เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
talk to myselfquarlet
61 บ่น
  • เราเคยคิดกับตัวเองว่า "พวกที่ไม่รู้จักตัวเองน่ะโง่"
    แต่พอถึงเวลาจริง ๆ คำพูดนั้นก็ย้อนมาเข้าตัวเอง
    เหมือนว่าเราจะกลายเป็นอิเหนาไปซะแล้ว

    ตั้งแต่ช่วง ม.3 ตั้งใจแล้วว่าจะเดินทางสายศิลปะ
    แต่ก็เปลี่ยนสาขาวิชาที่จะเรียนไปมาหลายที แต่ก็เข้าใจว่าเราคงไม่รู้จักสิ่งที่ตัวเองอยากเรียนมากพอ

    อยากเรียนโปรดักส์.. ไม่ชอบที่จะมาคิดว่ามันต้องตอบโจทย์นู่นนี่เลย ไม่เอาดีกว่า
    อยากเรียนอินทีเรีย.. ไม่ชอบการคำนวณเลย ไม่เอาดีกว่า
    อยากเรียนสถาปัตย์.. ไม่ชอบการคำนวณเลย ไม่เอาดีกว่า
    อยากเรียนนิเทศศิลป์..

    อืม! เอาอันนี้แหละ!

    ถึงจะว่าอย่างนั้นก็เถอะ เราติวสาขานี้มาตลอดตั้งแต่ตอน ม.4 ติวบ้างไม่ติวบ้าง ขาด ๆ หาย ๆ
    ตอนนี้เราอยู่ ม.6 ก็ไม่ได้ไปติว นั่งโง่ ๆ อยู่หน้าคอมเหมือนตอนนี้นี่แหละ

    เรามานั่งคิดอีกทีว่าหรือจริง ๆ เราไม่ได้ชอบศิลปะขนาดนั้นรึเปล่า?

    เคยมีคนนึงที่เรียนศิลปะพูดว่า "เราปิดเทอมเพื่อที่จะได้ไม่ต้องวาดรูป"
    เลยทำให้คิดว่าเราเป็นพวกแบบนั้นรึเปล่านะ?
    ตั้งแต่สมัยอนุบาลจนถึง ม.3 เราชอบวาดรูปมาก วาดแทบจะตลอดเวลา
    แต่พอ ม.ปลาย หลังจากที่ลังเลระหว่าง ศิลป์-ญี่ปุ่น กับ วิทย์-สถาปัตย์ ว่าจะเข้าสายไหนดี
    เราเลือกอย่างหลัง

    วิทย์-สถาปัตย์ ที่เราเลือกถึงจะมีคำว่าสถาปัตย์ห้อยท้าย แต่ก็ไม่ได้เรียนวาดตีฟ ๆ ต่อโม ๆ
    จริง ๆ เหมือนเรียนหว่านแหมากกว่า คือเรียนสถาปัตย์ อินทีเรีย นิเทศศิลป์ โปรดักส์ etc.

    ห้องประจำของสายเรา เรียนศิลปะ-นั่งเล่น-ประชุม
    แต่เรียนไม่ลึกสักอย่าง เราเข้าสายนี้ก็เพราะหวังว่าเออ จะได้ฝึก ๆ ไป อย่างน้อยก็จะได้มีสกิลติดมาบ้าง + งานแฟชั่นโชว์ตอน ม.6 ซึ่งเป็นพอร์ทที่หรูที่สุดที่จะมีได้

    ก่อนวันงาน (แต่เราอยู่ฝ่ายกราฟิก ไม่เกี่ยวกับเวที มาดูเฉย ๆ 555)
    ไม่รู้ว่าเราคิดผิดรึเปล่าเพราะมันทำให้เราเอียนศิลปะมาก ๆ
    ตั้งแต่ขึ้น ม.ปลาย เราแทบไม่วาดรูปเล่นอีกเลย ไม่ว่าจะที่โรงเรียนหรือตอนอยู่ที่บ้าน

    แต่ที่เป็นปัญหาจริง ๆ มันคือ ความขี้เกียจ ของเรา
    เป็นสิ่งที่เราเกลียดมาก ๆ ที่สุดของตัวเรา แต่มันยากที่จะห้ามจริง ๆ
    สิ่งนี้มันไม่ดีเลยกับการเรียนไม่ว่าแขนงไหน ๆ แต่โดยเฉพาะศิลปะเป็นอะไรที่มันต้องสร้างผลงานนี่สิ

    เดี๋ยวนี้ยังไม่อยากวาดรูปเลย สมมติถ้าเข้ามหาลัยไปงานก็จะมาแล้วความขี้เกียจก็ฆ่าเรา
    ไม่ว่าใครก็ไม่ชอบที่จะทำงานตามที่คนอื่นบอกอยู่แล้ว แต่ว่างานมันก็คืองานอยู่ดี
    ถ้าตอนนั้นเราไม่อยากทำล่ะ? ก็ไม่ทำไง เราเป็นพวกที่ห้ามใจตัวเองไม่ได้อยู่แล้วด้วย
    ไม่เหมาะเลยกับชีวิตในมหาลัยแบบนั้น

     
    ย้อนกลับไปที่ เราไม่ได้ชอบศิลปะขนาดนั้นรึเปล่า?
    บางทีก็เข้าข้างตัวเองว่า ก็แค่ขี้เกียจแหละ
    แต่มันก็ทำให้สงสัยในตัวเองอยู่ดี

    มีช่วงนึงที่แต่ละมหาลัยออกมาว่ารอบนี้สาขานี้เอาเกณฑ์อะไรบ้าง
    เราก็ดูนิเทศศิลป์ไปตามปกติ แต่พอเลื่อนขึ้นมาข้างบนเราเจอของ คณะโบราณคดี
    ก็แบบไหน ๆ ดูสิ เพราะเป็นคณะนึงที่เราอยากเข้ามากเมื่อสมัยประถม
    เห้ย..เราผ่านเกณฑ์หมดเลย
    แต่มันรับแค่ 5 คนเท่านั้นในรอบ 1/2

    พอช่วงนี้รู้สึกเหนื่อยอ่อนกับศิลปะก็ทำให้เริ่มนึกโบราณคดีขึ้นมาอีก
    ไม่ได้ดูถูกว่ามันเข้าง่ายนะ แต่เราก็ต้องเลือกทางที่ง่ายเผื่อไว้นั่นแหละ
    เพราะนิเทศศิลป์ที่เราจะเข้ารอบ 1/1 ที่จะมาถึงคือของสจล. ซึ่งพอร์ทต้องผ่านแล้วก็ต้องสอบปฏิบัติอีก
    มี 2 ทางคือ ติด กับ ไม่ติด
    • ติด / ยอมรับชะตากรรมที่บ่นมาทั้งหมดข้างบนแล้วเรียนไปซะ ใครจะทิ้งโอกาสตรงนี้แล้วไปหวังน้ำบ่อหน้า ที่นี่จะติดได้ก็ไม่ง่าย
    • ไม่ติด / ไปรอบ 1/2

    รอบ 1/2 เนี่ยเราเล็งไว้ 2 อย่าง
    1. นิเทศศิลป์ ศิลปากร / คล้าย ๆ กับของสจล. ความยากก็...อืม รู้กัน
    2. โบราณคดี ศิลปากร / ผลการเรียนผ่านทุกอย่างแน่นอน แล้วก็สอบสัม

    ปัญหาคือมันอยู่รอบเดียวกัน แถมเกณฑ์แบบละเอียดวันเวลาไรงี้ก็ยังไม่ออกมาอีก ก็คิดว่าคงต้องทำไปพร้อม ๆ กันมั้ง แต่สมมติถ้าติด 2 อย่างพร้อมกัน? (นั่นก็จะโคตรเก่งเกินไป)
    • เลือกนิเทศศิลป์ / ยอมรับชะตากรรมที่บ่นมาทั้งหมดข้างบนแล้วเรียนไปซะ
    • เลือกโบราณคดี / นี่คือความกังวลใหม่เมื่อไม่นานมานี้

    ความกังวลที่ว่าคือถ้าเราเลือกโบราณคดีไป เราจะเสียใจภายหลังมั้ย?
    เราชอบประวัติศาสตร์มาก ๆ อยู่แล้ว ชอบอ่านหนังสือ ชอบเรียนวิชาการ 
    ไม่มีปัญหาเบื่อเหมือนศิลปะด้วย ซึ่งมันก็ทำให้เราได้รู้ว่าเราชอบเรียนทฤษฎีมากกว่าปฏิบัติ

    แต่นั่นแหละคือปัญหา!

    เรียนโบราณคดีมันจะมีปฏิบัติ ลงพื้นที่ ขุดนี่ขุดนั่น ซึ่งเราไม่ชอบอะไรแบบนี้อย่างแรง
    เราเกลียด Outdoor เกลียดความยากลำบากเวลาอยู่ในที่แบบนั้น กลัวไส้เดือนด้วย (เกี่ยวมั้ย)


    คนอ่านมาถึงนี่อาจจะแบบ เอ๊ะ อีนี่สำออย แต่เข้าใจเถอะ ถึงจะเป็นเรื่องเล็กน้อยเราว่ามันก็ส่งผลต่อความรู้สึกเราในอนาคตแหละ ต้องหาจุดที่เราไม่ชอบแล้วเอามานั่งคิดจะได้มานั่งเลือก

    จบไปทำไรกิน? ปัญหาใหญ่ เราไม่ซีเรื่องที่ทำงานต้องได้เงินเยอะอยู่แล้ว ขอแค่มีให้ทำและไม่ต่ำกว่าหมื่นห้าก็พอ แต่ต้องเป็นงานที่เราอยากทำด้วยนะ ซึ่งถ้าเราเลือกโบราณคดี จบไปเราอยากทำงานเป็นนักโบราณคดีโดยตรง แต่อยากทำแบบนั่งโต๊ะ เหตุผลก็ตามที่บ่นไปข้างบน
    ซึ่งเราจะเลือกงานหรืองานจะเลือกเราก็ไม่รู้อีก T_T

    เราแอบเข้าข้างตัวเองว่าเราไม่มีทางหลุดออกจากรอบ 1/2 แน่ ๆ อย่างน้อยเราต้องติดโบราณคดี
    มั่นหน้าใช่มะ (.....)

    แต่ถ้าไม่ติดอะไรเลยใน 1/2 ล่ะ?
    รอบ 2 ข้ามไปเลย ไม่มีโควตงโควต้าไรกับเค้าทั้งนั้น
    ก็จะเจอกับรอบ 3 ซึ่งเห็นเกณฑ์แล้วลมจะจับ สอบนู่นสอบนี่เพียบเลยจ้าาาา
    เราคิดไว้ 3 อย่าง คือ เรขศิลป์, ญี่ปุ่น และฟิล์ม ทุกอย่างล้วนจุฬา
    ซึ่งการแข่งขันแต่ละคณะนี่แบบ..555555555555 ไม่เจียมตัวเลยแก
    คนที่เค้าตั้งใจจะเข้าอ่านหนังสือมาตั้งแต่ชาติไหนกัน 55555 ซึ่งเราวางแผนไว้แค่นี้ จะวางแผนอีกรอบก็ช่วงที่ไม่ติด 1/2 นี่แหละ อ่านหนังสือตาลุกแน่

    สรุปคือที่พิมพ์มาทั้งหมดนี้ คือพิมพ์สิ่งที่อยู่ในหัวตัวเองเฉย ๆ ไม่ได้มาไกด์ใครหรือมาบ่น TCAS (ถึงจะอยากก็เถอะ) ได้เรียบเรียงแผนที่อยู่ในหัวแล้วมันโล่งดี นอนไม่หลับเลยมาพิมพ์เล่น

    ป.ล. จริง ๆ เราอยากเรียนดาราศาสตร์ที่สุด แต่ชอบแค่ทฤษฎี อ่อนคำนวณมาก คณะเฉพาะทางก็แทบไม่มี เศร้า เราในโลกคู่ขนานอาจจะเก่งเลขก็ได้ ฮือ ๆ


    จบ


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in