มันเป็นเรื่องแปลก ที่ดอกไม้ผลิบานท่ามกลางพื้นคอนกรีต
ผมยืนอยู่ริมชานชาลารถไฟฟ้า หูฟังสีขาวที่แถมมาตอนซื้อโทรศัพท์มือถือถูกเพิ่มระดับเสียงให้ดังขึ้นเพื่อกำจัดเสียงจากคนด้านหลังที่คุยวี้ดว้ายน่ารำคาญ
ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้เหมือนกัน ที่ผมกลายเป็นคนขี้รำคาญ
อาจเพราะอยู่กับเธอนานเกินไป เธอผู้ขี้บ่นเป็นชีวิตจิตใจ
ผมยืนท่ามกลางสภาพอากาศร้อนระอุของกรุงเทพฯ ทั้งๆที่เข้าสู่ฤดูหนาวแท้ๆ นั่นทำให้ผมคอแห้งผาก และตัดสินใจว่าเมื่อถึงสถานีปลายทาง จะแวะซื้อชานมไข่มุกร้านประจำของเรา
พูดว่าร้านประจำของเราคงไม่ถูกเท่าไร ตอนนี้คงเป็น 'ร้านประจำของผม' แทนแล้ว
ประตูคั่นระหว่างชานชาลากับรางรถไฟแสดงหน้าจอสีน้ำเงินรูปคนยืนรอและรถไฟฟ้าเข้าสู่ชานชาลา เป็นสัญญาณว่าเวลาเดินทางใกล้เข้ามาถึง ผมกระชับกล่องกระดาษในมือให้แน่น เมื่อประตูรถไฟฟ้าเปิด ผมจึงเดินเข้าไปด้านใน เลือกยืนที่มุมสุดของรถไฟฟ้า แล้วยืนเงียบๆคนเดียว
จากสถานีพร้อมพงษ์ไปสยาม
ผมยืนอยู่มุมนั้น กับหูฟัง และกล่องกระดาษที่หนักพอสมควร แต่หากเทียบกับความรู้สึกที่หนักอึ้งของผม กล่องกระดาษดูเหมือนจะมีน้ำหนักเบาลงทันทีทันใด
ผู้คนเดินออกจากรถไฟฟ้าสถานีสยามยังคงเยอะเหมือนเดิม มนุษย์ป้าคนหนึ่งฝ่ากลุ่มคนที่ต่อแถวออกจากรถไฟฟ้า แกเฉี่ยวกล่องกระดาษผมจนขอบบิ่น ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่กับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ครั้นจะให้เอาเรื่องกับแกก็เสียเวลาเปล่า โตมาป่านนี้คงเปลี่ยนนิสัยยากแล้วหล่ะ
เอาเป็นว่า ถ้าของไม่เสียหายก็คงไม่เป็นไรหรอก
นาฬิกาที่ชานชาลาบอกเวลาไว้ว่าขณะนี้ 11.40 น. ก่อนเวลานัดไว้เกือบ 20 นาทีผมทำตามแผนที่วางไว้ นั่นคือเดินไป Siam square one แล้วตรงไปที่ร้านชานมไข่มุกแห่งหนึ่ง ภาพความทรงจำเก่าๆผุดขึ้นมาจนผมคลื่นไส้
ผมห้อยถุงชานมไข่มุกไว้ที่แขน หากจะกินได้ผมต้องวางกล่องกระดาษนี่ลงก่อน ดังนั้นแล้วผมตัดสินใจนั่งบริเวณม้านั่งยาวตรงทางเดินเชื่อมรถไฟฟ้า
ผมส่งข้อความหาเธอ ว่าเปลี่ยนที่นัดหมาย
ข้อความนั้นถูกตอบกลับด้วยสติกเกอร์แมว 1 ตัว
เวลาจากลาใกล้เข้ามาถึงเรื่อยๆ หัวใจผมเต้นแรงมากขึ้นเรื่อยๆตามเข็มวินาที
จนกระทั่งเวลานั้นมาถึง พร้อมกับรองเท้า Sneakers สีขาวคู่โปรดของเธอ หยุดลงตรงหน้าผมเหมือนทุกครั้ง แต่ที่ต่างออกไปคือรองเท้าทรง Penny Loafer สีน้ำตาลเข้ม ที่อยู่ข้างๆรองเท้าคู่เล็กนั่น
ผมค่อยๆเงยหน้าขึ้น พบกับเธอผู้คุ้นตา และเขา ที่เห็นผ่านๆตาใน Instagram
"ไง" ผมเอ่ยสั้นๆกับเธอ พร้อมกับเจตนาไม่ทักเขา
เธอยิ้มเจื่อนๆ ราวกับปกปิดความผิดภายในใจ
ได้โปรด อย่ายิ้มแบบนั้นเลย ผมต้องการให้เธอยิ้มอย่างมีความสุขมากกว่านะ
"ยังกินร้านนี้อยู่หรอ" ราวกับเธอเพิ่งเหลือบเห็นชานมไข่มุกในมือผม
ผมพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะวางแก้วลงบนเก้าอี้ พร้อมกับยกกล่องกระดาษลุกขึ้นยืน แล้วยื่นให้เธอ
หลักฐานความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเธออยู่ในกล่องนี้ และมันกำลังจะจากไป
"ของเก็บหมดแล้วนะ"
แต่คนที่รับกล่องกระดาษไปกลับเป็นเขา
"เสร็จธุระแล้วใช่ไหม ไปกันเถอะ" เขาพูดกับเธอ โดยมีเจตนามองข้ามผมไป ซึ่งไม่แปลก เพราะผมเองยังจงใจทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนเมื่อครู่
มือที่โอบเอวของเธอ ทำให้ผมรู้สึกหน่วงภายในใจ เธอเหลียวหลังกับมามอง พร้อมกับท่าทีที่ลนลาน ไม่รู้จะโบกมือลา หรือกล่าวลาอย่างไรดี
ไม่เป็นไร
หวังว่าเธอคงเลือกคนที่สามารถทำให้เธอมีความสุขได้มากกว่าสิ่งที่ผมทำ
ผมมองทั้งคู่จนกระทั่งลับสายตา ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วนั่งกินชานมไข่มุกจนหมดแก้ว
มันรวดเร็ว ราวกับความสัมพันธ์ก่อนหน้านี้ไม่มีความหมาย การบอกลาที่ง่ายดาย และความเงียบงันที่กัดกินจิตใจผม
ความรักเคยเป็นสิ่งเดียวที่หล่อเลี้ยงชีวิตของผม แต่บัดนี้ผมกลับถูกความรักทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี
แด่เธอ ผู้สูญหายไปในห้วงเวลา
เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลก ที่ดอกไม้จะเหี่ยวแห้ง และโรยรา
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in