"นายพอจะติววิชาประวัติศาสตร์ให้ฉันหน่อยได้มั้ย"
ไอที่ว่าติวน่ะ คือติวจริงๆไม่มีความหมายอื่นแฝงแถมยังจริงจังเสียด้วย
ตอนนี้เขาและเพื่อนหนุ่มผมทองกำลังนั่งอยู่ในห้องสมุดของโรงเรียน
เมื่อช่วงพักกลางวันอัลบัสเดินไปหาอาเบอร์ฟอร์ธเพื่อบอกว่าวันนี้เขาคงไม่ได้กลับด้วยและไม่ลืมที่จะย้ำกับน้องชายว่า
ภายในห้องสมุดมีนักเรียนอยู่กันเพียงไม่กี่คนพวกเขาทั้งคู่เลือกนั่งที่โซนด้านหลังของห้องเสียงของเครื่องปรับอาการขนาดใหญ่กำลังแข่งกับเสียงของอัลบัสที่กำลังเล่าเรื่องราวของชาวอมอไรท์(
ให้คนที่ทำหน้าหน่ายโลกอย่างเกลเลิร์ตฟัง
เขาปล่อยให้คนผมแดงได้พูดอย่างเต็มที่โดยไม่ขัดจังหวะแม้แต่น้อย เนื้อหาส่วนใหญ่อัลบัสจะพูดเจาะลึกลงไปตั้งแต่ต้นกำเนิดของแต่อารยธรรมนั้นๆซึ่งเกลเลิร์ตก็คอยโน๊ตจุดสำคัญที่อัลบัสพูดลงสมุดอยู่ตลอดตาก็พลางมองเจ้าของเสียงใสกังวานไปด้วย รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่อีกฝ่ายเงียบเสียงลงไปได้สักพักแล้ว
"เป็นไงบ้าง"
"อืมช่วยให้ฉันตาสว่างขึ้นมากเลย" คำตอบทีได้รับนั้นไม่ได้มีอะไรพิเศษมากมายนัก ออกจะเรียบง่าย ไม่ได้เยินยอแต่กลับทำให้ใจของเด็กหนุ่มในคาบคุณครูประวัติศาสตร์เต้นผิดจังหวะขึ้นมาได้เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร เหมือนกับว่าก้อนเนื้อในอกซ้ายกำลังจะดีดผึงออกมาโชว์จังหวะความเร็วให้คนทั้งโลกได้รู้
อัลบัสกระแอ่มไอออกมาครั้งหนึ่งก่อนจะสะบัดหัวน้อยๆเพื่อไล่ความรู้สึกแปลกๆนั้นออกไปและเริ่มทวงสิทธิ์การเรียนของตนเองบ้าง
โดยที่เจ้าตัวไม่ได้รู้เลยว่าทุกการกระทำนั้นอยู่ในสายตาของใครอีกคน
"แล้วนายจะเริ่มสอนเลขให้ฉันได้บ้างหรือยัง"
.
.
.
ดูเหมือนว่าการเรียนวิชาคณิตศาสตร์จะกินเวลาไปนานพอสมควร
อัลบัสยืดตัวบิดขี้เกียจเล็กน้อยเพื่อไล่ความเมื่อยล้าออกจากร่างกายหลังจากที่เพ่งสมาธิไปกลับตัวเลขเศษส่วนและทศนิยมมากมายอยู่นานสองนานมันทำให้เขาตระหนักได้ว่าตัวเขาคงจะไม่เหมาะกับวิชาคำนวณนี่จริงๆคิดได้เท่านั้นก็หาวออกมาวอดใหญ่จนทำให้เกลเลิร์ตหลุดหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
อัลบัสที่พึ่งรู้สึกตัวก็อดจะอายไม่ได้จึงรีบสำรวมกริยาก่อนจะเอ่ยเปลี่ยนเรื่อง
"ฉันว่าฉันเข้าใจที่นายสอนนะแต่พอนายให้ฉันลองทำ มันกลับทำไม่ได้เฉยเลย" พูดแล้วก็อยากจะร้องไห้นอกจากบวกลบคูณหารแล้ว อัลบัสก็ทำอะไรไม่ได้อีกเลยในสายวิชานี้
"เอาน่า ของแบบนี้มันต้องใช้เวลา" หนุ่มผมทองเว้นจังหวะไปสักพักก่อนจะพูดต่อ "ตัวฉันเองก็ด้วย"
อืม.........นั่นสิ
...........................
"แล้ว..นายกลับยังไง?"
"คงเดินไปเรื่อยๆนั่นแหละแปปเดียวก็ถึงแล้ว" เขาตอบพร้อมกระชับกระเป๋าสะพายขึ้นพลางคิดว่าการได้ลองเดินกลับคนเดียว ก็เป็นอะไรที่ดีเหมือนกันคิดได้ดังนั้นก็ตัดสินจะหันไปโบกมือลาเพื่อนใหม่
แต่ความคิดนั้นก็ต้องหยุดลงเมื่ออยู่ดีๆคนข้างๆเขาก็อาสาจะพาไปส่งที่บ้าน
"ฉันเอามอเตอร์ไซค์มายังไงฉันไปส่งนายก่อนก็ได้" ไม่พูดเปล่า ยังจับมือเขาให้เดินตามไปยังทิศทางที่รถจอดอยู่ด้วย
"มะ ไม่เป็นไรหรอก ฉันเกรงใจนายนะอีกอย่างบ้านฉันก็ไม่ได้ไกลมาก เดินไปแปปเดียวเอง" อัลบัสยื้อตัวเองเล็กน้อยก่อนพูดออกมา แต่คำพูดประโยคหลังของเขากลับแผ่วลงเมื่อคนที่อาสาจะพาเขากลับบ้านหันมาตีหน้านิ่งใส่
"แต่ฉันไม่ลำบาก"
"เอ่อ...โอเคเอาอย่างนั้นก็ได้" อัลบัสจึงต้องตอบตกลงอีกฝ่ายไปอย่างจำใจ
เมื่อเกลเลิร์ตได้คำตอบที่ตัวเองพอใจก็เดินนำเขาไปโดยไม่ยอมปล่อยมือออก มีแต่จะจับแน่นขึ้นเสียด้วยซ้ำคล้ายกับว่าเขาจะวิ่งหนีอีกฝ่าย ถ้าเจ้าตัวเผลอปล่อยมือออกแม้แต่นิดเดียว
.
.
.
เรามาหยุดอยู่หน้าชอปเปอร์
รู้สึกเหมือนเคยเห็นที่ไหน แต่กลับนึกไม่ออก
เกลเลิร์ตขึ้นไปนั่งคร่อมประจำที่คนขับก่อนจะส่งหมวกกันน็อคสีดำให้เขา อัลบัสเอ่ยขอบคุณและรับมาใส่อย่างเก้ๆกังๆอาจเป็นเพราะเขาไม่ได้นั่งเจ้ารถจักรยานยนตร์นี่บ่อยนักจึงทำอะไรไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่
เกลเลิร์ตเห็นดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยหนุ่มผมแดงตรงหน้าปรับสายหมวกกันน็อคให้เข้าที่จนทำให้เขาสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นของอีกฝ่ายที่เป่ารดมือ
ความรู้สึกแบบนี้มัน..น่าตื่นเต้นเป็นบ้า
พอทุกอย่างลงตัวแล้ว
"มีอะไรหรือเปล่าเกลเลิร์ต"
"นายคงไม่อยากตกรถหรอกจริงมั้ย"อีกฝ่ายไม่ตอบ แต่กลับถามเขากลับมาเสียอย่างนั้นอัลบัสขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ก็ยอมตอบออกมาก่อน
"แน่นอนว่าไม่ " ใช่ใครกันอยากจะลงไปนอนเล่นที่พื้นคอนกรีต
พอเขาพูดจบฝ่ามือใหญ่ของคนด้านหน้าก็เอื้อมมาด้านหลังก่อนจะจับมือแต่ละข้างของเขาให้ไปวางไว้บนบริเวณเอวของเจ้าตัว
"จับแน่นๆล่ะ"พูดจบก็ไม่รอคนที่ยังอ้าปากค้างได้ตอบกลับก็สตาร์ทเครื่องและขับออกจากลานจอดรถในทันที
.
เกลเลิร์ตไม่ใช่คนที่ขี่รถเร็วอะไรออกจะเรื่อยๆชิวๆเสียมากกว่าเขาไม่ได้ชอบแข่งกับความเร็วและไม่ได้ชอบแข่งกับใครนัก
แต่ดูเหมือนคนที่อยู่ด้านหลังของเขาคงจะไม่ค่อยได้นั่งรถเล่นก็ตั้งแต่ออกมาจากโรงเรียน เจ้าตัวก็ไม่ยอมพูดอะไรเลยมีแต่มือที่กระชับเสื้อเขาแน่นขึ้นทุกครั้งที่เร่งเครื่อง
แบบนั้นมันก็ ..น่ารักดี
……..
รู้อีกทีชอปเปอร์สีดำก็จอดลงในที่ที่คุ้นตาอัลบัสเงยหน้าขึ้น ก็พบว่าตัวเองมาถึงบ้านแล้ว
แต่
"นายรู้จักบ้านฉันได้ยังไง"นั้นแหละปัญหา เพราะตั้งแต่ออกจากลานจอดรถมา สติเขาก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอีกเลยลืมแม้กระทั่งบอกทางไปบ้านให้แก่สารถีจำเป็น อัลบัสถามพลางลงจากรถก่อนจะถอดหมวกและยื่นให้อีกฝ่าย
"วันๆ นายทำอะไรบ้างไม่สนใจเพื่อนบ้านเลยหรือไง"
ห้ะ
"นายรู้จักบ้านป้าบาธิลด้าใช่มั้ย"เกลเลิร์ตถามออกไปโดยที่รู้คำตอบของคำถามนั้นอยู่เเล้วว่า ใช่
"ใช่ ฉันรู้จักท่านชอบอบคุกกี้มาให้พวกฉันบ่อยๆ"บ้านของป้าบาธิลด้าอยู่ตรงข้ามบ้านของเขานี่เอง ไม่รู้จักก็แย่แล้ว
"นั้นแหละ นั่นป้าฉันเอง"สุดท้ายเกลเลิร์ตก็เฉลยคำตอบทุกอย่างออกมา อัลบัสได้ยินดังนั้น ก็อ้าปากค้าง จนชายหนุ่มผมทองหลุดหัวเราะอย่างลืมตัว
วันนี้เขาหัวเราะไปกี่ครั้งแล้วนะ
"นะ นายเป็นหลานป้าบาธิลด้าหรอ"เขาถามออกไปเพื่อความแน่ใจ เกลเลิร์ตจึงทำได้แค่พยักหน้ายืนยัน
อ้อ มอเตอร์ไซค์คันนี้
แต่ทำไมเขาถึงไม่เคยเห็นเจ้าของล่ะ
"ก็นายไม่ค่อยออกจากบ้าน"เหมือนเจ้าตัวจะอ่านความคิดเขาได้ เลยพูดออกมาก่อนที่จะได้ถามออกไป
ส่วนใหญ่อัลบัสมักจะใช้ชีวิตอยู่แต่ในบ้าน ไม่ค่อยออกไปไหนเท่าไหร่นัก จะมีก็แต่เพื่อนบ้านที่มากดกริ่งแล้วแบ่งปันขนมของกินต่างๆให้เขาจะออกไปข้างนอกก็ต่อเมื่อไปซื้อของเข้าบ้านหรือไปโรงเรียนเท่านั้นหรือก็คือหากไม่จำเป็น เขาก็ขอไม่ออกไปไหนเลยดีกว่า
"เพราะอย่างนี้นายถึงรู้ชื่อฉันใช่มั้ย" นั้นก็แทบจะไขข้อสงสัยออกไปได้หมดแล้ว
"ก็ป้าฉันชอบพูดถึงนายให้ฟังบ่อยๆน่ะสิ"ได้ยินอย่างนั้นก็อดเขินไม่ได้เหมือนกันนะ
"เอ่อ..ยังไงก็ขอบใจที่มาส่งนะเกลเลิร์ต" เขาไม่อยากจะยื่นอยู่ตรงนี้อีกแล้วรีบขอบคุณแล้วเข้าบ้านเสียดีกว่า
"ไม่เป็นไร" เกลเลิร์ตเว้นจังหวะก่อนจะตอบแล้วก็จ้องลึกเข้ามาในดวงตาของเขา นั่นทำให้คนที่กำลังจะหมุนตัวเข้าบ้านต้องชะงัก
อัลบัสจ้องตอบดวงตาคู่สวยนั้นด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เขาเองก็บอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร
มันเหมือนกับว่าเวลากำลังจะหยุดเดินไม่มีใครพูดอะไร เพียงปล่อยให้ความเงียบเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของความคิดจากตอนแรกที่อัลบัสคิดว่าตัวเองอยากจะรีบเข้าบ้านเสียให้ได้นั้นก็ต้องหยุดลงเมื่อนัยน์ตาสีฟ้ากลับดึงดูดเขาเอาไว้ไม่ให้ไปไหน
ไม่รู้นานเท่าไหร่แต่เสียงของแอรีอานนาที่เรียกชื่อเขา ได้ปลุกให้เขาออกจากห้วงเวลานั้น
อัลบัสรีบหันไปหาต้นเสียงก็เห็นน้องสาวตัวน้อยโผล่หน้าออกมาจากประตูบ้านโดยมีอาเบอร์ฟอร์ธยืนอยู่ทำหน้ามุ่ยอยู่ด้านหลัง
"งั้น..พรุ่ง-"
"พรุ่งนี้ตอนเย็นนายว่างมั้ย"ความรู้สึกเหมือนเดจาวูเมื่อคำถามนี้หลุดออกมาจากปากของเกลเลิร์ต กรินเดลวอล์
"อืม... ฉันว่าง"เขาแทบจะไม่ต้องคิดคำตอบให้เสียเวลาเลยด้วยซ้ำ
"งั้น ม--"
"งั้นนายช่วยสอนคณิตฯให้ฉันอีกได้มั้ย"ไม่ทันให้เด็กชายผมทองพูดจบ เขาก็เป็นฝ่ายชิงถามก่อน
อีกฝ่ายหัวเราะเบาๆก่อนตอบ
"แน่นอน"
To be continued
จะยาวไปแล้วนะ555คงจะมีสัก3-5ตอน ไม่มากกว่านี้แล้ว เดี๋ยวดอง555
ปล.ในตอนที่หนึ่งเราเข้าไปรีไรท์มา พวกสำนวนแล้วก็พวกวรรคต่างๆ เพราะครั้งแรกที่ลง เราไม่ได้ตรวจดูเลย วันนี้มีโอกาสเลยเข้าไปอ่านซ้ำ มันแบบ อิหยังวะ?5555
ตอนปรับแก้ให้ดูสมู้ทขึ้นแล้ว(มั้ง)นะคะ55
ขอบคุณทุกคนที่ยังตามอ่านค่ะ///
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in