#อ่านจบแล้ว
นักสืบอาคม โดย จเด็จ กำจรเดช
นักสืบฝึกหัดไปสืบคดีในวัดที่มีเจ้าอาวาสรับจัดกระดูก รูปปั้นปีศาจ และเรือพระ...
นักสืบอาคม ของ คุณจเด็จ กำจรเดช เล่มนนี้มีเสน่ห์ความน่าสนใจตรงที่ 'การเล่าเรื่อง' และ 'พล็อต'
เรื่องนี้เปิดบทมาด้วยไคลแม็กซ์ ที่ตอนแรกเราอาจจะดูงงงวยว่าเกิดอะไรขึ้น
ทว่าเมื่อเปิดในหน้าต่อ ๆ ไป ตัวละครผู้เป็นผู้ดำเนินเรื่องจะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้เราได้ฟัง
'การเล่าเรื่อง' เป็นเสน่ห์ข้อแรกที่ทำให้หนังสือน่าสนใจ เพราะเล่มนี้เล่าผ่านมุมมองตัวละครที่ที่ยิ่งไปกว่าแค่การมองเห็น แต่ลึกลงไปถึงความนึกคิดต่อสิ่งเหล่านั้น มีคนเรียกการเล่าเรื่องแบบนี้ว่า 'กระแสสำนึก'
ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ นอกจากจะเป็นมุมมองในห้วงเวลาที่ตัวละครยังมีชีวิต ห้วงเวลาที่เขาคิดว่าเขากำลังจะตาย และจิตออกจากร่าง และมองดูร่างที่ถูกกระทำอยู่นั้นก็เป็นส่วนหนึ่งในมุมมองของความคิดเขา--ความคิดซึ่งถูกถ่ายทอดออกมาเป็นบทบรรยายและขับเคลื่อนเรื่องราว ตรงส่วนนี้เป็นส่วนที่เราคิดว่าหนังสือเล่มนี้ทำให้เราว้าว คิดว่าน่าสนใจและอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ นักอ่านได้ลองอ่าน
ในส่วนของ 'พล็อต' เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของ 'อาคม'นักสืบ(ฝึกหัด) ที่พึ่งประสบอุบัติเหตุ แต่มีงานต้องเข้าไปสืบเรื่องราวไม่ชอบมาพากลในวัดแห่งหนึ่ง ซึ่งเจ้าอาวาสวัดเป็นหมอรักษากระดูก--จัดกระดูก--ด้วยวิธีลึกลับ ที่วัดเต็มไปด้วยรูปปั้นปีศาจ เขาต้องเข้าไปสืบหาอะไรบางอย่างที่เขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่าต้องสืบหาอะไร ในขณะที่ภายในวัดมีแต่สิ่งที่น่าสงสัยทั้ง เจ้าอาวาสวัด ช่างทำเรือพระที่มาพร้อมลูกชายและลูกสาว ผู้ป่วยที่มารักษาและผู้ใหญ่บ้านผู้คอยระแวงสงสัยในตัวอาคม
การเข้าไปสืบเสาะหาความจริงภายใต้พื้นที่ที่ถูกทำให้คลุมเครือด้วยความลึกลับและไสยศาสตร์ ทำให้เรื่องราวภายในหนังสือเรื่องนี้น่าติดตาม ยิ่งเรื่องราวน่าตื่นเต้น ยิ่งลุ้น กว่าจะรู้ตัวเราจะพบว่าหนังสือเล่มนี้ได้มาถึงตอนจบโดยที่เราไม่ทันได้รู้ตัว
ส่วนตัวเราชอบเรื่องนี้
เพราะในการอ่านหนังสือเล่มหนึ่งจบลงไปแล้ว การหวนคิดถึงเนื้อหา ตัวละคร เรื่องราว พล็อต หรือปมต่าง ๆ ที่ได้ตามมาหลังจากนั้น ระยะเวลาที่หากยาวนานมากแค่ไหน จะเป็นตัวบ่งบอกถึงความติดตรึงในความทรงจำของเรากับหนังสือเล่มนั้น ๆ เราเรียกอาการของเรานี้ว่า 'อาฟเตอร์เอฟเฟค' ซึ่งก็เ็นการเรียกเอาเองของเรา
เรานี้ทำเราคิดถึงปมปริศนาต่าง ๆ ได้ต่อมากมาย ส่วนหนึ่งเราคิดว่าเพราะการเล่าและเรื่องราวที่ดูเหมือนจะจบแต่มีบางอย่างที่เราก็คิดว่ามันยังไม่จบ มันจึงเป็นเรื่องราวที่ทำให้เราชอบเรื่องนี้
ยิ่งหนังสือเล่มไหนทำให้เราได้ขบคิดได้มาก อาจจะคิดเล่น ๆ หรือคิดจริงจัง หนังสือเล่มนั้นจะเป็นหนังสือที่เราค่อนข้างชอบ
ถ้าถามเรื่องนี้ให้อะไร หนังสือเล่มนี้ให้สิ่งที่เราหวนรับรู้ถึง ประเด็นการค้ามนุษย์และประเด็นโรฮิงญาอีกครั้ง ประเด็นที่เคยเป็นข่าวในประเทศไทยเมื่อหลายปีก่อน--ข่าวดังมาก--แล้วตอนนี้กลับเป็นเรื่องราวที่เงียบหายเข้ากลีบเมฆไปอย่างไร้ร่องรอย ราวกับว่าพวกเขาได้ล่องทะเลหายไปอย่างลึกลับ--ทั้งที่ความจริงอาจจะไม่ใช่--มันเป็นประเด็นการเมืองที่สำคัญอีกประเด็นหนึ่ง ที่เมื่อเราไม่ได้อยู่นแวดวงที่สนใจ เรากลับลืมเลือน หนังสือเล่มนี้ทำให้เราหวนคิดถึงเรื่องนั้นได้อีกครั้ง
ส่วนสุดท้ายหากถามหนังสือเรื่องนี้เหมาะกับใคร เราว่าเล่มนี้เหมาะสำหรับใครก็ตามที่ชอบ วรรณกรรมเยาวชน นิยายแนวสืบสวน หรือนิยายที่ดำเนินเรื่องราวด้วยตัวละคร เด็กหนุ่มวัยรุ่น เพราะเรื่องนี้จะรู้สึกว่าตัวละครแอบแกล้งคนอ่านประมาณว่าจะแอบแง้มบอกเรื่องราว แต่ไม่ เปลี่ยนใจขออุบไว้ก่อน ตัวละครเล่าเรื่องแบบนั้น เป็นตัวละครที่อยู่ระหว่างกวน ๆ กับน่าตบให้หัวทิ่ม 'อาคม' มีลักษณะแบบนั้น
สำหรับคนอีกประเภทที่เราว่าเล่มนี้เหมาะสำหรับคุณคือ ใครที่กำลังหาเรื่องราวงานเขียนนิยายที่มีพล็อตที่แปลก ๆ เรื่องนี้จะทำให้คุณอ่านแล้วติดหนึบ
ตรงกันข้ามที่เรื่องนี้ไม่เหมาะสำหรับใคร เราคิดว่า ใครที่ต้องการอ่านหนังสือที่มีบทจบอย่างสวยงาม จบเคลียร์แบบไม่ต้องคิดอะไรต่อ จบแบบจบจริงๆ เรื่องนี้อาจจะทำให้คุณขัดใจในตอนจบ.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in