เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Hello Stranger #ซึงโดยอนfebturday
ตอน#5 ชายหนุ่มผู้ไม่รู้อะไรเลย





  • *When you feel so tried, but you can’t sleep

    Stuck in reverse

     

     

    เคยถามแม่ว่า...ในเมื่อไม่รักพ่อแล้ว

    ทำไมถึงยังอยู่ด้วยกัน

    แม่บอกว่าความรักมันมีวันหมดอายุ แต่ความผูกพันดูเหมือนจะเป็นคนละเรื่อง

    ความผูกพันก็เหมือนด้ายที่ผูกสองคนเอาไว้แน่นหนาระโยงระยาง

    ซ่อนปมไว้ภายในที่ดวงตามองไม่เห็น

     

    แต่ใจของคน “เคยรักกัน” รู้ดีว่ามันคืออะไร

     

    คำว่า “เคยรัก” มันเจ็บยิ่งกว่าคำว่า“ไม่รัก” เสียอีก


    แล้วทำไมไม่รักยังอยู่ด้วยกันเลิกๆกันไปเสียทีสิ!


    “มันยังไม่ใช่เวลานี้ชาม” 

    หลายปีก่อนหญิงคนที่ได้ชื่อว่าแม่บอกเขาด้วยเสียงที่แหบโหยดวงตาเหลืองมีแววอ่อนล้า

    เขามองแม่อย่างปวดใจผ่านม่านน้ำตา

     

    อยู่ๆ ความคิดคำนึงเกี่ยวกับ “แม่”ของ ชาร์ม อัศวไพศาลวิจิตร ก็หลั่งไหลวนเวียนอยู่ในหัวเหมือนก๊อกน้ำที่มีคนเปิดหัวก๊อกผ่านสายยางแห่งความคิดด้วยความแรงระดับสูงสุด

     

    ทั้งสมองทั้งหัวใจเดือดพล่านอย่างรุนแรงอีกครั้งในรอบปี

     

    คงจะเป็นเพราะหลังจากเมื่อสักครู่นี้เองหลังจากพยายามติดต่อกับสารบัญ หรือ ไอ้บัน เพื่อนรักของเขาได้แล้ว จากที่พยายามติดต่อมาร่วมชั่วโมง  หลังจากพาร่างของเด็กหนุ่มเพื่อนร่วมทริปที่เกือบไร้สติมาที่โรงพยาบาลแห่งนี้

     

    ร่างขาวสูงโปร่งกับกางเกงยีนส์สีซีดตัวโปรด  เสื้อยืดสีขาวตัวเก่งสกรีนตัวอักษรชื่อแบรนด์ภาษาอังกฤษตัวสีดำเล็กๆไว้ที่อกด้านซ้าย กับรองเท้าผ้าใบคอนเวิร์สสีขาวที่แปรเปลี่ยนเป็นสีหม่นเพราะผ่านศึกอย่างสาหัส  

     

    รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูเหมือนจะธรรมดาแต่กลับดึงดูดสายตาของญาติผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์หน้าห้องฉุกเฉินให้ละสายตาจากภาวะวุ่นวายในโรงแพทย์แห่งนี้ให้หันมามองชายหนุ่มอย่างเสียไม่ได้

     

    พยาบาลคนหนึ่งถึงกับป้องปากบอกเพื่อนร่วมงานว่า


    “โห คนอะไรเท่จัง ทั้งตี๋ ทั้งขาว”

     

    ถ้าเป็นในยามปกติหนุ่มหน้าตี๋ขาวที่เพิ่งได้ยินเสียงยกยอตัวเองคงยิ้มเผล่โชว์ฟันซี่ขาวที่เรียงตัวสวยอย่างเป็นระเบียบหลังจากโดนแม่บังคับให้จัดฟันช่วงมัธยมปลาย


    แต่ในยามนี้หน้าที่เคยเปื้อนยิ้มตลอดเวลามีเพียงแต่ความเครียดขมึงปกคลุมจากขาวเปลี่ยนเป็นแดงขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวเพราะอุณหภมิในใจเหมือนมีไฟสุม

     

    “เหี้ยเอ๊ย!!! มึงทำอะไรอยู่ทำไมเพิ่งรับ”  ชาร์มแทบจะตะโกนใส่ปลายสาย

    “โทษที กูติดกินข้าวกับลูกค้าอยู่มีไรป่าววะมึง มิสคอลเป็นสิบสาย”  สารบัญพูดเสียงหอบ

    “น้อง น้อง...”  พอจะบอกจริงๆ ชาร์มกลับตะกุกตะกัก

    “บอกกูมา น้อง น้องเป็นอะไร!”  อีกฝั่งสาดเสียงใส่ด้วยความตกใจ

    “ตอนนี้น้องอยู่โรงพยาบาล”  เสียงนิ่งขึ้นหลังชายหนุ่มพยายามกู้สติ

    “หา เจ้านำเป็นอะไร ยังไง บอกมา เร็ว!”  

     

    ชายหนุ่มผู้ทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองชั่วคราวของคำนำ อธิบายให้อีกฝ่ายรับรู้สถานการณ์  ตอนนั้นเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นเห็นแต่เพียงเด็กหนุ่มก้มอ่านหน้าจอโทรศัพท์และพิมพ์อะไรบางอย่าง ก่อนที่เขาจะลุกไปจัดการค่าเครื่องดื่มเพื่อจะได้รีบย้ายตัวเองและ“น้อง” เข้าไปในเมืองด้วยรถฮอนด้าแจ๊ซกลางเก่ากลางใหม่สีขาวที่เช่ามา

     

    หลังจัดการเรียบร้อยระหว่างเดินกลับมาที่โต๊ะริมหน้าต่างก็เห็นเด็กหนุ่มที่ส่วนสูงเทียบเคียงเขาล้มลงไปชักเกร็งอยู่ข้างโต๊ะ ชาร์มรีบปรี่เข้าไปจับที่ร่างของเด็กคนนั้น  สิ่งที่เขาเห็นใกล้ๆ คือ หน้าของคำนำที่ดูเหยเกมือเรียวขาวมีลักษณะจีบงอ ลักษณะหอบเหมือนดูหายใจลำบาก

     

    เขาทำอะไรไม่ถูกจำได้เพียงว่ากอดน้องเอาไว้พร้อมกับตะโกนเรียกเจ้าของร้านกาแฟสุดเสียง

     

    “ช่วยด้วยครับ  ช่วยน้องชายผมด้วย!!!

     

    หลังจากนั้นเจ้าของร้าน -พี่เด่นที่ดูเหมือนจะมีประสบการณ์ปฐมพยาบาลก็จัดการช่วยเรื่องการหายใจของน้องก่อนจะโทรเรียกรถพยาบาลมา

     

    แว่วเสียงคุยกันระหว่างพี่เด่นกับเจ้าหน้าท่าลหน่วยพยาบว่า

    “สงสัยอาการจะเป็นไฮเปอร์ล่ะมั้งครับ”

     

    อะไรคือไฮเปอร์ ?

     

    ตอนนั้นยังไม่มีเวลาถามรู้แต่เพียงเขาโดดขึ้นรถพยาบาลไปกับน้องก่อนจะพยายามติดต่อพี่ชายทางสายเลือด  ใบหน้าขาวใสที่เคยเต็มไปเลือดฝาดฝาดจนแก้มเป็นสีชาดของเด็กหนุ่มที่นอนราบไปกับเตียงสนามในรถพยาบาลในตอนนี้กลายเป็นซีดเผือดดวงตามองมาทางเขาอย่างหม่นเศร้า ก่อนเสียงจากริมฝีปากจะหลุดออกมาบางเบาว่า

     

    “พี่ชาม นำขอร้อง อย่าบอกคนที่บ้านนะ”

     

    เด็กบ้า  อาการของเธอเป็นแบบนี้พี่จะไม่บอกทางบ้านเธอได้ยังไง 

     

    แต่ก็แค่คิดในใจ แทบคำตอบชายหนุ่มผู้พี่เอื้อมไปจับมือของผู้น้องไว้แน่น  มือทั้งคู่สั่นระริก  ชาร์มสบตาฝืนยืมให้เด็กน้อย

     

    “ห่วงตัวเองก่อนเถอะนะ”

     

    หลังถึงโรงพยาบาลและได้รับการดูแลจากคุณหมอเรียบร้อยเขาค่อยโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง คำอธิบายของหมอเกี่ยวกับอาการ Hyperventilation หรืออาการเกร็งจากความเครียด วิตกกังวล   ทำเอาเขาจับต้นชนปลายไม่ถูก

     

    “ตอนนี้ปลอดภัย หายใจเป็นปกติแล้วครับโชคดีที่ได้รับการปฐมพยาบาลมาอย่างดี แต่หมอให้ยาคลายเครียดแล้วอีกหน่อยน้องจะหลับเพราะฤทธิ์ยานะครับ คิดว่าถ้าตื่นขึ้นมา ตรวจอีกรอบถ้าไม่มีอะไรก็น่าจะกลับบ้านได้”

     

    “ขอบคุณครับแล้วทำไมน้องถึงเป็นแบบนี้ล่ะครับ”

     

    “นี่เป็นเพียงการรักษาเบื้องต้นหมอเองก็อยากคุยกับผู้ปกครองนะครับ ก่อนหน้านี้น้องเคยมีอาการแบบนี้ไหมแล้วก่อนหน้าเกิดอาการวันนี้ น้องเครียดอะไรมารึเปล่าครับ”

     

    “.......”

     

    ความเงียบก็เป็นคำตอบอีกอย่างหนึ่ง

    เป็นคำตอบที่ดีที่สุด

    เพราะเขาเองก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับน้องเลย

    ไม่รู้อะไรสักอย่าง

    ไม่รู้เลยสักนิด

    ในยามนี้หากจะพูดว่าเขาเป็นคนแปลกหน้าสำหรับ“ชีวิตน้อง” ก็ไม่น่าจะเกินจริง

     

    แม่งเอ้ย!!!

    ชาร์มสบถในใจ กัดฟันกรอด กำมือแน่น 

     

    เขาเองเพิ่งจะรู้จักน้องได้ไม่กี่วัน  คำนำในภาพจำของเขาก็คือเด็กหนุ่มผิวขาวชมพูตัวสูง ตาเรียวเล็กมักจะเบิกกว้างเมือเมื่อเจอของกินหรือได้ฟังเรื่องที่ถูกใจ แต่บางครั้งก็ดูเหม่อลอยแปลกๆพิกล 

     

    ส่วนเรื่องอื่นๆเขาก็รู้เท่าที่โลกจะให้รู้นั่นแหละ

    รู้แค่ว่าน้องน่าจะมีปัญหากับที่บ้านเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป

    น่าจะเหมือนวัยรุ่นทั่วไป...

    น่าจะเป็นอย่างนั้น

     

    จนเมื่อเขาคาดคั้นเอากับสารบัญเพื่อนรักและสิ่งที่เขารับรู้มันทำให้เค้าซึมกะทือเป็นไอ้งั่งนั่งแหมะอยู่ข้างเตียงคนไข้ในเวลานี้

     

    “มึงบอกกูมา น้องมีปัญหาอะไรวะหมอบอกเป็นไฮเปอร์ โรคเหี้ยไรเนี่ย”


    “กูก็ไม่รู้ จ้ำไม่เคยเป็นแบบนี้  กูหมายถึง 4เดือนที่น้องย้ายมาอยู่บ้านกู น้องไม่เคยเป็น”


    “แล้วก่อนหน้านั้นล่ะ”


    “กูไม่รู้จริงๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูจะรีบบินไปเชียงใหม่เลย”


    “ก่อนมึงจะบินมา มึงบอกกูก่อนมีอะไรที่กูควรรู้เกี่ยวกับตัวน้องรึเปล่า ทำไมน้องเครียดอะไรขนาดนี้”


    “กูไม่รู้ว่าควรพูดรึเปล่ามัน...มันเป็นเรื่องที่กูก็ไม่รู้ว่าน้องอยากให้ใครรู้ไหม”


    “ตอนนี้!! กูเป็นผู้ปกครองของน้อง กูอยู่ใกล้น้องที่สุด กูว่ากูมีสิทธิ์ที่จะรู้นะ”

     

    เข็มนาฬิกาทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ 

    ชายหนุ่มก็ทำหน้าที่ผู้ปกครอง(ชั่วคราว)ของ คำนำวิริยะภัทร อย่างสัตย์ซื่อ

    กว่าสองชั่วโมงที่เขานั่งอยู่ข้างคนไข้อย่างนั้นมีพักบ้างก็เพียงแค่เดินไปห้องน้ำแวะซื้อน้ำเปล่าที่เซเว่นข้างโรงพยาบาลอย่างเร่งรีบ

    ก่อนจะกลับมานั่งเคียงข้าง “เด็กหนุ่มในปกครอง”ดังเดิม

     

    “มึงรู้ไหม ว่าอาโชติพ่อน้องน่ะเป็นคนฟ้องหย่าอาลิน”

    ชายหนุ่มเอื้อมมือไปเกาะกุมมือเจ้าเด็กไว้แน่นเหมือนจะถ่ายทอดความรู้สึกอะไรบางอย่างไปถึงเจ้าตัวที่จมอยู่ในห้วงนิทรา

     

    “มึงรู้ไหมว่าทำไมอากูถึงได้ฟ้องหย่า เรียกร้องสิทธิ์ในการเลี้ยงดู”

    ชายหนุ่มใช้มืออีกข้างเอื้อมไปแตะที่แก้มใสเบาๆอย่างทะนุถนอม

     

    “มึงรู้ไหมว่าอาลินทำแบบนี้กับน้องมานานแค่ไหนแล้วทำไมน้องถึงยอม”

    ชายหนุ่มพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้อย่างถึงที่สุด

     

    “ถ้าอาโชติไม่แอบไปติดกล้องวงจรปิดเอาไว้ก็คงไม่เห็น”

    ชายหนุ่มบีบที่มือเจ้าเด็กแน่นๆอีกที

     

    “ใช้มือ ใช้ไม้กวาด ทั้งเตะ ทั้งตบ  ทั้งตี...”

    หยดน้ำใสไหลลงจากหัวตาชายหนุ่มอย่างห้ามไม่อยู่

     

    “แต่น้องไม่เคยปริปากบอกพ่อเลยเพราะน้องรักแม่ น้องอยากอยู่กับแม่”

    ชายหนุ่มลุกขึ้น หลับตาลงระบายลมหายใจยาว ก่อนจะลืมตาขึ้นมามองไปที่คำนำด้วยสายตาที่มครก็อธิบายไม่ถูก แม้แต่พระเจ้า


    ยืนนิ่งอยู่นานเท่าไรไม่รู้ เขาค่อยๆโน้มลงไปที่ร่างของคนน้อง ก่อนจะจรดปลายจมูกและปากนิ่มที่หน้าผากใสนั่นอย่างแผ่วเบา

     

    ราวกับว่าถ้าแรงกว่านี้อีกนิด...ร่างที่นอนหลับใหลอยู่นี้จะแตกสลายไปในอากาศ

     

     

    *Lights will guide you home

    And ignite your bones

    And I will try to fix you

     

     

    *Fix you  By Coldplay

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in