วยวางแผ่นไม้แบบบางไว้บนสุด แล้วทำการยกดันให้ฐานกรงเลยท่อนไม้เล็กน้อยแล้วปล่อยให้เกยอยู่บนนั้น เธอเดินอ้อมไปหลังกรงแล้วออกแรงผลักไปข้างหน้า จนกระทั่งกรงทั้งหมดขึ้นมาอยู่บนท่อนไม้เรียบร้อยเธอจึงชะโงกหน้าขึ้นไป เมื่อมองว่าระยะโอเคก็ออกแรงขยับไหลให้กรงไปตามแรงดันอีกรอบ
“โอ้ว! มันขยับแล้ว”
ทุกคนตกตะลึงความฉลาดของเด็กหนุ่มทาสต่างเสียงดัง ชื่นชมในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดี ไม่ใช่ว่าจะไม่มีวิธีนี้มาก่อนแต่ส่วนใหญ่คนที่นี่เขาจะใช้ตอนก่อสร้างในเครืองานก่อสร้างเท่านั้น ไม่ค่อยเห็นคนภายนอกใช้วิธีการเหล่านี้อย่างแผร่หลายหรือไอ้เด็กนี้จะเคยอยู่เขตก่อสร้างเมืองมิน่ามันถึงทำเป็น
ถ้าเกรเทลได้ยินสิ่งที่พวกเขาคิดได้ล่ะก็ เธอคงจะบอกว่าการเรียนรู้ประวัติศาสตร์บนโลกเธอนั้นเป็นสิ่งจำเป็นยามคับขัน ในเมื่อที่นี่ไม่มีแม่แรงก็ยินดีต้อนรับสู่ยุคหินโบราณค่ะ
เด็กสาวค่อย ๆ ขยับพอถึงสุดท่อนใบท่อนแรกเธอก็หยุดพักแล้วเดินกลับไปเอาท่อนไม้ที่เหลือมาต่อเป็นทางไปเรื่อย ๆ ในที่สุดก็มาถึงจดที่ไรเดอร์บอก เกรเทลเอาเชือกมาผูกไว้กับกรงทว่าก่อนที่จะดึงกรงลงมาจากท่อนไม้ เธอสังเกตเห็นพื้นตรงนี้นั้นมันมีความเป็นทราย ๆ มากกว่าดินแข็งปกติ
แบบนี้ไม่ดีแน่ ๆ เพราะต่อให้เธอลากให้ตายยังไงทรายมันก็จะมากองกันตรงแถวหน้าจนเคลื่อนย้ายลำบาก
------
กดหัวใจ ❤️ หรือคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้ไรท์ได้นะคะ
หากพบคำผิด แปลพลาด แก้ไขหรือติชม โปรดคอมเมนต์อย่างสุภาพไรท์ยินดีปรับปรุงแก้ไขค่ะ
𝑻𝒂𝒍𝒌 𝒘𝒊𝒕𝒉 𝒘𝒓𝒊𝒕𝒆𝒓
หน๊อย! กล้าใช้ให้น้องยกของคนเดียวช่างกล้า เดี๋ยวฉันจะตีแกนังวอลดี้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in