#หนอนชาเขียวเกี้ยวนางอาย #โจรสลัดฟันเป็ดน้อย #บัวลอยทับทิมกรอบ
คุยกันได้ในแท็ก #Snook_me ในทวิตได้นะคะ
-----------------------------------------
บรรยากาศในบ้านเงียบมาประมาณ 30 นาทีแล้ว สองพี่น้องนั่งกอดอกมองที่ตรวจครรภ์ ก่อนที่ภพธรจะยกมือขึ้นมานวดขมับตัวเองเบาๆ แล้วพูด
"พี่บอกตลอดใช่มั้ยว่าให้กินยากับป้องกัน"
"ผมรู้"
"แล้วทำไมไม่ทำ? คิดยังไงถึงไม่ให้พี่เขาใส่ถุงวะ! คิดว่าชีวิตเด็กคนนึงมันเลี้ยงง่ายรึไง ถึงเราจะรวย เราจะเรียนจบ มันก็ไม่ได้หมายความว่าแกจะพร้อมเป็นแม่คนนะเว่ย!!" น้ำเสียงของผู้เป็นพี่แสดงถึงความผิดหวังและความโมโห เขาคอยเตือนน้องชายมาตลอด เขาไม่เคยห้ามถ้าอีกคนจะนอนกับใคร แต่ขอแค่ให้รู้จักป้องกันบ้างก็แค่นั้น
แต่น้องเขาก็ไม่ทำ
"...."
"อะตอม"
"ผมแค่มั่นใจ..มั่นใจว่าเขาคงรักผม มั่นใจว่าในอนาคตเราคงได้อยู่ด้วยกัน และมั่นใจว่ามันคงไม่ท้องหรอก" เด็กหนุ่มตอบอย่างอัดอั้น แก้มกลมแดงขึ้นจากเลือดที่สูบฉีดไปทั่วหน้า เขารู้สึกผิดและละอายอยู่เต็มอก ชนกันต์ที่เคยมั่นใจ บัดนี้กลับก้มหน้าไม่สบสายตาคนเป็นพี่เลยแม้แต่น้อย
"ผมคิดผิด" ชนกันต์ตอบแล้วค่อยๆเงยหน้ามองอีกคน ใบหน้าที่เคยสดใสกลับปรากฎเหลือเพียงความเศร้าหม่น
"พี่ตู่"
"..."
"ผมขอโทษฮะ" พูดจบ ชายหนุ่มที่เคยมั่นใจในตัวเองตลอดเวลากลับร้องไห้อย่างไม่อายสายตาใคร พี่ชายต่างสายเลือดค่อยๆลุกขึ้นแล้วเดินไปจับหัวทุยๆของน้องตัวเองมาซบ บรรยากาศในห้องกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง หลงเหลือเพียงเสียงสะอื้นและเสียงปลอบโยนจากปากพี่ชายที่ชื่อว่า ภพธร
ต่อให้เข้มแข็งแค่ไหน ใครๆก็ร้องไห้เป็น
ต่อให้เก่งแค่ไหน ใครๆก็เคยผิดพลาด
---------------------------------------------
"ชั้นไม่ได้ทำ" เสียงผู้เป็นน้าตอบชายหนุ่มที่นั่งไขว่ห้างอยู่ที่โต๊ะทำงานของตัวเอง
"แกจะมาหาว่าชั้นไปจ้างให้เด็กนั่นออกจากชีวิตแกไม่ได้ แกจะคบกับใครก็เรื่องของแกสิ"
"เหรอครับ คุณน้าใจดีจริงๆ" รณเดชพูดนิ่งๆพร้อมกับยกถ้วยกาแฟขึ้นดื่ม
"นี่แกประชดชั้นอย่างนั้นเหรอ?" น้าสาวกำมือแน่นเพื่อระบายความโกรธ ส่วนหลานตรงหน้าก็ไม่ได้มีท่าทางสะทกสะท้านใดๆเลยแม้แต่น้อย
"อะไรทำให้คุณน้าคิดแบบนั้นล่ะครับ?"
"แกกำลังยั่วโมโหชั้นนะแหนม"
"เอาเถอะครับ ที่ผมเรียกคุณน้ามาก็เพื่อยืนยันว่าผมจะคบหากับธนนท์ ทันทีที่ผมกับเขามีลูก ธนนท์จะย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านในฐานะภรรยาของผม" รณเดชวางถ้วยกาแฟ ลุกขึ้นแล้วจัดเสื้อสูทของตัวเองให้เข้าที่ ก่อนจะเดินสวนออกไปอีกทาง
"อ้อ แล้วคุณน้าก็ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินนะครับ ผมมีปัญญาเลี้ยงดูคุณน้าให้สบายไปตลอดชีวิตได้โดยที่คุณน้าไม่ต้องลำบากทำงานในบริษัทแล้วล่ะครับ" ร่างสูงยกยิ้ม ปล่อยให้น้าของตัวเองยืนอึ้งอย่างไม่เชื่อหู
ใช่ เธอถูกไล่ออก
ไอ้หลานสารเลว!
"ท่านครับ ยาฮฮร์โมนที่สั่งไว้พร้อมแล้วนะครับ วิธีใช้อยู่ในซอง" บอดี้การ์ดคนหนึ่งพูดอย่างนอบน้อมแล้วยื่นถุงกระดาษสีขาวให้กับเจ้านายของตนเองที่นั่งอยู่ด้านหลังของรถ รณเดชยิ้มขอบคุณแล้วรับมาเปิดอ่าน
"แล้วอาหารที่ให้นนท์ทานล่ะ?"
"ผมให้แม่บ้านผสมยาไปแล้วครับ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด คืนนี้ก็ได้ผลเลยครับ" บอดี้การ์ดตอบแล้วหันไปมองเส้นทางเดิมของตัวเอง
---------------------------------------------
ว่าน : ตกลงพรุ่งนี้เจอกันกี่โมง
เสียงข้อความดังขึ้นเรียกให้ภพธรหยิบมือถือมาเปิดอ่านหลังจากที่เขาพาอะตอมไปพักผ่อน เนื่องจากอีกคนร้องไห้จนหลับไป
ตู่ : ผมว่าตอนเย็นผมไปไม่ได้แล้วล่ะ พอดีอะตอมมีเรื่องนิดหน่อย
ว่าน : ให้ผมไปหาพี่มั้ย
ตู่ : ไม่เอา หอคุณไกลจะบ้านผมจะตาย เปลือง
ว่าน : ไม่เปลืองหรอก ผมปั่นจักรยานไปหาได้
ตู่ : จะบ้าเหรอ ตะคริวกินน่องคุณพอดี นั่งแท็กซี่มาแล้วเก็บเงินปลายทางก็ได้น่า
ว่าน : ผมก็ไม่ได้จนขนาดนั้นปะวะ
ตู่ : จะขึ้นวะทำไม ผมไม่ได้ว่าคุณจน ปกติผมก็ออกค่าเดินทางให้คุณอยู่แล้วนี่
ว่าน : ต่อไปก็ไม่ต้องออกให้ผมดิ ผมก็มีเงินจ่าย ผมไม่ได้จนขนาดที่พี่ต้องมาเลี้ยงผมตลอดเวลานะ
ตู่ : ผมรู้ว่าคุณไม่ได้จนแล้วก็ไม่ได้หาว่าคุณจนด้วย จะโมโหทำไมเนี่ย
ว่าน : ไม่ได้โมโห พี่พักเหอะ ฝันดี
ภพธรถอนหายใจเบาๆแล้วกดพิมพ์ตอบอีกคนไป พลางอดนึกไม่ได้ว่าทำไมวันนี้แฟนเขาถึงดูนอยด์เรื่องค่าใช้จ่ายมากขนาดนั้น เพราะที่ผ่านมาค่าข้าวก็ช่วยกันหาร ค่าเดินทางเขาก็เป็นคนออกให้เพราะธนกฤตต้องใช้เงินเช่าหอ ซื้อเลนส์กล้อง จ่ายค่าไฟค่าเน็ตอีก ที่สำคัญแค่ค่าเดินทางไม่กี่สิบบาทไม่ได้สะเทือนเงินในบัญชีเขาสักเท่าไหร่หรอก
แต่กว่าจะนึกอะไรได้มากกว่านี้ ภพธรก็ผลอยหลับไปด้วยความเหนื่อยจากความเครียด ทั้งเรื่องงานและทั้งเรื่องน้องชายของเขาอีก
เก็บเรื่องเครียดไว้คิดต่อพรุ่งนี้ละกัน
----------------------------------------------
เสียงประตูเปิดขึ้นปรากฎชายในชุดสูทเดินเข้ามาเรียกให้เด็กหนุ่มที่นั่งกอดเข่าดูทีวีอยู่หันไปมอง ธนนท์ยังเป็นเด็กดี ไม่ได้ดิ้นรนหาทางออกเหมือนเมื่อเช้า เพราะเขารู้ดีว่าถึงพยายามยังไงก็หนีไม่พ้น
ที่สำคัญเขาเชื่อใจรณเดช
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยชอบโซ่ที่ห้อยขาอยู่ก็เถอะ
"เรารู้ใช่มั้ยว่าพี่เป็นอัลฟ่า" รณเดชนั่งลงบนเตียงแล้วถาม ธนนท์พยักหน้าตอบช้าๆ
"ครับ พี่ตู่เคยเล่ามา แต่ปกติคนที่เป็นอัลฟ่าเขาจะคบกับคนที่เป็นโอเมก้าไม่ใช่เหรอครับ แต่ผมไม่ได้เป็น...." เด็กหนุ่มกำลังจะอ้าปากถามต่อแต่ก็ถูกอีกแทรกไว้
"ถ้างั้นพี่ถามอะไรอย่างนึงสิ"
"..."
"ถ้าการมีลูกเป็นทางเดียวที่จะทำให้เราอยู่ด้วยกันได้..." รณเดชเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะถามต่อ
"เราอยากมีลูกกับพี่มั้ย?"
----------------------------------------------
อนุวัฒน์ยืนมองกรุงเทพมหานครยามค่ำคืนจากคอนโดชั้นสูงด้วยความว่างเปล่า กี่วันแล้วที่เขาไม่ได้ติดต่อไปหาชนกันต์ ตอนนี้อะตอมจะลืมเขาแล้วไปรึยังก็ไม่รู้
ปากดีซะเปล่า แค่ง้อคนที่ตัวเองชอบยังไม่กล้า
"คิดถึงชิบหาย" ร่างสูงพูดออกมาพลางยีผมตัวเองแล้วเดินกลับไปที่เตียงเพื่อคิดหาวิธีง้อชนกันต์
ง้อยังไงดีวะ ถ้าทักไลน์ไป แล้วเขาบล็อกไลน์กูไปแล้วล่ะ
ถ้าไปหาที่บ้าน พี่เขาจะเอาน้ำร้อนมาสาดปะวะ
ถ้าไปดักเจอ เขาจะยอมคุยเหรอ
ที่ตอนนั้นเขาไม่กล้าตอบคนตัวเล็กไปเพราะไม่รู้ว่าจะพูดออกไปยังไง
จะยืนยันยังไงให้อีกคนเชื่อว่าเขาไม่ได้มองชนกันต์เป็นของเล่นเหมือนกับคนอื่นๆ
หรือเขาต้องยอมลองหน้าด้านไปหา แม้ว่าอีกคนจะด่าเขาหรือทำเป็นไม่สนใจน่ะเหรอ
ถึงตอนนี้อีกคนอาจจะยังไม่ให้อภัยเขา แต่เขาขอแค่อย่างเดียว
อย่าเพิ่งไปคบกับใครนะ อะตอม
----------------------------------------------
มือขาวที่เห็นเส้นเลือดเขียวบางๆบนหลังมือกำลังสอดประสานหรือกบ่าวในอีกมุมหนึ่งว่ากำลังตรึงมือเรียวสีแทนของคนที่อยู่ด้านล่างให้อยู่นิ่ง พลางก้มลงขบบริเวณคอเนียนเพื่อระบายฮอร์โมนที่กำลังพลุ่งพล่านจนร้อนระอุ
แน่นอนว่าเขาสองคนไม่ได้มีเซ็กส์กันมาพักใหญ่แล้ว แถมเด็กหนุ่มก็ไม่ได้ไปนอนกับใครทำให้ช่วงล่างคับแน่นและเสียดสีเจ็บจนคนที่ถูกกระทำต้องพยายามเม้มปาก ไม่อย่างนั้นคนทั้งชั้นตึกคงได้ยินเสียงเขาเป็นแน่ แค่เสียงเตียงที่ขยับกระแทกพื้นปูนก็ดังมากพอที่จะทำให้คนภายนอกเดาได้ว่ามีใครกำลังทำอะไรภายในห้องนอน
"อย่าเม้มปากสิ เดี๋ยวเป็นลมนะ" คนอายุมากกว่าเลื่อนมือไปลูบริมฝีปากอีกคนอย่างแผ่วเบาแล้วบังคับให้อีกฝ่ายเผยอปากออกมาเพื่อหายใจ ซึ่งเขาก็ทำตามอย่างว่าง่าย
ธนนท์ไม่รู้หรอกว่าอีกคนเอายาอะไรให้เขากิน ไม่รู้ด้วยว่าทำไมถึงตอบตกลงออกไปแบบนั้น แต่ส่วนลึกในจิตใจเขาแค่รู้สึกว่าอีกคนไม่ได้โกหก เหมือนที่ผู้ชายหลายคนหลอกผู้หญิงเพื่อหวังมีเซ็กส์เท่านั้น
และเขาก็คิดถูก
เขาเป็นหนึ่งในคนที่ได้พบกับรักแท้จริงๆเสียที
"อ..อา พี่แ..อื้อ ฮือ เจ็..บ" เสียงร้องครางหลุดออกมาจากปากเด็กตัวสูงอย่างแผ่วเบา เขากำผ้าปูที่นอนแน่นเพื่อหวังจะระบายความเจ็บ กลิ่นหอมอ่อนๆกระจายไปทั่วห้องทำเขารู้สึกเวียนหัวแต่ก็เคลิบเคลิ้มจนสติแทบจะหายไปเช่นกัน
"มันยังแน่นอยู่ อดทนอีกนิดนะ" รณเดชตอบพลางลูบผมอีกคนแล้วกดจูบที่แก้มพร้อมกับเริ่มขยับตัวเข้าออกอย่างเชื่องช้า แน่นอนว่ามันต้องเจ็บเป็นธรรมดา ก็ในเมื่อของๆเขามันพองตัวเต็มที่ขนาดนี้
เขาพอจำได้ว่า 'จุด' ของธนนท์มันอยู่แถวๆนี้นี่นา
"อา...อึ๊" จู่ๆภายในตัวอีกคนก็รัดของๆเขาซะแน่น แถมเด็กหนุ่มก็เงียบสนิทเหมือนพยายามเม้มปากตัวเองอีกครั้ง แผ่นหลังบางสั่นระริกและแดงก่ำจากเลือดที่สูบฉีด ผิวแทนอมชมพูคล้ายสีกุหลาบดึงดูดให้รณเดชก้มลงจูบเม้มจนเจ้าตัวสะดุ้ง ก่อนจะเริ่มบดเบียดความเป็นชายของตัวเองเข้าไปจนมิดลำ
ตรงนี้สินะ
เสียงหอบหนักดังขึ้นตามแรงจังหวะที่คนด้านบนมอบให้ ความร้อนวาบโอบเอาธนนท์แทบสิ้นสติ แขนหนาจับข้อมือบางสองข้างให้มั่นแล้วเริ่มทำตามใจตัวเองจนคนที่อยู่ภายใต้อำนาจร้องครางหาความเห็นใจทั้งน้ำตาจากอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน รณเดชเลื่อนมือไปจับที่ข้อศอกทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มแล้วจับดึงเข้ามาหาตัวเองทำให้ช่วงบนของธนนท์ยกขนานตั้งฉากกับเตียง ก่อนจะขยับกระแทกจนอีกคนตัวสั่นคลอน เสียงหวานและเสียงเนื้อกระทบกันดังลั่นก้องไปทั่วห้องอย่างไม่อาย ชายหนุ่มอายุ22ใกล้ถึงฝั่งฝันเต็มที หากแต่มือของเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลยเนื่องจากถูกจับดึงไปทางด้านหลัง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็สำเร็จได้โดยที่ไม่ต้องใช้มือด้วยซ้ำ
"ฮืออ พี่ฮะ อ๊ะ ผ..ผม จะเสร็.." ความร้อนอุ่นเลอะไปทั่วเตียงพร้อมกับร่างที่ล้มลงหอบอย่างเหนื่อยอ่อน 'สิ่งนั้น'ยังพองโตอยู่ภายในตัวเขาและยังไม่มีท่าทีจะผ่อนลงเลยแม้แต่น้อย
"หลับแล้วเหรอนนท์?"
"แฮ่ก พี่.. ผม ขอพักแปปนึงได้มั้ย" นนท์ถามพร้อมกับหอบหายใจด้วยความเหนื่อยจนหน้าแดง คนด้านบนเห็นดังนั้นก็หัวเราะเบาๆ
"พี่ยังไม่เสร็จสักรอบเลยนะ อย่างน้อยพี่ต้องเสร็จสัก2รอบเพื่อความชัวร์ว่าเราจะท้องสิ" แหนมยิ้มแล้วพูดตามตรงพร้อมกับยกตัวอีกคนขึ้นโดยไม่สนใจเสียงบ่นงอแงว่าอยากจะพักสักรอบก่อนของเด็กตัวสูงจนชายอายุมากกว่าต้องจูบปิดปากไปหลายทีพร้อมกับพูดอ้อนจนเด็กหนุ่มใจอ่อน ประโยคธรรมดาที่ทำเอาคนฟังหลอมละลายคาอ้อมแขนจนไม่อาจหนีไปไหนได้อีกต่อไป
"อยู่กับพี่นะนนท์"
เอาเข้าจริง ธนนท์ก็อดคิดสงสัยไม่ได้ว่า อีกฝ่ายคงลักพาตัวเขามาเพื่อ 'ฆ่า' จริงๆน่ะแหละ
แต่อาจจะใช้เวลาฆ่านานหน่อยก็เท่านั้น
อาจจะทั้งคืน
ไม่ก็ตลอดไป
Tbc
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in