สมมติว่าตอนนั้นคุณเป็นแค่เด็กประถมแล้วเจอโจทย์ข้อสอบวิชา สลน. ถามว่า "ถ้านักเรียนไปเจอบุคคลน่าสงสัยกำลังซื้อขายยาเสพติดนักเรียนต้องทำอย่างไร ?" และเป็นที่แน่นอนแทบไม่ต้องคิดว่ามันต้องมีช้อยส์ทำนองว่า 'แจ้งตำรวจ' และมันก็เป็นคำตอบที่ถูกต้องเสมอตามที่หนังสือบอกมา 

แต่ในโลกของความเป็นจริงถ้าคุณเป็นแค่เด็กประถมที่มีระดับความน่าเชื่อถือที่ถือว่าต่ำเตี้ยเรี่ยดินมากในดุลยพินิจของสังคม บวกกับว่าถ้าผู้ต้องสงสัยคนนั้นดันอยู่ในสถานะที่มีความน่าเชื่อถือมากกว่าชนิดที่เทียบกันไม่ติดไม่ว่าจะเป็น ครูประจำชั้นของคุณ ผอ.โรงเรียน หรือร้ายที่สุดอาจจะเป็นนายตำรวจน้ำดีผู้กว้างขวางในชุมชน พอมีตัวแปรเหล่านี้เพิ่มขึ้นมาคุณจะยังเลือกทำตามชอยส์เดิมอยู่หรือเปล่า?

"Official Secrets" หรือ "รัฐบาลซ่อนเงื่อน" คือภาพยนตร์ดราม่ากึ่งสารคดีสร้างจากเรื่องจริงของ Katharine Teresa Gun เจ้าหน้าที่ข่าวกรองของอังกฤษ ผลงานการกำกับของ Gavin Hood วันหนึ่งในปี 2003 หลังเหตุการณ์ 911 เธอได้รับอีเมลจาก Frank Koza เจ้าหน้าที่ระดับสูงใน NSA(National Security Agency) โดยมีคำสั่งให้จับตาดูความเคลื่อนไหวและกระทำการบางอย่างกับประเทศทั้งหกที่ยังไม่มีทีท่าที่ชัดเจนเพื่อกดดันให้พวกเขาลงคะแนนเสียงเห็นชอบให้มีการก่อสงครามในอิรักซึ่งเป็นความประสงค์ของทั้งทางอังกฤษ(Tony Blair) และสหรัฐฯ (George W. Bush)

Katharine (Keira Knightley) รู้สึกว่ารัฐบาลร่วมมือกับสหรัฐฯเพื่อปิดหูปิดตาประชาชนชาวอังกฤษ (อาจรวมไปถึงชาวโลกด้วย) และบิดเบือนความจริงป้ายสีอิรัก เพื่อใช้เป็นข้ออ้างพาประเทศเข้าสู่สงคราม เธอจึงแอบส่งเอกสารนี้ให้กับเพื่อที่เป็นนักเคลื่อนไหวต่อต้านสงครามโดยฉีกต้นขั้วเอกสารทิ้งเพื่อป้องกันการสืบย้อน และเขียนด้านหลังแค่ว่ามันมาจาก Frank Koza และในที่สุดจดหมายฉบับนี้ก็ถึงมือสื่อตามเป้าประสงค์ของเธอถึงแม้ว่ามันจะไม่ทันกาลแล้วก็ตาม

Katharine เป็นแค่เจ้าหน้าที่ตัวเล็กๆคนหนึ่งที่ทำหน้าที่แค่แปลภาษา และถอดความคลิปเสียง มีสามีที่เป็นผู้ลี้ภัยชาวเคิร์ดที่เป็นมุสลิมซึ่งยังไม่มีสถานะเป็นพลเมืองของประเทศนี้อย่างชัดเจน ดังนั้นการสืบสวนจึงมุ่งเป้าไปว่าเธออาจจะเป็นสายลับหรือ ทำงานจากคำสั่งใครบางคน ทั้งๆที่เธอมีเพียงเจตนาที่จะให้ประชาชนได้รับรู้ความจริง และหยุดยั้งการเกิดสงครามก็ตาม หลายคนในแผนกของเธอต่างก็รู้สึกเช่นเดียวกันเพียงแต่ไม่มีใครกล้าต่อกรกับรัฐบาล เพราะมันอาจจะนำพาความเดือดร้อนมาสู่ตนเองและครอบครัวได้ในที่สุด

หนังแสดงให้เห็นถึงวิธีการทำงานของสื่อในอังกฤษ รวมถึงวิธีทางกระบวนการยุติธรรมที่ Katharine ต้องเจอ โดยเนื้อแท้แล้วเธอก็ไม่ได้เป็นบุคคลประเภทกล้าหาญพร้อมทำการใหญ่เป็นนิสัย สังเกตได้จากแววตาที่แสดงออกถึงความขลาดกลัวรวมถึงพฤติกรรมลนๆที่แสดงพิรุธ ทำให้เห็นว่าเธอยังมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอยู่ซึ่งเคียร่าสามารถถ่ายทอดจุดนี้ออกมาได้เป็นอย่างดี

เหตุการณ์นี้ทำให้เราค้นพบสัจธรรมที่ว่าความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย (ถึงแม้ว่ามันจะทำให้ใครหลายคนเกือบตายหรือตายไปแล้วก็ตาม) และทำให้พบข้อเท็จจริงว่าสื่อที่ดีควรตีแผ่ความจริงและพร้อมที่จะแปรพักตร์ได้เสมอถ้าเจอว่ารัฐบาลทำสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควร ถึงแม้ว่าจะเคยญาติดีกันขนาดไหนก็ตาม เพราะไม่ว่ายังไงประชาชนก็เป็นผู้ตัดสิน และผู้ร้ายก็ต้องแพ้ภัยตนเองไปในที่สุด