1
คุณเคยติดอยู่ที่แห่งหนึ่ง ในระยะเวลาหนึ่ง มิอาจเห็นซิ่งดวงตะวัน ไม่สามารถรับรู้ถึงวันเวลาที่เคลื่อนตัวผ่านร่างกาย รับรู้เพียงกระแสเวลาที่ไหลผ่านซอกนิ้วไปอย่างเชื่องช้า ถูกจองจำไร้ซึ่งอิสรภาพ รู้ตัวอีกทีก็ต้องเดินไปรับข้าวรับน้ำเพื่อประทังชีวิตในโรงอาหารที่มีแต่คอนกรีต
ผมมองจานข้าวที่ไร้ซึ่งสีสัน อาหารดูจืดชืด กลิ่นเหม็นคาวน่าสะอิดสะเอียน นั่นเพราะผมเสียการรับรู้สึกทุกอย่างไปอย่างสมบูรณ์ พร้อมๆกับหัวใจที่ด้านชาขึ้นเรื่อยๆ
ผมกระซิบกับตนเองอย่างแผ่วเบา เพื่อปลอบโยนจิตใจที่สั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัวต่อสิ่งที่เคยเกิดขึ้น
'จงกินซะ กินเพื่ออยู่รอด'
ว่าแต่อยู่รอดไปเพื่อสิ่งใดกัน
ผมไม่สามารถหาคำตอบให้ตนเองได้ แต่อย่างไรก็ตามร่างกายที่โหยหาสารอาหารทำให้ผมต้องกินอาหารตรงหน้า แม้จะอยากอาเจียนทันทีที่อาหารเคลื่อนผ่านหลอดอาหารลงกระเพาะเท่าไรก็ตาม
ผมจะได้รับอิสรภาพทุกๆตอนกลางคืนของวัน เพราะห้องขังขนาด 3 x 6 นิ้วต้องการการพักอน และต้องการพลังงานจากแหล่งกำเนิดไฟฟ้า
แต่อย่างไรก็ตาม หลังๆผมเริ่มเรียนรู้กับการอยู่ร่วมกับมันแล้ว
และผมยินดีที่จะอยู่ในห้องขังขนาด 3 x 6 นิ้ว เผลอๆอาจจะตลอดไป
กำแพงห้องเต็มไปด้วยข้อความของเธอคนนั้น บางครั้งเป็นรูปภาพที่เธอคนนั้นถ่าย บางครั้งเป็นภาพเกม บางครั้งเป็นภาพสลับไปมาจนผมมึนหัว แต่ผมก็ไม่อาจหลีกหนีไปไหนได้
และแล้ววันนั้นก็มาถึง
วันที่ผมกับห้องขังกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน
2
"แกรู้ไหม ยัยมิ้งลงรูปอีกแล้ว"
ฉันแย่งมือถือออกจากมือเพื่อนที่นั่งข้างๆในทันที บนหน้าจอขนาด 3 x 6 นิ้ว ปรากฏภาพผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาจิ้มลิ้มกำลังน่ารัก กับชายอีกคน
ทันทีที่เห็น ความรู้สึกบางอย่างก็พุ่งพล่านภายในร่างกายของฉัน
"รูปคู่อีกแล้ว นี่จะลงทุกวันเยาะเย้ยแกหรือไง" เพื่อนตัวดีพูดขึ้น ยิ่งสุมไฟแห่งโทสะในใจของฉันให้โหมกระพือยิ่งขึ้น
เสียงออดดังขึ้นกับเวลาพักที่สิ้นสุดลง ฉันรีบเก็บจานอาหารบนโต๊ะ ไปเทเศษอาหารที่ถูกจัดเตรียมไว้ ก่อนจะวางจานอย่างเสียอารมณ์ แล้วขึ้นห้องเรียน
ภาพที่ฉันเห็นเมื่อตอนพักเที่ยงติดตาจนไม่สามารถมีสมาธิกับการเรียนได้ ว่าง่ายๆคือฉันเข้าเรียนคาบนี้มีค่าเท่ากับโดดเรียนไปเที่ยวเล่นเสียอีก
พระอาทิตย์ที่ค่อยๆลับขอบฟ้า สาดแสงสีแดงชาดชโลมผ่านหน้าต่างบานใหญ่ของรถไฟฟ้า ตกกระทบเข้ากับหน้าจอสมาร์ทโฟนขนาด 3 x 6 นิ้ว ที่สะท้อนภาพชายหญิงคู่หนึ่งที่หยอกเย้าเล่นอย่างสนุกสนาน
ภาพดังกล่าวทำให้ฉันนึกถึงความทรงจำที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว
รถไฟฟ้าเทียบชานชาลา ฉันเก็บสมาร์ทโฟนเพื่อไม่ให้จอมซุ่มซ่ามอย่างตัวเองทำหล่นช่องว่างระหว่างรถไฟกับชานชาลา เมื่อเข้าสู่พื้นที่ชานชาลาที่เรียบสม่ำเสมอแล้ว ฉันก็หยิบสมาร์ทโฟนออกมาอีกครั้ง พร้อมกับเลื่อนดูรูปภาพที่บันทึกความทรงจำตกหล่นหายของฉัน
ขาทั้งสองข้างนำฉันมาที่แห่งหนึ่ง
ที่ที่ดูสูงจากความเป็นจริง
นิ้วโป้งเลื่อนดูภาพจำนวนมากมายที่เคยถ่ายเอาไว้ ช่วงเวลาที่ 'เคย' มีความสุขมากมายระหว่างฉันกับเขาคนนั้น
รู้ตัวอีกที ฉันก็ถูกจองจำอยู่ในห้องขังขนาด 3 x 6 นิ้วเสียแล้ว
3
ผมอยู่ในโลกอนาคต ที่มีแผ่นสี่เหลี่ยมขนาด 3 x 6 นิ้วเป็นสัตว์เลี้ยง
ทุกๆวันตอนตื่นนอนผมต้องหยิบมันขึ้นมาใช้งาน ไม่งั้นมันคงจะเหงาถ้าหากถูกวางทิ้งเอาไว้ นอกจากตอนตื่นนอนก็มีตอนเข้าห้องน้ำ อาบน้ำ ทานอาหารเช้า ทำงาน ขึ้นรถ
เจ้านี่ชื่อ โทมัส
ผมตั้งชื่อให้มันในวันที่แกะออกจากกล่องกระดาษสี่เหลี่ยม ที่ห่อมาอย่างดีกันการบุบสลาย มันได้รับการทะนุถนอมราวกับของขวัญจากพระเจ้า วันก่อนผมทำหล่นพื้นแล้วกรีดร้องออกมาอย่างเสียสติ โชคดีที่เจ้าโทมัสไม่เป็นอะไรมาก มันให้อภัยผมพร้อมกับขอชาร์จแบตเพิ่ม
โทมัสมีอารมณ์ขัน ผมเข้าแอพลิเคชั่นที่เกี่ยวกับโซเชียลเนตเวิร์ค เจ้าโทมัสมักจะสุ่มข้อความขำขันมาให้ผมอ่านทุกเช้า มันเป็นความสุขเล็กๆน้อยๆในชีวิตผม
แค่แล้ววันหนึ่ง วันที่ผมมีความสุขกับโทมัสทุกวันก็ได้สิ้นสุดลง
ผมเดินไปตามทางเท้า ระหว่างออกไปทำงาน ผมเล่นกับโทมัสอย่างทะนุถนอม สมบัติของพระเจ้าต้องได้รับการปรนนิบัติอย่างดี และแล้วผมก็สะดุดตาเข้ากับสัตว์เลี้ยงตัวใหม่
มันชื่อ แองเจลิน่า หรือ แองจี้ ผมตั้งชื่อไว้เช่นนั้น
หน้าจอขนาด 4 x 8 นิ้ว ทำให้ผมตะลึง มือทั้งสองข้างสั่นด้วยความอยาก ทำให้โทมัสตกลงที่พื้น
แองเจลิน่า
ผมเหยียบโทมัสเข้าเต็มเท้า
ก่อนจะเดินเข้าร้านขายสัตว์เลี้ยง เพื่อซื้อแองเจลิน่า
สมาร์ทโฟนขนาด 3 x 6 นิ้วเปรอะเปื้อนไปด้วยดินจากพื้น ใครจะรู้เล่า ว่าครั้งหนึ่งมันเคยเป็นเครื่องที่ดีที่สุด เป็นสัตว์เลี้ยงที่ดีที่สุด และเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in