เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First StoryFayathi Sorap
วิพากษ์ Shopee (updated)
  •      วันนี้เราจะมาพูดถึงเจ้ากวางน้อยผู้มีความสามารถในการรักษาในเรื่องวันพีช

         ไม่ใช่ !! นั่นชอปเปอร์!!!



         จริงจังละ

         เนื่องจากว่าได้กระทำการตัดญาติขาดมิตรกับ lazada ไปเมื่อไม่นานมานี้ ดังนั้น แอพฯช้อปปิ้งที่เหลืออยู่แอพฯเดียวในตอนนี้ จึงเป็น shopee 

         หลังจากใช้มา...สองสามปี วันนี้เลยจะมาแสดงความเห็นในฐานะลูกค้าคนหนึ่งของแอพฯนี้ ว่าจากการใช้งานที่ผ่านๆมา มีอะไรที่ชอบและไม่ชอบบ้างใน shopee 



         มาเริ่มจากจุดที่ชอบกันก่อน เราว่าสิ่งดีดีที่ shopee มี แต่ lazada (จากตอนที่ได้ใช้งานมาจนถึงก่อนลบไป) อาจจะด้อยกว่านิดหนึ่ง มีดังนี้ 

         1. สามารถติดต่อกับผู้ขายได้ง่าย : เทียบกับ lasada เราว่าในหลายๆครั้งที่เราซื้อของจาก shopee เราสามารถทักไปคุยกับคนขายได้ และคนขายก็ตอบกลับมาด้วยอัธยาศัยไมตรีที่...ค่อนข้างจะมีเยื่อใย ในขณะที่ตอนใช้ lasada เราแทบ ไม่สิ ต้องใช้คำว่า ไม่เคยทักไปคุยกะคนขายเลยสักครั้งเดียว เราว่าในเรื่องการเข้าถึงกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย shopee ทำได้ดีกว่า 


         2. ระบบกันเงินไว้ก่อน : ใน shopee หลังจากที่คุณสั่งซื้ออะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะเก็บเงินปลายทางหรือไม่ (ส่วนใหญ่ก็ซื้อแบบเก็บเงินปลายทาง) เมื่อคุณจ่ายเงินไปแล้ว เงินจะยังไม่ไปถึงมือผู้ขายทันที แต่คุณจะต้องเข้าไปคลิกปุ่ม "ยอมรับสินค้า" ก่อน เงินที่จ่ายไปจึงจะถูกโอนแก่ผู้ขาย
         ซึ่งเราว่ามันเป็นระบบที่เข้าท่า ฝั่งหนึ่งมันทำให้คนซื้อต้องตื่นตัวว่า เออ เราต้องทำการประเมินของก่อนนะว่า เราโอเคกับมันไหม ถ้าไม่โอเคเราก็จะไม่ซื้อ อะไรแบบนี้ ฝั่งคนขายก็จะต้องระวังว่า เฮ่ย ไม่ใช่ส่งของไปแล้วไปลับ จับเงินแล้วกลับบ้าน ถ้าเอ็งเอาของไม่โอเคให้เขา ของเอ็งมีสิทธิถูกตีกลับได้ตลอดเวลานะเว่ย 

         ส่วน lazada ไม่มีระบบนี้ จ่ายเงินแล้ว ทั้งคนส่งของและคนขายก็ gone with the wind ไปเลยสิจ๊ะ แต่ข้อดีตรงนี้คือทำให้ใช้ง่าย ไม่ซับซ้อน ไม่ต้องมาเช็คในระบบสองสามรอบแบบ shopee 

         จะว่าไป ถ้าส่งของกลับนี่มันก็ยุ่งยากเหมือนกันนะ แต่เหมือนระบบนี้มันเพิ่มความรับผิดชอบให้ผู้ขายมากขึ้น อย่างน้อยก็ในความรู้สึกเรา 
         แต่ขอบ่นแทนแม่หน่อยเถอะ ซื้อของจากร้านนึงมา ผู้ขายบอกให้กดรับไปก่อน แล้วถ่ายรูปใบเสร็จมา จะส่งใบรับประกันไปให้ หนอย จนป่านนี้ใบรับประกันยังไม่มาเลย เผลอๆของจะพังก่อนใบรับประกันออกซะล่ะมั้ง นี่ถ้าเป็นบัญชีตรูจะเข้าไปประเมินให้แค่ดาวเดียวเลยคอยดู (แล้วมีการมาบอกว่า ให้ห้าดาวก่อนจะส่งให้ ฝันไปเถอะ!)


         3. การเก็บเหรียญที่เอาไปใช้ได้จริงๆ : shopee จะมีระบบสะสมแต้มที่เรียกว่า สะสมเหรียญ และในการซื้อของนั้นเราสามารถนำเหรียญไปหักเป็นส่วนลดได้โดยที่ 1 เหรียญ = 1 บาท ซึ่งเอาไปลดได้จริง และบางครั้งถ้าใช้คูปอง หลังจากใช้เหรียญไปแล้วก็จะได้เหรียญคืนมาส่วนหนึ่งด้วย
         กระนั้น อย่าเพิ่งฝันหวานว่าจะเก็บเป็นพันๆเหรียญแล้วเอาไปลดแบบไม่ต้องจ่ายเงินเลย เขามีกำหนดค่ะว่าห้ามใช้เงินเท่านั้นเท่านี้เหรียญ อย่างไรก็ต้องเสียเงินจริงบ้างไม่มากก็น้อย แล้วก็ เหรียญที่ได้ก็มีวันหมดอายุด้วยนะ รู้สึกจะประมาณสามเดือน ดองไว้เป็นปีพอจะใช้จริงก็จะเหลือแค่ของสามเดือนสุดท้ายเท่านั้นล่ะค่ะ
         แต่ถ้าหาเหรียญเก่ง เก็บเหรียญเก่ง ก็มีเหรียญให้ใช้ลดราคาได้เป็นสิบเป็นร้อยเหมือนกันนา นี่ก็เคยใช้มาแล้ว 555 

         ส่วน lazada ก็มีเหรียญ แต่ต้องเอาเหรียญไปแลกคูปองอีกที ใช้ลดทันทีไม่ได้ (อย่างน้อยก็ก่อนที่จะลบแอพฯ เชื่อว่ากฎยังไม่เปลี่ยน) อืม ยุ่งยาก 


         4. แหล่งล่าของถูก : เนื่องจากว่าของที่ขายใน shopee มีทั้งของมือ 1 และของมือ 2 มันจึงเป็นที่ๆคุณสามารถพิมพ์สิ่งที่อยากได้ ดูว่ามีใครนำสิ่งนั้นมาขายบ้าง มือหนึ่งหรือมือสอง และราคาเท่าไหร่ ได้สนุกสนานมาก
         มีหนังสือหลายเล่มมากๆที่เราซื้อมาจาก shopee ด้วยราคาต่ำกว่าราคาปกครึ่งหนึ่งหรือกว่านั้น เช่น เราเคยซื้อหนังสือ "ทำไมบ้านทำร้ายเรา" ด้วยราคาครึ่งหนึ่งของราคาเต็ม หรือแม้แต่หนังสือกฎหมายคู่หนึ่งที่ราคาหน้าปกเล่มละสี่ร้อยกว่า แต่เราได้ทั้งสองเล่มมาด้วยราคา...สองร้อยกว่าบาท เลิศมั้ยล่า 
         ล่าสุด กำลังตามใจไฟโอตาคุของตัวเอง เพิ่งซื้อตุ๊กตาโปเกมอนด้วยสนนราคาตกแล้วตัวละ 40 บาท ส่วนราคาเต็มน่ะเหรอ ตัวหนึ่งน่าจะเกินสามร้อยนะ

         มันเหมาะกะนักล่าของถูกอย่างเรามากๆเลยล่ะ 555


         5. window shopping spree platform : ช่วง ภาษาอังกฤษวันละสี่คำ อ่ะ ไม่ช่าย เดี๋ยวอธิบายให้ 
         คิด phrase นี้ขึ้นมาจากการผสมคำสี่คำ (ถูกไวยากรณ์มั้ยเป็นอีกเรื่องหนึ่ง) คำแรกคือ window shopping ที่แปลว่า การเดินดูของโน่นนี่ตามร้านค้า คือดูจากกระจกร้านค้าหรือช้อปปิ้งผ่านการดูสินค้าจากกระจกร้านค้านั่นเอง ซึ่งบางทีการ window shopping เนี่ยนะ เราแค่ไปเดินดูเฉยๆ ไม่ได้ซื้อจริง ซึ่งก็สนุกไปอีกแบบ
         ส่วน spree แปลว่า ความสุข หรือ ความสนุกสนาน ค่ะ รวมกันก็คือความสนุกสนานจากการดูสินค้าโน่นนี่ไปเรื่อย
         และ platform ก็คือ เอ่อ (คำบางคำก็อธิบายเป็นภาษาไทยยาก) ที่รวม สถานี ชานชาลา อะไรเงี้ย
         เมื่อนำมารวมกันก็คือ เป็นสถานที่ๆสามารถ window shopping ได้อย่างสนุกสนาน อะไรประมาณนี้แหละ

         ก็อย่างที่ขึ้นหัวข้อ เราว่า shopee มันมีของเยอะมากพอให้เราไถแอพฯไปเรื่อยๆเพื่อดูสิ่งโน้นสิ่งนี้ โดยไม่ต้องซื้อหามาจริงๆ บางทีแค่ดูไปเรื่อยๆก็มีความสุขแล้ว 



         มาถึงจุดที่ไม่ชอบใน shopee กันบ้าง 

         1. ค่าส่ง : จุดหนึ่งที่เราชอบ lazada ก็คือว่า สินค้าแต่ละชิ้นนางจะบอกเลยว่า ส่งฟรี หรือไม่ และถ้าขึ้นว่า ส่งฟรี เมื่อเราซื้อของตามที่กำหนด นางก็ส่งให้ฟรีจริงๆ เออ ดี แฟร์ 

         ตัดภาพมาที่ shopee คำว่า ส่งฟรี ที่ีขึ้นใน shopee นั้นแปลว่า ต้องใช้คูปองจึงจะส่งฟรี และความน่าโมโหก็คือ ต่อให้ขึ้นว่า ส่งฟรี ก็ไม่ใช่ว่าจะใช้คูปองได้ทุกร้านจ้ะ โดนกฎยิบย่อยโน่นนี่นั่นแล้วก็แบมือว่า ถ้าอยากได้ของชิ้นนี้ เมิงเอาค่าส่งมาซะดีดี (ฮ่วย)
         และต้นเหตุของการเขียนบทความนี้ ก็คือเรื่องนี้แหละ คือเมื่อวานมันวันที่ 6 เดือน 6 นางก็จัดกิจกรรมโน่นนี่ มีโค้ดส่งฟรีให้เก็บ ปรากฏว่า โค้ดส่งฟรีที่เก็บมานี่ ใช้ไม่ได้สักร้านจ้า 
         อ้าว เมิงหลอกกรูนี่หว่า 

         แล้วค่าส่งทั่วไปไม่ได้ถูกนะ 45 บาท เงี้ย เมื่อเช้าแม่เล่าว่าสั่งมะม่วงกวน 1 กิโล จากเฟสบุ๊ค เสียค่าส่ง 30 บาท นี่ก็โวย อ้าว ที shopee สั่งตุ๊กตา 3 ตัว ค่าส่ง 45 บาท
         ...ตุ๊กตาหนักกว่ามะม่วงเหรอวะ??? 
         ที่บอกไปข้างต้นว่าตุ๊กตาตัวละ 40 อ่ะค่ะ จริงๆราคาขาย 25 นะ แต่มันกลายเป็น 40 เพราะบวกค่าส่งไปด้วย 
         โหดไหมล่ะพี่น้อง 

         ยิ่งช่วงหลังที่ shopee ปรับการดำเนินการส่งของใหม่ ยิ่งรู้สึกว่าค่าส่งแพงขึ้นและใช้โค้ดส่งฟรีได้ลดลง ทำไมไม่ทำให้ของบางอย่างส่งฟรีได้โดยไม่ใช้คูปองบ้างนะ

         ไม่รู้ว่าจะอดทนกับค่าส่งของ shopee ไปได้กี่มากน้อย 

         อ่อ ล่าสุด ขอตำหนิการที่กำหนดค่าส่งสองราคา คือ 24 และ 45 แต่ เจือก เซตค่าส่งพื้นฐานไว้ที่ 45 บาท ใครรู้ไม่ทันก็ไม่ได้กดเลือกราคา 24 บาท 
         ...หลอกลูกค้าให้เสียรู้ได้กี่รายแล้วล่ะ
         ...ไม่โกรธคนขายนะ คนขายไม่ผิด และคิดเสียว่า เสียค่าโง่เป็นการทำบุญ บางทีอาจเป็นการสะเดาะเคราะห์ที่อาจเคยทำให้ใครเสียเงินโดยใช่เหตุไว้ก่อน
         เวรกรรมมันมีจริงนะ ใครคิดระบบนี้ระวังเวรกรรมตามทันจนมีเหตุให้เงินรั่วไหลก็แล้วกัน

         2. ไม่สามารถกดซ่อนหรือปัดภาพสินค้าทิ้งได้ : คือด้วยความที่เป็น platform น่ะ นางก็จะโฆษณาสินค้านั้นสินค้านี้ไปเรื่อย ละบางทีก็นำสินค้าที่เราไม่ต้องการเข้ามาให้เราชมด้วย บางสินค้าก็มีภาพที่ไม่เหมาะสมเอาเสียเลย เราไม่ชอบ ที่แย่คือ แม้จะไม่ชอบก็ไม่สามารถปัดทิ้งหรือกดว่า เราไม่สนใจสินค้าตัวนี้ ไม่ต้องเอาขึ้นมาให้เราดู ได้ 
         ถ้าทางแอพฯเพิ่มฟังก์ชั่นที่สามารถเลือกได้ว่าอยากชมหรือไม่อยากชมอะไรก็คงดี


         3. ประเด็นอื่นๆเล็กน้อย 
         - สินค้าบางอย่างไม่ควรให้ขาย เช่น หนังสือที่มีความกันอยู่ว่า เอาความไม่จริงมาเขียน หรือพวกสินค้าที่ดูแล้วเหมือนเป็นปฏิปักษ์ต่อความสงบสุขของชาติ(ไปดูเอาเอง มี แต่ทางที่ดี อย่าให้ค่าจะดีกว่า)
         - การขนส่ง บางทีก็ล่าช้า บ้างก็แบบไม่ส่งให้ละมุนละม่อม เช่น โยนของ ไรงี้ 
         - สินค้าประเภทอาหาร ถ้ากำหนดให้ระบุวันหมดอายุในหน้าคุณสมบัติสินค้า จะดีมาก เพราะอยากซื้อหลายอย่าง เห็นคอมเม้นท์บางคนแล้วแบบ ไอ้หยา ได้ของใกล้หมดอายุ เลยไม่กล้าซื้อ 

         โดยคร่าวๆ ก็ ประมาณนี้


         จริงๆเราชอบเข้าไปส่องช้อปปี้นะ (ขี้เกียจเปลี่ยนภาษาละ..เพิ่งขี้เกียจ) แต่เหตุที่ซื้อน้อยกว่าส่อง นอกจากความงกส่วนตัวแล้ว ก็เพราะค่าส่งที่ไม่ค่อยจะสมเหตุสมผลนี่ล่ะ ต้องขอบคุณช้อปปี้แหละที่ทำให้เงินในกระเป๋าเรายังอยู่อย่างปกติสุขเพราะความจุกจิกตุกติกในการคิดค่าส่งนี่เอง
         แต่ระวังนะ หากวันหนึ่งวันใด มีคนคิดแบบเราเพิ่มขึ้น วันใดที่การวางขายมีมากมายกว่าการเลือกซื้อ วันนั้นแพลตฟอร์มคุณจะยิ้มไม่ออก 
         แล้วก็..ถ้าวันใดวันหนึ่งเลือกทางผิด ก้าวพลาดแบบลาซาด้าขึ้นมา วันนั้นขอเสียเรื่องค่าส่ง โดนลากมายำกลางสี่แยกแน่นอน 


         ถึงอย่างไรก็ต้องขอบคุณ shopee ที่คิดค้นแพลตฟอร์มนี้ขึ้นมา ทำให้เราได้มีช่องทางการละลายทรัพย์ เอ๊ย เลือกซื้อหาสินค้าที่พึงใจ ได้มากขึ้น เป็นความบันเทิงอย่างหนึ่งในชีวิตประจำวัน 

         และ หากยังคงรักษาข้อดีของตนได้เสมอต้นเสมอปลาย แอพฯคุณคงจะยังอยู่ในเครื่องเราไปเรื่อยๆแน่นอน แลหากปรับปรุงข้อเสียด้วย ก็อาจจะได้เงินจากเราเพิ่มขึ้น ก็เป็นได้


         สวัสดี 


         ก่อนจบ ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ เนื่องจากตั้งแต่ประมาณ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นมา ทาง minimore เปลี่ยนรูปแบบเว็บใหม่ ผลที่เกิดขึ้นคือ งานเขียนเรา...ไม่มีคนอ่านเลย (คาดว่าหาเจอยาก)ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป เราจึงตัดสินใจกลับไปเขียนเรื่องราวในบล็อกเดิมของเราแทน คุณผู้อ่านที่ถูกจริตในงานเขียนของเรา สามารถติดตามไปอ่านได้ที่   
         ขอบพระคุณสำหรับการติดตาม และขอบคุณทาง minimore ที่ให้พื้นที่เราได้ขีดๆเขียนๆเรื่องราวตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
         จนกว่าจะพบกันใหม่
         สวัสดีค่ะ
         
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in