เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
what i'm listeningthefirstofmine
GIGs No.05: Mangosteen Music Festival: Detour


  • เรากลับมาแล้ว หลังจากหายหน้าหายตาไปนาน วันนี้เราจะมาเล่าเรื่องราวกับการไปงานเฟสติวัลที่ Mangosteen Music Festival เป็นผู้จัด โดยงานนี้มีทั้ง Kodaline, Fickle Friends, Sunset Rollercoaster, Phum Viphurit และ Polycat มาร่วมแสดง ครั้งนี้จัดงานกันที่ไบเทคบางนา ตั้งแต่เวลา 17.00 - 00.00 น. 

    รีวิวรวมๆ ฉบับสั้นๆ
         ทุกวงคือเจ๋งสุดๆ ออแกไนซ์จัดรอบนี้สู้รอบ Wolf Alice ไม่ได้เลย อาหารการกินเยอะดี เลือกไม่ถูก แต่ที่นั่งน้อยไปหน่อย คนในงานบางคนคือไม่ทำตามกฎที่ MMF กำหนดเอาไว้ สนุกแต่เหนื่อยคน ประทับใจ

    เป็นงานแรกที่ยืนเกือบ 7 ชั่วโมง ขนาดไปงาน Maho Rasop ยังไม่ได้ยืนติดๆ กันนานขนาดนี้เลยนะ!!!



  • เราจะมารีวิวจริงจังละนะ 

    เราไปถึงงานประมาณ 16.30 น. มีพิธีกรพูดเรียกแขกอยู่ โซนด้านนอกมีคนต่อคิวเพื่อเข้าด้านในอยู่จำนวนหนึ่ง มีบูทเบียร์ให้ดื่มกันระหว่างรอ ประตูจะเปิดให้เข้าตอน 17.00 น. ก็ตรงเวลาดี ข้างในเป็นโซนอาหาร ที่เขาบอกว่ามีถึง 30 บูท อันนี้ไม่ได้นับนะ แต่ของกินมีให้เลือกกินเยอะดี แต่ที่นั่งน้อยไปหน่อย แบบน้อยมากๆ จำนวนไม่พอกับคนที่มานั่งกินข้าวก่อนเข้าคอนเสิร์ต แต่แอบเซ็งนิดนึง เพราะว่าวงแรกเริ่มตอน 17.30 น. กินข้าวไม่ทันครับ ถ้าปรับให้เข้างานได้ตอน 16.00 น. เพื่อให้เข้าไปกินข้าวกินน้ำก่อนเข้างาน แล้วประตูฮอลล์เปิดตอน 17.00 น. ก็น่าจะโอเคกว่านี้ รอบนี้แม้จะไปเร็วแค่ไหน 30 นาทีก็เลือกของกิน กินข้าวก็ไม่ทันละ



    Polycat

    เราไปไม่ทันช่วงแรกๆ ของโพลี่แคท เพราะกินข้าวอยู่ แล้วเราไม่เคยฟังแบบวงใหญ่ของเขาเลย พอได้มาฟังคือประทับใจสุดๆ แฟนๆ ในฮอลล์ร้องเพลงพร้อมกันหลายเพลงเลย แถมพี่นะแกติดตลก บอกว่าเพลงสุดท้ายของเขาก็คงจะเป็นเพลงไทยเพลงสุดท้ายบนเวทีนี้ (ใช่ครับ ที่เหลือมีแต่เพลงสากลหมดเลย) แล้วก็ฝากบอกแฟนๆ ต่างชาติว่าถ้าชอบเพลงยุค 80 ซินธ์ป๊อปหน่อยๆ อย่าลืมไปฟัง Polycat นะ



    Phum Viphurit

    ต่อไปก็เป็นคิวของตาภูมิแล้ว หนุ่มภูมิขึ้นแสดงเต็มวง พร้อมกับสองสมาชิกใหม่ที่มาเล่นกีตาร์และคีย์บอร์ด (น้องโอเว่นขอลาพักจ้า) ตั้งแต่ภูมิไปทัวร์ต่างประเทศ ก็ยังไม่มีโอกาสได้มาฟังภูมิเล่นสดๆ อีกเลย จนกระทั่งคราวนี้ เวทีนี้ โอ้โห พูดได้คำเดียวว่าภูมิโตขึ้นมาก (ในทางดนตรี) ลูกเล่นต่างๆ กรูฟต่างๆ แล้วเพลงแต่ละเพลงที่หยิบมาเล่น เอามาทำใหม่ ก็เคลิ้มสุดๆ เราชอบความฟังก์หน่อยๆ หวานนิดๆ ทุกอย่างลงตัวมากๆ 





    Sunset Rollercoaster 

    วงไต้หวันที่เราฟังแล้วเราชอบ ติดอยู่อย่างเดียวที่ทำให้เราไม่สามารถฟังเพลงเขาจนจบได้ คือเขาโชว์ท่อนท้ายเยอะมาก แล้วเราไม่ได้เป็นคนที่ชอบฟังท้ายยาวขนาดนั้น สิ่งที่ชอบคือกรูฟเขาดีมากๆ ชอบวิดีโอที่เขาฉายระหว่างเล่นเพลงด้วย ดูเพลิน ฟังเพลิน อยากให้มาไทยอีก งานเพลงเขาดี พูดขอบคุณครับทุกรอบที่เล่นเพลงจบเลย น่ารัก มือแซกโซโฟนก็น่ารัก ยิ้มตลอดเวลา เราชอบมือเพอร์คัชชั่นมาก 




    Fickle Friends 

    น่ารักสุดๆ เป็นสาวคนเดียวในเวทีที่อเลิร์ตมากๆ แงงงง น่ารักสุดๆ ไปเลย หยุดพูดคำว่าน่ารักไม่ได้ ตอนแรกก็ไม่ได้อะไรอยู่หรอก เพลงเขาดี ฟังเพลิน ชอบ แต่พอเขาขึ้นเวทีอะนะ ชุดน่ารัก กระโดดตลอดเลย ดูบ้าพลังดีด้วย บนเวทีมีน้ำเปล่ากับเบียร์ เขาบอกว่ายัง jet lag อยู่ เลยต้องจิบเบียร์ไปด้วยนะ เขาชอบแซวว่าทุกคนพร้อมฟัง Kodaline กันแล้วใช่มั้ย แงงง เรารอฟังเขาอยู่นะ ส่วนสาวแนตตี้ก็อยู่ไม่สุก Fickle Friends คือสุดๆ ของความน่ารัก กระโดดตลอดเวลา วิ่งตลอดเวลา เล่นกับคนดูตลอด แถมกระโดดจากเวทีลงมาหาแฟนๆ ด้วย (แหม เห็นพี่เอลลี่ทำได้เลยทำบ้างใช่มั้ยแนตตี้!!!!) เห็นแล้วใจบางสุดๆ โอเค ซื้อ จะรักกว่าเดิม แงงงงง อยากเจอ อยากกอดเขา สัญญาว่ามาคราวหน้าจะร้องเพลงให้ได้ทุกเพลงเลย กลับมาไทยอีกนะ


    Kodaline

    ปิดท้ายงานเฟสติวัลครั้งนี้ด้วย Kodaline ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ โคตรประทับใจ ทุกอย่างดีมากๆ น่ารักทุกคนเลย เราชอบมากๆ เราชอบการที่เขาเล่นกับแฟนๆ แล้วก็มีแซวด้วยนะว่าพวกเรากรี๊ดกันเก่ง มีแกล้งขยับกีตาร์ เสียงกรี๊ดก็มาละ ทำหลายรอบเลย แล้วมีการบอกให้ช่วยชูมือถือเปิดแฟลชแล้วร้องเพลง The One ด้วยกัน มันเป็นอะไรที่โคตรดี เรารักมากๆ ฟังแล้วจะร้องไห้เลย ส่วนสองเพลงสุดท้ายก็คือ All I Want และ High Hopes เป็นความรู้สึกที่ดีสุดๆ เจ็บแต่ดี ประทับใจ ไม่คิดว่าจะได้ดูสดๆ สักครั้งในชีวิต รักจนไม่รู้จะพูดว่าอะไรแล้ว ร้องไห้ได้ ร้องแล้วเนี่ย ดีใจที่ได้ไปอยู่ในจุดนั้น 





    สรุปสำหรับศิลปินที่มาบนเวทีนี้

         เราโคตรรักเลย ขนาด Sunset Rollercoaster ที่ไม่เคยฟัง เรายังชอบเลย (แม้เวลาฟังปกติจะเลื่อนตอนท้ายไปเพลงใหม่เลยก็ตาม) มันดีมากๆ แล้วก็นักร้องนำสาวยืนหนึ่งของเวทีนี้อย่าง Fickle Friends ก็เอาใจเราไปเลย เหมือนพี่เอลลี่จาก Wolf Alice อะ ฟังเพลง แต่ไม่ได้ชอบมากมาย พอเขาขึ้นเวทีก็เหมือนเราถวายใจให้เขาไปแล้วอะ ภูมิกับโพลี่แคทคือฟังเขาอยู่แล้ว และชอบมากๆ ด้วย การที่ได้เห็นเขายืนอยู่บนเวทีเดียวกันกับ Kodaline เราก็ดีใจแทนเขาแล้วอะ พูดแล้วจะร้องไห้ 
         เราร้องตามทุกเพลงที่เราร้องได้ กรี๊ดบ่อยมาก ชีวิตนี้ไม่เคยกรี๊ดอะไรบ่อยเท่ามาดูคอนเสิร์ตแล้ว และคอนเสิร์ตนี้เป็นคอนเสิร์ตที่เรากรี๊ดบ่อยที่สุด (เพราะมีตั้ง 5 ศิลปินแน่ะ) เราร้องจนสุดเสียง สุดเสียงจริงๆ จนตื่นเช้ามาเสียงเปลี่ยนเลย



  • รีวิวคอนเสิร์ตแล้ว ก็ขอรีวิวออแกไนซ์เซอร์อย่าง Mangosteen Music Festival หน่อยละกัน

         เรารู้สึกว่าเราไม่ประทับใจเท่าไหร่เลย การจัดการเขาไม่ได้ดีเท่างานที่พา Wolf Alice มา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบัตร VIP บัตรเด็กที่อายุมากกว่า 18 และต่ำกว่า 20 ที่ไม่สามารถซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ แล้วก็มาแจ้งให้เด็กไปอยู่อีกโซนหนึ่ง จำกัดพื้นที่เอาไว้ แต่ไม่ได้แจ้งล่วงหน้า มาแจ้งเอาตอนพักเบรกของแต่ละวง คือเด็กมันคงจะไปอยู่โซนข้างหลังหรอก พอเขาได้ที่ดีๆ โซนหน้าๆ แล้ว เขาคงไม่มาแยกไปโซนที่เพิ่งจัดให้หรอก จริงๆ น่าจะแจ้งก่อนซื้อบัตรไปเลย 
         ส่วนเรื่องของเวลาขึ้นแสดง เราว่าจัดได้ดีเลยนะ ตรงเวลาด้วย ไม่เลื่อน ไม่รีบ ไม่ดีเลย์ อันนี้ขอชม แต่น่าจะเปิดให้เข้าโซนอาหารเร็วกว่านี้ เพราะเลือกซื้อของกินกับกินอาหารแค่ 30 นาที ไม่ทันหรอก ถ้าคราวหน้ามีโซนอาหารด้วย ก็อยากให้เปิดเร็วกว่านี้สัก 30 นาที มีเวลา 1 ชั่วโมงในการเลือกซื้อ หาที่นั่ง กินข้าว คนดูจะได้ไม่พลาดโชว์แรก แล้วก็ที่นั่งมันน้อยมากๆ เลย เสียดาย
         MC เรารู้สึกว่างานนี้ก็โอเคนะ แม้จะมีพูดเชิงทะลึ่งนิดๆ (จริงๆ ไม่น่ามีเลย) ถ้าพูดเกี่ยวกับงาน เกี่ยวกับคอนเสิร์ต ความประทับใจ มันน่าจะดีกว่านี้ ไม่ค่อยประทับใจในบางเรื่องเท่าไหร่ แต่ก็ชวนคุยแก้เบื่อได้ดี


  • นอกจากรีวิวออแกไนซ์เซอร์ ก็ขอรีวิวคนเข้างานด้วยนะ เพราะไม่ประทับใจเลย
         1. ทางผู้จัดมีกฎออกมาว่าไม่อนุญาตให้นำกล้องถ่ายรูปทุกชนิดเข้างานมาโดยไม่ได้รับอนุญาต (แน่นอนว่ารวมถึงกล้องฟิล์ม) แต่เราเจอคนเอาเข้างานหลายคนเลย ถ้ามีกฎแล้วไม่ทำตาม ก็มีกฎไว้ทำไม นอกจากถ่ายกล้องฟิล์มแล้วยังเปิดแฟลชอีก โอ้โห ผมถามหน่อยเลย ทำไมทำแบบนี้
         ถ้าผู้จัดจะตรวจกระเป๋า ห้ามเอาร่มพับเข้าแล้ว กล้องถ่ายรูปก็น่าจะเป็นอีกอย่างที่ห้ามจริงๆ จังๆ หน่อยนะ เห็นแล้วหงุดหงิดใจ เพราะเราอยากเอากล้องไปถ่ายรูปมากเลย กล้องมือถือมันห่วย ทางผู้จัดไม่ให้เอาเข้า เราก็ไม่เอาไป แล้วต้องมาเจอคนทำแบบนี้ก็แอบเซ็งเหมือนกันนะ
         2. เรื่องกล้องอีกแล้วครับ อันนี้เราเจอคนที่ยืนอยู่หน้าเรา ยกกล้องมือถืออัดวิดีโอทุกเพลงเลย มันบังเรา เรามองไม่เห็น พอมาเจอคนที่ยกกล้องอัดวิดีโอทุกเพลง เกือบทั้งเพลงก็แอบหงุดหงิด พอบอกเขาว่าเรามองไม่เห็น เขาก็รู้นะ ถามว่าบังหรอ โอ้โห บังสิครับ ตัวก็เท่าๆ กัน คุณยกกล้องสูงขนาดนี้ ใครจะไปมองเห็นวะ
          ไม่ใช่เราไม่อัดวิดีโอนะ เราก็อัด แต่เราไม่ได้ยกกล้องขึ้นเหนือหัว เรายกแค่ตรงหน้าเรา หามุมไม่ได้ก็เบี่ยงเอา และพยายามไม่อัดเยอะด้วย เราเข้าใจนะว่าไปคอนเสิร์ตเดี๋ยวนี้ก็ยกกล้องอัดวิดีโอ ถ่ายรูปกันเป็นเรื่องปกติ แต่คุณไม่ได้ดูคนเดียวนะเว้ย ยกอัดได้ แต่ไม่ใช่ทั้งเพลง
         3. คนดื่มเบียร์ คุณดื่มเบียร์ไม่ผิด เราไม่ได้จะว่าคนดื่มเบียร์ในคอนเสิร์ต แต่เราอยากบ่นคนที่ดื่มเบียร์แล้วไม่รับผิดชอบแก้วของตัวเอง คุณดื่มเบียร์ แต่คุณดื่มแล้ววางไว้ที่พื้น ไม่เก็บไปด้วย หรือยังดื่มไม่หมด แต่อยากสนุกกับคอนเสิร์ตตรงหน้า วางแก้วไว้แล้วลืม ไม่เก็บไป ขยับตัวไปไหนแล้วก็ไม่รู้ พอหรี่ไฟลง คนเดินแทรกเข้ามาเยอะขึ้น แก้วเบียร์ที่คุณวางลืมเอาไว้ก็หก กระเด็นใส่คนที่ยืนอยู่ เดินเหยียบแล้วลื่นหรือนั่งไม่ได้ อันนี้ความผิดคุณนะ ที่คุณไม่รับผิิดชอบกับแก้วเบียร์ของตัวเอง มาดูคอนเสิร์ต พื้นที่ส่วนรวม ก็ช่วยกันดูแลของของตัวเองหน่อยสิ
         4. คนคุยในคอนเสิร์ตช่วงที่ตัวเองไม่ได้สนใจโชว์ตรงหน้า ถ้าคุณไม่ชอบหรือไม่ได้สนใจ ก็อย่าคุยกันเสียงดังได้มั้ย เราชอบ เราตั้งใจฟังอยู่ ทำไมต้องให้คนที่อยู่รอบข้างมาหงุดหงิดกับการพูดคุยเสียงดังของคุณล่ะ ถ้าคุยแป๊บเดียว หรือเป็นพักๆ เราจะไม่บ่นเลย แต่คุณตะโกนคุยกันนานมาก นานจนเราต้องหันไปมองเลยนะ ไม่เกรงใจศิลปิน ก็เกรงใจคนรอบข้างหน่อย
         5. สัญญาณอินเตอร์เน็ต ใครใช้ Dtac ก็คงรู้ว่าสัญญาณในพื้นที่ฮอลล์มันห่วยแค่ไหน ห่วยจนพร้อมเปลี่ยนค่ายเลยจ้า


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in