ENGLISH Translation by withMTUAN93 (on Twitter)
THAI Translation by WIRUNYPHA
อาจมีเนื้อความคลาดเคลื่อนเพราะแปลมาหลายต่อ
ไม่อนุญาตให้เอาไปรีโพสต์นะคะ
(เดี๋ยวมาใส่ภาพนะ เอาเนื้อความไปอ่านก่อน 555555555)
มาร์คเข้ามาภายในสตูดิโออย่างเงียบเชียบไร้เสียง สต๊าฟจำนวนมากที่มักจะติดตามมากับดาราหายตัวไป ถึงแม้เขาจะเงียบขรึม แต่มาร์คคือคนประเภทที่จะโดดเด่นออกมาเสมอไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน ฉันคิดว่า "นี่คือคนประเภทที่มีออร่าสินะ" ด้วยรูปร่างผอมเพรียว ใบหน้าสว่างสดใส เราสบตากัน และรอยยิ้มของเขาก็ทำให้รู้สึกราวกับว่าฉันกำลังอยู่ในความฝัน
มาร์คเคยเป็นเด็กนักเรียนที่คิดว่าการเล่นกับเพื่อนคือสิ่งที่น่าอภิรมย์ที่สุด แทนที่จะวางแผนกำหนดทิศทางของชีวิต เขากลับเชื่อว่าการทำตามสิ่งที่ตนชอบคือสิ่งที่ดีและสนุกที่สุด เด็กชายที่เริงร่าไร้ความกังวลย้ายมายังเกาหลีใต้ด้วยความคิดว่า "มาลองทำมันเถอะ" ในเกาหลี เด็กชายเติบโตกลายเป็นผู้ใหญ่ แม้จะยังคงคลุมเครือในสิ่งที่เป็นอยู่ แต่เขามีแผนและเป้าหมาย "ที่อเมริกา ผมมักจะดูธรรมดาอยู่เสมอ การที่ JYP แคสติ้งผมนั้นถือว่าเป็นโอกาสอันดี เมื่อมาถึงบริษัท จะมีเวทีโชว์เคสของพวกเด็กฝึก ความรู้สึกตอนนั้น ผมชอบมันมาก รู้สึกขนลุกเลย"
เขาเล่า มาร์คในตอนนี้หลุดพ้นจากความรู้สึกตอนนั้นแล้ว ไม่ว่าครั้งใดที่มาร์คฟังคำถาม จะรู้สึกราวกับเวลาหยุดเดินลงเสมอ เขาฟังอย่างตั้งใจ เงียบเชียบ และตอบรับว่า "อืม..." ก่อนจะเอ่ยความคิดที่เขาเรียบเรียงแล้วออกมา "ผมไม่เคยคิดไตร่ตรองเรื่องความสำเร็จจริง ๆ หรอกครับ เรามักคิดว่าพวกเราขาดอะไรบางอย่าง แล้วเราก็จะ 'มาทำแบบนี้เพิ่มเถอะ' 'มาลองอีกเถอะ' ทั้งเป้าหมาย อัลบัม ความนิยม ถึงแม้เราจะใคร่ครวญถึงพวกมันอย่างดีแล้ว ข้อกำหนดก็ยังคงเป็นแฟนคลับอยู่เสมอ ถ้าแฟนคลับไม่ชอบพวกเรา เราก็คงไม่มีอัลบัม 'ถัดไป' และคงจะจัดเวิลด์ทัวร์ไม่ได้เหมือนกัน" ฉันอยากจะขอย้อนกลับไปถามมาร์คที่เป็นผู้ใหญ่และอ่อนไหวเกี่ยวกับนิยามของคำว่า ความสำเร็จ กับมาร์คคนนี้ คนที่ดูมีมุมมองด้านปรัชญาเกี่ยวกับความหมายของชีวิต พูดถึงชีวิตของเขาและของสมาชิกในวง แฟนคลับมีบทบาทที่สำคัญมาก ดังนั้นพวกเขาจึงมักจะคอยสอดส่องปฏิกิริยาของแฟนคลับและเฝ้ามองแฟนคลับอยู่เสมอ ทุกครั้งที่ถามเกี่ยวกับแฟนคลับและเป้าหมาย เขามักจะกล่าวว่ามันเป็นคำถามที่ยากเสมอ "คุณจะบอกว่าเรามาถึงครึ่งทางของเป้าหมายของเราแล้วหรือครับ? นอกจากความต้องการที่จะให้ GOT7 ทำได้ดี ผมก็ไม่ได้มีความปรารถนายิ่งใหญ่อะไรจริง ๆ ผมอยากจะเป็น GOT7 ต่อไปเรื่อย ๆ บางครั้งผมก็คิดว่า ถ้าเราประสบความสำเร็จทั้งหมดนั่นแล้ว (ในฐานะ GOT7) ถ้าโอกาสเช่นนั้นมาถึง มันจะเป็นยังไงถ้าต้องยืนอยู่ในฐานะ 'มาร์ค'"
เราไม่อาจจะละทิ้งการพูดถึงสมาชิก GOT7 และเวิลด์ทัวร์ 17 เมืองได้ เพราะการพบเจอแฟนคลับคือคำอธิษฐานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขา "เพราะเราเดินทางไปบางประเทศเป็นครั้งแรก มันเลยรู้สึกเหมือนเป็นเวิลด์ทัวร์เลยครับ สำหรับพวกเราแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเวทีไหนที่พวกเรายืนอยู่ หรือเป็นสถานที่ใด มันก็เหมือนกัน แต่เพราะปฏิกิริยาของแฟนคลับแตกต่างกัน มันเลยรู้สึกแปลกใหม่ตลอดการทัวร์ ปฏิกิริยาของแฟนคลับแตกต่างกันไปเล็กน้อยตามแต่ละประเทศ โดยเฉพาะแฟนคลับในปารีส มันยิ่งกว่าเซอร์ไพรส์เลยครับ เรียกว่าช็อกเลยก็ได้ จากคนที่มาจากประเทศที่รักฟุตบอล แม้กระทั่งการ์เชียร์ของพวกเขาก็เข้มข้น พวกเขากระทืบเท้าขณะเชียร์พวกเราด้วย แล้วมันก็เซอร์ไพรส์พวกเรามาก ๆ เรารู้สึกตื่นตาตื่นใจมาก หรืออย่างแฟนคลับจากประเทศของเราที่ร้องตามเพลง การกระทืบเท้าไปด้วยกันในปารีสก็เป็นคาแร็กเตอร์ของพวกเขาครับ"
วันของมาร์คและ GOT7 มักใช้ไปกับการคิดถึงแฟน ๆ เสียส่วนใหญ่ ในการโปรโมตในประเทศ หรือการปล่อยอัลบัม พวกเขาคิดถึงสิ่งที่แฟนคลับอยากเห็น และตัดสินใจโดยยึดเรื่องพวกนั้นเป็นหลัก เพราะพวกเขามีชื่อเสียงในต่างประเทศมากกว่าในประเทศ พวกเขาจึงมีหัวใจที่หนักอึ้งต่อแฟนคลับในประเทศ ด้วยความรู้สึกเหล่านั้นพวกเขาจึงใคร่ครวญอย่างมากในการโปรโมตและคอนเซ็ปต์ แม้แต่กิจกรรมเดี่ยวของสมาชิกที่เพิ่งขึ้น ขึ้นอยู่กับวิธีแบบไหน พวกเขาอยากจะให้มันส่งผลที่ดีต่อกลุ่ม ที่พวกเรากล่าวว่าช่วงเวลาที่มาร์คใช้ในเกาหลีมักใช้ไปกับแฟนคลับ ก็ไม่ได้เกินจริงเลย
บทบาทของมาร์คในวงสำคัญมากเมื่อเขาเป็นคนที่นำความคิดและลงความเห็นเป็นคนสุดท้าย ชื่อเล่นของเขาอย่าง "เฟิร์มมาร์ค" ไม่ได้เกินจริงเลย "ผมเป็นคนประเภทที่ไม่ลังเลในการตัดสินใจครับ เพราะผมมักจะตอบอย่างตรงไปเสมอว่า 'ใช่' 'ไม่' (ในสถานการณ์แบบนี้) ในวงเลยเริ่มเรียกผมกันว่า เฟิร์มมาร์ค พวกเขาบอกว่าผมสรุปได้ดีเวลาที่สมาชิกออกความเห็นกัน แล้วผมก็จัดการได้ดี ผมไม่รู้จริง ๆ เรื่องนี้ ผมแค่พูดสิ่งที่ควรพูด" ถึงแม้เขาจะดูเงียบขรึม เช่นที่เราเห็นกันได้ใน <GOT7's Hard Carry> เขาก็เปลี่ยนแปลงไปจากจุดที่ยากจะจำแนกได้ว่าใครเป็นใครอย่างต่อเรื่อง ถึงอย่างนั้นมาร์คก็ยังคงเคลื่อนย้ายตัวเองไปยังสถานที่ที่เงียบเชียบและใช้เวลาที่นั่น คนที่บอกว่าการคิดใคร่ครวญเพียงลำพัง คิดเพียงลำพัง จัดการความคิดของคนเพียงลำพัง เป็นสิ่งที่สบายใจเขาที่สุด บอกว่า เขาเริ่มจะเปิดเผยตัวเองขึ้นมาทีละนิดผ่านการทำเพลงของเขาเอง
"เรื่องความรู้สึกของทั้งอัลบัม เราเริ่มโดยการคิดถึงคีย์เวิร์ด (ก่อน) การทำเพลง ผมได้คุยกับคนเขียนทำนองและตัดสินใจในแบบที่ผมต้องการโดยคิดถึงความรู้สึกและเรื่องราวที่ผมอยากจะเล่าในเพลงที่ผมทำ ผมเขียนเรื่องราวและประสบการณ์ของผมอยู่หลายครั้ง และมันก็เป็นเพลงที่สามารถแสดงตัวผมออกมาได้มากขึ้น" เป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้วตั้งแต่พวกเขาโปรโมตอัลบัมที่สามเสร็จสิ้น แต่มาร์คและ GOT7 เพิ่งผ่านเวิลด์ทัวร์และกำลังเตรียมตัวสำหรับอัลบัมญี่ปุ่นของพวกเขารวมถึงอัลบัมรีแพ็กเกจ มาร์คมักใช้เวลาว่างไปกับการเอาชีวิตรอดในเกมออนไลน์กับเพื่อน ๆ ในอเมริกา มาร์คผู้ดูเหมือนเทพเจ้าธอร์ที่ไร้ซึ่งความกังวลใด ๆ มาร์คที่ย้อนดู <101 ดัลเมเชี่ยน> และ <Toy Story> ไม่เคยทำให้ความคาดหวังของแฟนคลับ ความคาดหวังว่าเขาจะสดใส สุภาพ และขี้เล่น สะดุดลงเลย "แต่เดิมผมชอบฤดูหนาวนะครับ ที่ LA ไม่มีหิมะ พอที่เกาหลีหิมะตก ผมประทับใจและก็ชอบมันมาก แต่ช่วงหลังมานี่มันหนาวเกินไปครับ! แล้วก็ร้อนชื้นเกินไปในช่วงฤดูร้อนด้วย แต่นี่ยังเป็นฤดูใบไม้ร่วงอยู่ใช่ไหมครับ" ไม่ว่าจะอย่างไร อาจเพราะเสียงของมาร์คยืนยันอย่างนั้น ฤดูใบไม้ร่วงที่รู้สึกผิดที่มีช่วงเวลาสั้นเกินไปคงรู้สึกว่า(ตอนนี้)ตัวเองไม่สำคัญแล้วล่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in