เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First StoryFayathi Sorap
ความตาย...
  •      แรงบันดาลใจเริ่มแรกของบทความนี้ เริ่มขึ้นราวๆสองสัปดาห์ก่อน ตอนนั้นผู้ประกาศข่าวช่องที่ดูประจำ จู่ๆก็พูดขึ้นว่า..

         "อีกยี่สิบปีผมก็ตายแล้ว..."

         ในขณะที่แม่เราส่งเสียงโวยวายตอบ(ซึ่งแกคงไม่ได้ยิน)ไปว่า "อาจารย์จะอยู่ไปถึงแปดสิบปีเลย เหรอ?" 
         
         จู่ๆความคิดหนึ่งก็แวบขึ้นมาในหัวเรา

         ...นั่นสินะ ทุกคนต่างต้องตายกันทั้งนั้น...



         ได้รับผลกระทบจากความตายครั้งแรกตอนอายุสิบสาม 

         วันหนึ่ง ลุกมาพบความจริงที่ว่า ยายหลับโดยไม่ตื่นอีกแล้ว ไม่ลุกขึ้นมาทำกับข้าว ไม่ลุกขึ้นมาพูดคุยกับลูกหลานแล้ว อีกต่อไป

         ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร

         มองย้อนกลับไปก็รู้สึกเสียดายที่มีโอกาสใช้เวลากับยายน้อยเกินไป และเสียดาย ที่ตอนนั้นยังแต่งกลอนไม่เก่ง
         ไม่อย่างนั้นคงบรรจงร้อยเรียงสัมผัสเป็นบทกวีให้อ่านส่งยายขึ้นฟ้าวันเผาศพ

         คิดถึงยายจัง


         แล้ววันเวลาก็ผ่านไป ญาติผู้ใหญ่ทยอยจากไปทีละคน ทีละคน
         ร้องไห้น้อยลงทุกครั้งที่มีใครตายจากไป

         บางทีหัวใจอาจเริ่มชาชินกับการสูญเสีย



         มาเจ็บหนักอีกครั้งเมื่อปี 2559 ปีที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จสวรรคต 

         ครานี้ ร้องไห้หนักหนากว่าทุกครั้ง ร้องไห้ง่าย ถี่ และบ่อย ยิ่งกว่าตอนยายตายเสียอีก
     
         เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของชีวิต



         วันเวลาทำหน้าที่ของมันไปตามปกติ และมัจจุราชก็พรากคนที่เรารักและรักเราไปทีละคน 

         พอมาถึงจุดหนึ่งก็เริ่มคิดว่า ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ คงจะได้ทราบข่าวการจากไปของคนดังอีกหลายคนเป็นแน่

         และจากวันที่คิดจะเขียนเรื่องนี้จนถึงวันนี้ ก็มีคนดังจากไปแล้วหลายคน ตั้งแต่คุณบุญเกื้อ ปุสสเทโว คุณเศรษฐา สิระฉายา คุณแตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ และล่าสุดก็คือ คุณพิชัย รัตตกุล
      

         คนอื่นๆไม่ใคร่มีปัญหาอะไร แต่เรื่องของคุณแตงโมนี่ ท่าทางยังไม่สงบ เพราะมีหลายคนตั้งข้อสังเกตว่า มีคนจงใจทำให้คุณแตงโมตายรืเปล่า...?
         ไม่ทราบเหมือนกัน เป็นเรื่องที่คนรอบตัวคุณแตงโมและนักสืบโซเชี่ยลต้องติดตามกันต่อไป ความจริงเป็นอย่างไร คนที่เกี่ยวข้องรู้อยู่แก่ใจ ใครทำอะไรก็ต้องได้อย่างนั้น ไม่ว่ากฎหมายจะเอื้อมถึงหรือไม่ แต่กฎแห่งกรรมตามเจอแน่นอน



         พอเขียนมาถึงตรงนี้เริ่มรู้สึกว่า ชีวิตช่างเป็นสิ่งที่เปราะบางเหลือเกิน ไม่ต่างอะไรกับเส้นด้าย ที่อาจขาด ณ วันใดวันหนึ่งได้ทุกเมื่อ...


         และจะเป็นเพราะเริ่มคุ้นเคยกับความตายรึเปล่าก็ไม่ทราบได้ จึงเป็นคนไม่กลัวผี ไม่กลัวในที่นี้นั้นคือ ในขณะที่หลายๆคนอธิษฐานสั่งญาติที่ตายไปแล้วว่า "ตายแล้วไม่ต้องมาหานะ กลัว" 
         เราบอกผู้จากไปของเราทุกคนว่า "ถ้าคิดถึงหรือมีเรื่องอะไร มาหาได้ทุกเมื่อ" 

         แค่รู้สึกว่า ตราบใดที่ดวงจิตเขายังเป็นคนเดิม แสดงว่า เขายังรักเราเหมือนเดิม และหากเขายังรักเราเหมือนเดิม เขาย่อมไม่ทำร้ายเรา
         ...จึงไม่มีเหตุผลให้ต้องกลัว...
         เขาแค่เปลี่ยนสถานะ แต่ความรักมอบแก่กันนั้นไม่เคยหายไป 

         ข้อแม้ประการเดียวก็คงเป็นไปตามที่เราบอกเพื่อนรุ่นน้องผู้วายชนม์ 
         "มาเยี่ยมพี่ได้ แต่ห้ามทำคนอื่นเดือดร้อน"
         แปลง่ายๆว่า มาหาได้ ไม่กลัว แต่อย่าปรากฏตัวให้ชาวบ้านขนลุก และ/หรือ อย่าไปหลอกคนอื่น 

         แค่นั้นแหละ ข้อแม้ 


         ชีวิตเป็นสิ่งเปราะบาง ทั้งเมื่อเทียบกับระยะเวลาในภพภูมิอื่น เช่นนรกและสวรรค์ ที่มีอายุขัยเกินล้านปีขึ้นไป จะเห็นได้ว่า 

         นอกจากชีวิตคนเราจะเปราะบางแล้ว ระยะเวลาบนโลกใบนี้ ยังแสนสั้นอีกด้วย 

         ไม่มีใครรู้เลยจริงๆว่า วันสุดท้ายในโลกใบนี้ของตัวเองนั้น คือเมื่อไหร่ 


         คงทำได้เพียงทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดในแต่ละวัน ส่วนผลจะเป็นอย่างไรนั้นคงต้องไปว่ากันเมื่อถึงคราลมหายใจสุดท้ายหมดลง 


         พระพุทธเจ้าเคยตรัสกับพระอานนท์เรื่องความตายว่า "..ตถาคตนึกถึงความตายทุกลมหายใจเข้าออก.."

         นี่อาจเป็นกุศโลบายที่สั่งสอนชาวพุทธให้ไม่ประมาท เพราะคนเราไม่มีทางรู้เลยว่า ตัวเองจะตายเมื่อไหร่ ก็เป็นได้ 



         คุณผู้อ่านเล่า คิดถึงความตายไว้บ้างหรือไม่ ทำอะไรบ้างแล้วกับชีวิต ?


         ก่อนจบ ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ เนื่องจากตั้งแต่ประมาณ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นมา ทาง minimore เปลี่ยนรูปแบบเว็บใหม่ ผลที่เกิดขึ้นคือ งานเขียนเรา...ไม่มีคนอ่านเลย (คาดว่าหาเจอยาก)ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป เราจึงตัดสินใจกลับไปเขียนเรื่องราวในบล็อกเดิมของเราแทน คุณผู้อ่านที่ถูกจริตในงานเขียนของเรา สามารถติดตามไปอ่านได้ที่

         https://alwaysfay.blogspot.com/2023/02/blog-post.html

         ขอบพระคุณสำหรับการติดตาม และขอบคุณทาง minimore ที่ให้พื้นที่เราได้ขีดๆเขียนๆเรื่องราวตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
         จนกว่าจะพบกันใหม่
         สวัสดีค่ะ

         
         
         
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in