หากใครรู้จักหนัง Chungking Express (1994) ของผู้กำกับ Wong Kar-wai ผู้กำกับหนังที่มีลายเซ็นในด้านความเปลี่ยวเหงา ความอ้างว้างที่ชัดเจน เมื่อได้ยินชื่อหนังสือ 'จุงกิง เซ็กซ์เพรส' เล่มนี้ของคุณอนุสรณ์ ติปยานนท์ ก็คงเกิดคำถามขึ้นมาว่า เกี่ยวข้องกันหรือไม่
ซึ่งคำถามนั้นนักเขียนก็ไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนดังบทคำนำของผู้เขียนที่อธิบายว่า ‘จุงกิง’ ในความทรงจำของผู้เขียน เป็นเพียงถ้อยคำที่กล่าวถึง ‘จุงกิง’ ในบทกวีเหมาเจ๋อตงเท่านั้น แต่หากจะมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับหนังของผู้กำกับหว่องการ์ไว ก็คงเป็นความเปลี่ยวเหงาในงานเขียนของเขาที่เป็นไปในแบบเดียวกัน
ถึงตรงนี้นักอ่านผู้เคยได้ติดตามผลงานของคุณอนุสรณ์ ติปยานนท์ หรือไม่ได้ติดตามมาก่อน ก็คงจะพอเดาออกว่าเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้มี ‘ความเปลี่ยวเหงา ความอ้างว้าง’ เป็นองค์ประกอบหลักของรสชาติในหนังสือเล่มนี้
‘จุงกิง เซ็กซ์เพรส โดย อนุสรณ์ ติปยานนท์’ เป็นนิยายสั้น ขนาด 126 หน้า ที่บอกเล่าเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่เดินทางนั่งรถไฟสายเหนือไปตามหาโรงแรมจุงกิง ซึ่งเป็นโรงแรมที่ปรากฏในความฝันของเขาพร้อมหญิงสาวคนหนึ่ง เขาฝันถึงสถานที่แห่งนั้นซ้ำไปซ้ำมาจนคิดว่าภาพในความฝันเหล่านั้นเป็นเศษเสี้ยวความทรงจำในอดีตของเขา ด้วยเหตุนี้ผู้ชายคนนี้จึงสืบเสาะหาข้อมูลจนกระทั่งทราบว่า โรงแรมจุงกิงเอ็กเพรส เป็นโรงแรมแห่งหนึ่งในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง โรงแรมแห่งนี้เป็นสถานที่รับรองทหารชาวญี่ปุ่นที่ต้องการผู้หญิงมาดับความกำหนัดของตนเอง
ชายหนุ่มคนนี้ตามหาโรงแรงจุงกิงอยู่นาน กระทั่งพบอาคารที่มีโครงสร้างคล้ายกับโรงแรมในอดีต อีกทั้งเขาค้นพบห้องที่เขาฝันว่าเขาเคยได้ร่วมหลับนอนกับผู้หญิงในความฝัน ทว่าสิ่งที่แตกต่างไปจากที่เขาพบคือสภาพห้องนั้นมีคราบเกรอะกรังและกลิ่นเลือดซึ่งเป็นปริศนาว่าเกิดอะไรขึ้นกับสถานที่แห่งนี้ในอดีต
เรื่องราวในนิยายสั้นเรื่องนี้มีความน่าสนใจทั้งตัวพล็อตและการดำเนินเรื่องต่าง ๆ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เนื่องจากผู้เขียนใช้กลวิธีสลับเรื่องราว เขาเขียนเล่าเหตุการณ์ปัจจุบันสลับกับเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้นที่โรงแรมจุงกิง โดยมีตัวละครสำคัญได้แก่ หนึ่งหญิงสาวแห่งโรงแรมจุงกิง หนึ่งนายพันผู้มามาร่วมหลับนอนกับหญิงสาวและหนึ่งสายลับนักฆ่า
หลังจากอ่านเล่มนี้จบเราที่เคยได้อ่าน 'ลอนดอนกับความลับในรอยจูบ' ของคุณอนุสรณ์ ติปยานนท์ มาแล้วก็รู้สึกว่าภาษาบรรยายของคุณอนุสรณ์ยังคงเป็นเอกลัษณ์ ความแปลกแหวกแนวแต่พาเราเพลินไปกับถ้อยคำและประโยคในหนังสือ เราชอบบทบรรยายที่ใช้ตัวละครแต่ละตัวเป็นผู้เล่าเรื่องราว เมื่อสลับตัวละครก็จะมองเห็นมุมมองประสบการณ์ชีวิตของตัวละครที่แตกต่างกัน นอกจากนั้นผู้เขียนยังพยายามแทรกบทบรรบายที่เล่าถึงเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่สอง ทั้งเหตุการณ์มุมมองฝั่งรัฐบาลประเทศไทยที่ถูกญี่ปุ่นกดดัน และในบางส่วนของมุมมองรัฐบาลญี่ปุ่น
เราอ่านเรื่องนี้แล้วเกิดคำถามขึ้นในใจว่านี่มีเค้าโครงจากความจริงมากน้อยแค่ไหน มีโรงแรมจุงกิงอยู่ที่จังหวัดลำปางจริง ๆ หรือไม่ เราได้แต่ตั้งคำถามในใจ สิ่งที่เราพบในช่วงเวลาไม่นานนี้ คือการที่เราได้ดูหนังเกาหลีเรื่อง I can speak (2017) หนังว่าด้วยเรื่องของหญิงชราชายเกาหลีผู้เคยถูกจับไปเป็น Comfort Women (หญิงบำเรอ) ของทหารญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งเธอพยายามฝึกเรียนรู้และพูดภาษาอังกฤษเพื่อเธอจะได้นำเรื่องราวความโหดร้ายที่เธอพบเจอได้บอกเล่าจากปากของเธอเองให้ประชาคมได้ฟัง
หนังสือของคุณอนุสรณ์ ติปยานนท์เล่มนี้สำหรับเราไม่ได้เป็นเพียงนวนิยายเล่มหนึ่ง แต่ทำให้เรารับรู้ถึงเรื่องราวบางอย่างและได้ฉุกคิดในช่วงเวลาสั้น ๆ ถึงเรื่องราวในประวัติศาสตร์ ที่พาเราค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมและได้พบสิ่งที่เกิดขึ้นและอยู่นอกเหนือเรื่องราวในตำราเรียนที่สอนเพียงประเทศอะไรรบกับประเทศอะไรในสงคราม ทว่าเราได้เห็น ได้รับรู้เรื่องราวของผลกระทบจากเหตุการณ์สงคราม เรื่องราวที่อยู่ในเงามืดและผู้เขียนประวัติศาสตร์พยายามจะซ่อนมันให้เป็นเพียงอดีตอันน่าอับอาย
สุดท้ายหนังสือเล่มนี้น่าอ่านสำหรับใคร เราขอแบ่งเป็นสองประเภทผู้อ่าน หนึ่งคือผู้อ่านที่อยากอ่านหนังสือที่มีความแปลกใหม่ รสชาติของเนื้อหาเล่มนี้เปรียบเหมือนนิยายที่มีรสชาติของความลึกลับซับซ้อน มีปริศนาที่น่าติดตามและบทไคลแมกซ์ บทจบที่อ่านแล้วต้องร้องว้าว อีกประเภทหนึ่งคือผู้ที่อยากอ่านอินไซด์ทางประวัติศาสตร์ หนังสือเล่มนี้แม้เป็นนิยายที่อ่านแล้วชวนให้เกิดความสงสัยและอยากขุดคุ้ยประวัติศาสตร์ หนังสือเล่มนี้เป็นแรงกระตุ้นผู้อ่านได้อ่านดี
ในทางตรงกันข้ามหนังสือเล่มนี้จะไม่ถูกจริตกับใครนั้น เราเดาว่าใครที่ไม่ชอบบทบรรยายยาว ๆ (ซึ่งหนังสือเล่มนี้ก็ไม่ยาวเท่าไหร่) แต่บางครั้งบทพูดตัวละครในเรื่องก็ถูกกลืนไปกับบทบรรยายภายในเรื่อง ดังนั้นหากใครสามารถหลับตาข้างเดียวมองข้ามจุดที่ไม่ชอบตรงนี้ไปได้ เราขอแนะนำให้คุณอ่านหนังสือเล่มนี้.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in