*When you feel so tried, but you can’t sleep
Stuck in reverse
เคยถามแม่ว่า...ในเมื่อไม่รักพ่อแล้ว
ทำไมถึงยังอยู่ด้วยกัน
แม่บอกว่าความรักมันมีวันหมดอายุ แต่ความผูกพันดูเหมือนจะเป็นคนละเรื่อง
ความผูกพันก็เหมือนด้ายที่ผูกสองคนเอาไว้แน่นหนาระโยงระยาง
ซ่อนปมไว้ภายในที่ดวงตามองไม่เห็น
แต่ใจของคน “เคยรักกัน” รู้ดีว่ามันคืออะไร
คำว่า “เคยรัก” มันเจ็บยิ่งกว่าคำว่า“ไม่รัก” เสียอีก
แล้วทำไมไม่รักยังอยู่ด้วยกันเลิกๆกันไปเสียทีสิ!
“มันยังไม่ใช่เวลานี้ชาม”
หลายปีก่อนหญิงคนที่ได้ชื่อว่าแม่บอกเขาด้วยเสียงที่แหบโหยดวงตาเหลืองมีแววอ่อนล้า
เขามองแม่อย่างปวดใจผ่านม่านน้ำตา
อยู่ๆ ความคิดคำนึงเกี่ยวกับ “แม่”ของ ชาร์ม อัศวไพศาลวิจิตร ก็หลั่งไหลวนเวียนอยู่ในหัวเหมือนก๊อกน้ำที่มีคนเปิดหัวก๊อกผ่านสายยางแห่งความคิดด้วยความแรงระดับสูงสุด
ทั้งสมองทั้งหัวใจเดือดพล่านอย่างรุนแรงอีกครั้งในรอบปี
คงจะเป็นเพราะหลังจากเมื่อสักครู่นี้เองหลังจากพยายามติดต่อกับสารบัญ หรือ ไอ้บัน เพื่อนรักของเขาได้แล้ว จากที่พยายามติดต่อมาร่วมชั่วโมง หลังจากพาร่างของเด็กหนุ่มเพื่อนร่วมทริปที่เกือบไร้สติมาที่โรงพยาบาลแห่งนี้
ร่างขาวสูงโปร่งกับกางเกงยีนส์สีซีดตัวโปรด เสื้อยืดสีขาวตัวเก่งสกรีนตัวอักษรชื่อแบรนด์ภาษาอังกฤษตัวสีดำเล็กๆไว้ที่อกด้านซ้าย กับรองเท้าผ้าใบคอนเวิร์สสีขาวที่แปรเปลี่ยนเป็นสีหม่นเพราะผ่านศึกอย่างสาหัส
รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูเหมือนจะธรรมดาแต่กลับดึงดูดสายตาของญาติผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์หน้าห้องฉุกเฉินให้ละสายตาจากภาวะวุ่นวายในโรงแพทย์แห่งนี้ให้หันมามองชายหนุ่มอย่างเสียไม่ได้
พยาบาลคนหนึ่งถึงกับป้องปากบอกเพื่อนร่วมงานว่า
“โห คนอะไรเท่จัง ทั้งตี๋ ทั้งขาว”
ถ้าเป็นในยามปกติหนุ่มหน้าตี๋ขาวที่เพิ่งได้ยินเสียงยกยอตัวเองคงยิ้มเผล่โชว์ฟันซี่ขาวที่เรียงตัวสวยอย่างเป็นระเบียบหลังจากโดนแม่บังคับให้จัดฟันช่วงมัธยมปลาย
แต่ในยามนี้หน้าที่เคยเปื้อนยิ้มตลอดเวลามีเพียงแต่ความเครียดขมึงปกคลุมจากขาวเปลี่ยนเป็นแดงขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวเพราะอุณหภมิในใจเหมือนมีไฟสุม
“เหี้ยเอ๊ย!!! มึงทำอะไรอยู่ทำไมเพิ่งรับ” ชาร์มแทบจะตะโกนใส่ปลายสาย
“โทษที กูติดกินข้าวกับลูกค้าอยู่มีไรป่าววะมึง มิสคอลเป็นสิบสาย” สารบัญพูดเสียงหอบ
“น้อง น้อง...” พอจะบอกจริงๆ ชาร์มกลับตะกุกตะกัก
“บอกกูมา น้อง น้องเป็นอะไร!” อีกฝั่งสาดเสียงใส่ด้วยความตกใจ
“ตอนนี้น้องอยู่โรงพยาบาล” เสียงนิ่งขึ้นหลังชายหนุ่มพยายามกู้สติ
“หา เจ้านำเป็นอะไร ยังไง บอกมา เร็ว!”
ชายหนุ่มผู้ทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองชั่วคราวของคำนำ อธิบายให้อีกฝ่ายรับรู้สถานการณ์ ตอนนั้นเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นเห็นแต่เพียงเด็กหนุ่มก้มอ่านหน้าจอโทรศัพท์และพิมพ์อะไรบางอย่าง ก่อนที่เขาจะลุกไปจัดการค่าเครื่องดื่มเพื่อจะได้รีบย้ายตัวเองและ“น้อง” เข้าไปในเมืองด้วยรถฮอนด้าแจ๊ซกลางเก่ากลางใหม่สีขาวที่เช่ามา
หลังจัดการเรียบร้อยระหว่างเดินกลับมาที่โต๊ะริมหน้าต่างก็เห็นเด็กหนุ่มที่ส่วนสูงเทียบเคียงเขาล้มลงไปชักเกร็งอยู่ข้างโต๊ะ ชาร์มรีบปรี่เข้าไปจับที่ร่างของเด็กคนนั้น สิ่งที่เขาเห็นใกล้ๆ คือ หน้าของคำนำที่ดูเหยเกมือเรียวขาวมีลักษณะจีบงอ ลักษณะหอบเหมือนดูหายใจลำบาก
เขาทำอะไรไม่ถูกจำได้เพียงว่ากอดน้องเอาไว้พร้อมกับตะโกนเรียกเจ้าของร้านกาแฟสุดเสียง
“ช่วยด้วยครับ ช่วยน้องชายผมด้วย!!!”
หลังจากนั้นเจ้าของร้าน -พี่เด่นที่ดูเหมือนจะมีประสบการณ์ปฐมพยาบาลก็จัดการช่วยเรื่องการหายใจของน้องก่อนจะโทรเรียกรถพยาบาลมา
แว่วเสียงคุยกันระหว่างพี่เด่นกับเจ้าหน้าท่าลหน่วยพยาบว่า
“สงสัยอาการจะเป็นไฮเปอร์ล่ะมั้งครับ”
อะไรคือไฮเปอร์ ?
ตอนนั้นยังไม่มีเวลาถามรู้แต่เพียงเขาโดดขึ้นรถพยาบาลไปกับน้องก่อนจะพยายามติดต่อพี่ชายทางสายเลือด ใบหน้าขาวใสที่เคยเต็มไปเลือดฝาดฝาดจนแก้มเป็นสีชาดของเด็กหนุ่มที่นอนราบไปกับเตียงสนามในรถพยาบาลในตอนนี้กลายเป็นซีดเผือดดวงตามองมาทางเขาอย่างหม่นเศร้า ก่อนเสียงจากริมฝีปากจะหลุดออกมาบางเบาว่า
“พี่ชาม นำขอร้อง อย่าบอกคนที่บ้านนะ”
เด็กบ้า อาการของเธอเป็นแบบนี้พี่จะไม่บอกทางบ้านเธอได้ยังไง –
แต่ก็แค่คิดในใจ แทบคำตอบชายหนุ่มผู้พี่เอื้อมไปจับมือของผู้น้องไว้แน่น มือทั้งคู่สั่นระริก ชาร์มสบตาฝืนยืมให้เด็กน้อย
“ห่วงตัวเองก่อนเถอะนะ”
หลังถึงโรงพยาบาลและได้รับการดูแลจากคุณหมอเรียบร้อยเขาค่อยโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง คำอธิบายของหมอเกี่ยวกับอาการ Hyperventilation หรืออาการเกร็งจากความเครียด วิตกกังวล ทำเอาเขาจับต้นชนปลายไม่ถูก
“ตอนนี้ปลอดภัย หายใจเป็นปกติแล้วครับโชคดีที่ได้รับการปฐมพยาบาลมาอย่างดี แต่หมอให้ยาคลายเครียดแล้วอีกหน่อยน้องจะหลับเพราะฤทธิ์ยานะครับ คิดว่าถ้าตื่นขึ้นมา ตรวจอีกรอบถ้าไม่มีอะไรก็น่าจะกลับบ้านได้”
“ขอบคุณครับแล้วทำไมน้องถึงเป็นแบบนี้ล่ะครับ”
“นี่เป็นเพียงการรักษาเบื้องต้นหมอเองก็อยากคุยกับผู้ปกครองนะครับ ก่อนหน้านี้น้องเคยมีอาการแบบนี้ไหมแล้วก่อนหน้าเกิดอาการวันนี้ น้องเครียดอะไรมารึเปล่าครับ”
“.......”
ความเงียบก็เป็นคำตอบอีกอย่างหนึ่ง
เป็นคำตอบที่ดีที่สุด
เพราะเขาเองก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับน้องเลย
ไม่รู้อะไรสักอย่าง
ไม่รู้เลยสักนิด
ในยามนี้หากจะพูดว่าเขาเป็นคนแปลกหน้าสำหรับ“ชีวิตน้อง” ก็ไม่น่าจะเกินจริง
แม่งเอ้ย!!!
ชาร์มสบถในใจ กัดฟันกรอด กำมือแน่น
เขาเองเพิ่งจะรู้จักน้องได้ไม่กี่วัน คำนำในภาพจำของเขาก็คือเด็กหนุ่มผิวขาวชมพูตัวสูง ตาเรียวเล็กมักจะเบิกกว้างเมือเมื่อเจอของกินหรือได้ฟังเรื่องที่ถูกใจ แต่บางครั้งก็ดูเหม่อลอยแปลกๆพิกล
ส่วนเรื่องอื่นๆเขาก็รู้เท่าที่โลกจะให้รู้นั่นแหละ
รู้แค่ว่าน้องน่าจะมีปัญหากับที่บ้านเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป
น่าจะเหมือนวัยรุ่นทั่วไป...
น่าจะเป็นอย่างนั้น
จนเมื่อเขาคาดคั้นเอากับสารบัญเพื่อนรักและสิ่งที่เขารับรู้มันทำให้เค้าซึมกะทือเป็นไอ้งั่งนั่งแหมะอยู่ข้างเตียงคนไข้ในเวลานี้
“มึงบอกกูมา น้องมีปัญหาอะไรวะหมอบอกเป็นไฮเปอร์ โรคเหี้ยไรเนี่ย”
“กูก็ไม่รู้ จ้ำไม่เคยเป็นแบบนี้ กูหมายถึง 4เดือนที่น้องย้ายมาอยู่บ้านกู น้องไม่เคยเป็น”
“แล้วก่อนหน้านั้นล่ะ”
“กูไม่รู้จริงๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูจะรีบบินไปเชียงใหม่เลย”
“ก่อนมึงจะบินมา มึงบอกกูก่อนมีอะไรที่กูควรรู้เกี่ยวกับตัวน้องรึเปล่า ทำไมน้องเครียดอะไรขนาดนี้”
“กูไม่รู้ว่าควรพูดรึเปล่ามัน...มันเป็นเรื่องที่กูก็ไม่รู้ว่าน้องอยากให้ใครรู้ไหม”
“ตอนนี้!! กูเป็นผู้ปกครองของน้อง กูอยู่ใกล้น้องที่สุด กูว่ากูมีสิทธิ์ที่จะรู้นะ”
เข็มนาฬิกาทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์
ชายหนุ่มก็ทำหน้าที่ผู้ปกครอง(ชั่วคราว)ของ คำนำวิริยะภัทร อย่างสัตย์ซื่อ
กว่าสองชั่วโมงที่เขานั่งอยู่ข้างคนไข้อย่างนั้นมีพักบ้างก็เพียงแค่เดินไปห้องน้ำแวะซื้อน้ำเปล่าที่เซเว่นข้างโรงพยาบาลอย่างเร่งรีบ
ก่อนจะกลับมานั่งเคียงข้าง “เด็กหนุ่มในปกครอง”ดังเดิม
“มึงรู้ไหม ว่าอาโชติพ่อน้องน่ะเป็นคนฟ้องหย่าอาลิน”
ชายหนุ่มเอื้อมมือไปเกาะกุมมือเจ้าเด็กไว้แน่นเหมือนจะถ่ายทอดความรู้สึกอะไรบางอย่างไปถึงเจ้าตัวที่จมอยู่ในห้วงนิทรา
“มึงรู้ไหมว่าทำไมอากูถึงได้ฟ้องหย่า เรียกร้องสิทธิ์ในการเลี้ยงดู”
ชายหนุ่มใช้มืออีกข้างเอื้อมไปแตะที่แก้มใสเบาๆอย่างทะนุถนอม
“มึงรู้ไหมว่าอาลินทำแบบนี้กับน้องมานานแค่ไหนแล้วทำไมน้องถึงยอม”
ชายหนุ่มพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้อย่างถึงที่สุด
“ถ้าอาโชติไม่แอบไปติดกล้องวงจรปิดเอาไว้ก็คงไม่เห็น”
ชายหนุ่มบีบที่มือเจ้าเด็กแน่นๆอีกที
“ใช้มือ ใช้ไม้กวาด ทั้งเตะ ทั้งตบ ทั้งตี...”
หยดน้ำใสไหลลงจากหัวตาชายหนุ่มอย่างห้ามไม่อยู่
“แต่น้องไม่เคยปริปากบอกพ่อเลยเพราะน้องรักแม่ น้องอยากอยู่กับแม่”
ชายหนุ่มลุกขึ้น หลับตาลงระบายลมหายใจยาว ก่อนจะลืมตาขึ้นมามองไปที่คำนำด้วยสายตาที่มครก็อธิบายไม่ถูก แม้แต่พระเจ้า
ยืนนิ่งอยู่นานเท่าไรไม่รู้ เขาค่อยๆโน้มลงไปที่ร่างของคนน้อง ก่อนจะจรดปลายจมูกและปากนิ่มที่หน้าผากใสนั่นอย่างแผ่วเบา
ราวกับว่าถ้าแรงกว่านี้อีกนิด...ร่างที่นอนหลับใหลอยู่นี้จะแตกสลายไปในอากาศ
*Lights will guide you home
And ignite your bones
And I will try to fix you
*Fix you By Coldplay
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in