ถึงจะบอกว่าเดี๋ยวก็ลืม แต่มันจะลืมได้ยังไงถ้าเธอเอาแต่มองเขาอยู่แบบนี้
“เลิกมองได้แล้ว”
บี๋หันไปหาคนข้างๆ “รู้แล้วน่า” ก่อนจะก้มกินก๋วยเตี๋ยว
ตอนนี้ทั้งสี่กำลังกินข้าวที่โรงอาหาร ช่วงเที่ยงเป็นอะไรที่วุ่นวายสุดๆ กว่าจะฝ่าดงมหามวลประชาชาวมนุษย์เพื่อแย่งชิงข้าวเพียงจานเดียว ก็แทบจะเหยียบกันตาย
“คนเยอะชิบ” ปั้นวางจานลง นั่งข้างจี “ดีที่ว่าสูง ไม่งั้นขาดอากาศหายใจตายแน่นอน”
“ก็มึงอยากกินร้านนั้นทำไมล่ะ คนต่อแถวเยอะชิบหาย” จีว่าพร้อมตักกับในจานของปั้นไปด้วย
“ก็มันอร่อย สัส อยากแดกก็ไปซื้อเอง” ปั้นขยับจานหนีทันทีเพราะไม่ใช่แค่ไอ้จีคนเดียวที่กิน กลายเป็นว่าพวกมันทั้งสามตัวกำลังจวกจานข้าวของเขาอย่างเมามันส์
“หวงวะ” แชงว่า ขณะเคี้ยวตุ่ยๆ
“ว่ากูหวง แต่ที่มึงแดกอยู่ ก็ของกูครับเหี้ยแชง” ก่อนจะมองคนตรงหน้า“เมื่อกี้ยังทำตาละห้อย เหมือนคนไม่อยากอาหาร ตอนนี้คือของกูครึ่งนึงแม่งอยู่ในปากมึงหมดและไอ้บี๋”
อุตส่าห์ก้มกินเงียบๆ บี๋เงยหน้ายิ้ม ทั้งๆที่หมูยังเต็มปาก “กินไหม” ก่อนจะเลื่อนถ้วยของตัวเองไปข้างหน้าอย่างใจดี
ปั้นส่ายหน้าทันที ดูจากพริกที่นอนแอ้งแม้งเต็มถ้วยขืนแดกเข้าไป มีหวังตายห่ากันแน่ๆ
“กูว่าที่มันทำท่าแดกไม่ลง ไม่ใช่เพราะเห็นหน้าไอ้ลีหรอก” จีเอาซ้อมจุ่ม ชิมน้ำก๋วยเตี๋ยว ก่อนจะทำหน้ายู่ สะบัดตัวด้วยอาการขนลุก “แหยะ ปรุงไรของมึงเนี่ยไอ้บี๋ รสชาติพิลึกสัส” จีแลบลิ้น “อ้าก เผ็ด” ก่อนจะคว้าน้ำมาดื่มล้างปาก
“เวอร์” บี๋มองท่าทางจีก่อนจะเอาถ้วยก๋วยเตี๋ยวตัวเองคืนมา “ก็ไม่แย่ขนาดนั้นซะหน่อย” พร้อมโซ้ยให้ดูเป็นตัวอย่าง แต่หน้าเพื่อนทั้งสาม มองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่รับไม่ได้สุดๆ
“มึงก็รู้ว่ามันลิ้นจระเข้” แชงมองดูคนกินของพิลึกแบบไม่รู้สึกรู้สา พร้อมกระพริบตา สะบัดหน้าเล็กน้อย เมื่อมีภาพซ้อนทับว่าตัวเองกำลังเป็นคนกินก๋วยเตี๋ยวสั่นประสาทนั้น
“เป็นสิ่งหนึ่งที่กูไม่เข้าใจมันสุดๆ กินไปได้ไงวะ” ปั้นขนลุกก่อนจะก้มกินจานตัวเองด้วยความหวงแหน
.
.
.
“ไอ้บี๋กลับแล้วหรอ” ปั้นตะโกนถามขณะกำลังวอร์มร่างกายโดยการชู้ตบาสลงห่วง
“เออ กูพึ่งไปส่งมันที่หน้าโรงเรียนเมื่อกี้”
“อย่าใช้คำว่าไปส่งเถอะ มึงเดินไปซื้อลูกชิ้นหน้าโรงเรียนก็บอก พูดซะดูดีเหี้ยจี” แชงที่กำลังเล่นเกมส์ในมือถือเงยหน้าด่าอย่างหมั่นไส้
“พูดให้ถูกคือกูเดินไปส่งไอ้บี๋ ส่วนลูกชิ้นคือผลพวงจากการที่กูไปส่งมัน เข้าใจไหมครับเพื่อนๆ” จีกอดอก ยักคิ้ว “กูนี้แม่ง ควรได้รางวัลเพื่อนอวอร์ด สาขาดูแลเทคแคร์ดีแห่งปีจริงๆ”
“ถุ้ย”
“อ้ากก! เข้าตา” จีเอาเมือปิดตา แหกปากร้องลั่น “ตา! ไอ้แชงตากูบอดแล้ว”
“มึงนี่ก็รับมุขดีเหลือเกิน” แชงหัวเราะ ลุกขึ้นมาผลักหัวก่อนจะเดินลงไปสนาม
จีเอามือออก อาการดิ้นพล่านๆเมื่อกี้หายไปดั่งความฝัน เหลือแต่รอยยิ้มแฉ่งอยู่บนหน้า
“เห็นไหมล่ะ ว่ากูดีและสำคัญขนาดไหน ไม่มีกู ใครจะรับมุกให้พวกมึ้ง” จีตะโกนบอก “ใช่ไหมไอ้ลี” ก่อนจะเห็นว่าลีที่พึ่งมาถึง กำลังเอากระเป๋าวางลงบนโต๊ะ
“ห้ะ อ่ะ อ๋อ เออ ใช่” ลีตอบคำถามอย่างงงๆ
“เห็นมะ ไอ้ลียังเห็นด้วย”
“มึงเช็คหน้าไอ้ลีด้วย ว่ามันรู้เรื่องที่มึงถามมันหรือเปล่า” แชงตะโกนกลับ
จีหันมองหน้าลีแปปเดียว ใช่คำว่าแปปเดียวจริงๆ “เรื่องแค่นี้กูไม่ถือสาหรอก” ก่อนจะยื่นมือไปตบบ่าลี “ยังไงมึงก็เป็นเพื่อนกู”
“ห้ะ อ่อ เออ” ลีงงหนักกว่าเดิมอีก แต่ก็ยังยิ้มให้จีอยู่ดี
“ค๊วย มึงเข้าใจที่พวกกูพูดไหมเนี่ยเหี้ยจี” แชงปาบาสใส่คนพูดไม่รู้เรื่องแต่ดูแล้ว มันน่าจะตั้งใจกวนประสาทมากกว่า
“กูก็นึกว่ามึงจะไม่มา” แชงรับบาสจากปั้นแล้วโยนให้ลีอีกที
“เออ กูก็นึกว่าจะไม่ได้มาเหมือนกัน” ก่อนจะจัมพ์ช็อตเข้าห่วงอย่างสวยงาม ลียิ้ม ก่อนจะวิ่งเหยาะๆ ตรงมาแท็กมือเพื่อนร่วมทีม
ทั้งหมดลงสนามแข่งกับเพื่อนที่เล่นด้วยกันประจำมีหน้าใหม่บ้าง แล้วแต่ว่าใครจะเอาเพื่อนตัวเองเข้ามาแจม เล่นมาเรื่อยๆ จนจบเกมส์ ทั้งหมดต่างเหงื่อโชก เหนื่อยหอบตรงดิ่งไปกินน้ำทันที
จีนอนแผ่ราบกับเก้าอี้ยาว เลิกเสื้อนักเรียนขึ้นด้วยความร้อน “โอ้ย เหนื่อย ไม่น่ากินเยอะเลย”
แชงที่นั่งข้างๆ ยกชายเสื้อขึ้นมาเช็ดหน้าบ้าง “แม่งเล่นโหดกันชิบหาย” ก่อนจะมองกระดานแต้ม “อีกนิดเดียวเอง”
“เออ อีกนิดเดียว” ลีว่าอย่างเสียดาย “แต่ก็สนุกดี”
“ประมาทไปหน่อย” ปั้นไม่อยากรับความจริง “มีแต่หน้าใหม่ กูก็เลยออมมือให้หรอก”
“ปากดี” เป้ ทีมชนะผลักหัว “เล่นจนหน้าเขียวกล้าพูดว่าออมมือ”
“สัส หัวกู” ปั้นลูบหัว “มึงไปเกณฑ์นักกีฬาทีมชาติมาเล่นกับพวกกูหรือเปล่าเนี่ย เก่งสัส”
“เออ พวกห้องสาม มันเห็นพวกมึงกะกูเล่นด้วยกันบ่อย ก็เลยขอมาเล่นด้วย แต่แม่งเก่งจริง” เป้ เพื่อนห้องเดียวกับลีที่สนิทกับพวกปั้นจากการเล่นบาสด้วยกัน “เฮ้ยไอ้ลี” เป้เรียกชื่อ เหมือนพึ่งนึกขึ้นได้ ว่าที่เดินมาฝั่งคู่แข่งเพราะอะไร
“ว่า” ลีขานรับ พร้อมเปิดฝา กระดกขวดน้ำอย่างกระหาย
“มึงเลิกกับแฟนแล้วหรอวะ”
“หื้อ?” ไม่ใช่เสียงลีแต่อย่างใดหากแต่เป็นสามสหายเผลอส่งเสียงออกมาพร้อมกัน โดยมิได้นัดหมาย
“อืม” ลีตอบสั้นๆยกมือปาดเหงื่อที่หน้าผากด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน
“เออ เลิกกันไปก็ดีแล้วล่ะพวกมึงอ่ะ” เป้พยักหน้า
“ทำไมมึงพูดงั้นวะ” แชงเงยหน้า ถามอย่างสงสัย
“ก็อีโก้แม่งสูงทั้งคู่ ทะเลาะกันโคตรบ่อย ตั้งแต่คบกันมาเคยขอโทษกันสักคำหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“โห มึงรู้ดีเหมือนเป็นมือที่สามเลยว่ะ” ปั้นใช้สายตาจับผิด “ที่บอกว่าดี เพราะมึงจะไปคบกะแฟนไอ้ลีใช่ไหมล่า ไอ้เพื่อนทรยศ”
“เดี๋ยวกูถีบ” เป้เตรียมท่า แต่ว่าปั้นหลบทัน “แฟนไอ้ลี ก็เพื่อนกูนั้นแหละ ลืมๆ แฟนเก่า”
“คบกันนานไหมวะ” จีถามบ้าง
“สามปี” เป้ไม่แน่ใจ หันไปหาลีเพื่อขอคำตอบ “สามใช่ไหมมึง” ลีพยักหน้า “เออสามปี”
“อีกนิด กูจะคิดแล้วว่าเป็นมึงเองที่เลิกกับแฟน ไม่ใช่ไอ้ลี” ปั้นไม่วายยังกัดเป้ไม่เลิก
“อย่าแช่ง คู่พวกกูยังรักกันดีเหอะเหี้ยปั้น”
“แล้วมึงโอเคหรอวะ” แชงหันไปถามเจ้าของเรื่อง
“อืม โอเคดี”
“จะไม่โอเคได้ไง ก็มันไม่ได้ชอบเขา” ปั้นมองเป้อย่างเคลือบแคลงอีกครั้ง “มองไรสัส เลิกคิดอะไรแปลกๆซักทีเถอะ กูขอร้อง”
“คบกันตั้งสามปี แต่ไม่ชอบได้ไงวะ กูฟังไรผิดไปเปล่าเนี้ย” จีทำหน้างงสุดขีด กำลังแก้สมการความสัมพันธ์ครั้งนี้อยู่
“ก็คู่ไอ้ลีไง”
“แล้วแฟนมันล่ะ ชอบไอ้ลีหรือเปล่า” ยิ่งคิดก็ยิ่งงง จีถามอีก เพื่อเอามาคิดวิเคราะห์ ว่ามีหรอวะ คบแต่ไม่รักกัน
“โครตของโครตชอบเลยแหละ มิวบอกกู ว่าแม่งร้องไห้ทุกวัน ตั้งแต่เลิกกับไอ้ลี” เป้เล่าตามที่ได้ฟังมาจากแฟนตัวเอง เหล่ตามองปฏิกิริยาเพื่อน แต่ลีก็ไม่แสดงท่าทีอะไรออกมา
“เออ ว่าแต่พวกมึงเลิกกันทำไมวะ” เป็นหนึ่งสิ่งที่เป้ไม่รู้ ถามมิว มิวก็ไม่รู้เหมือนกัน ไอ้ลีไม่ได้ชอบแฟนมัน อันนี้คนใกล้ตัวทั้งคู่ก็รู้ แต่จะเลิกเพราะว่าไม่ได้ชอบ ก็ไม่ใช่เปล่าวะ ไม่งั้นมันจะคบกันนานถึงสามปีหรอ
“มึงก็ไปถามเอยดิ” ลีตอบพร้อมลุกขึ้นสะพายกระเป๋า “วันนี้กูไม่ได้กลับพร้อมมึงนะ” ลีหันมา บอกแชง “พอดีแม่กูมารับ” แชงพยักหน้า ก่อนจะโบกมือลาหย็อยๆ
หลังของลีห่างออกไปเรื่อยๆ จีหันมาถามเป้ทันที “แล้วตกลงไอ้ลีเลิกกับแฟนมันทำไม”
“ไม่รู้โว้ย อยากรู้ก็ไม่ถามแฟนมันดิ”
“ถ้ากูรู้จัก กูถามแล้วเหอะ”
“ไอ้ลีมันก็ไปแล้ว พวกมึงจะคุยเรื่องมันอีกทำไมวะ กลับๆ” แชงว่าอย่างไม่สนใจ ก่อนจะลุกเตรียมตัวกลับบ้าน
“ว่ากู มึงก็นั่งฟังไม่กระดิกตัวเลยเหอะ”
“มึงจะอยากรู้เหตุผลที่มันเลิกกับแฟนทำไมหว่า รู้แค่ว่าตอนนี้ไอ้ลีโสดก็พอ” แชงยักคิ้ว ยิ้มมุมปาก
คนฟังนิ่งสักพักเหมือนกำลังคิดตาม “เออ ก็จริงของมึง” จีเห็นด้วย “รู้แค่ว่าตอนนี้มันโสดก็พอ”
“พวกมึงพูดไรกันวะ” เป้เกาหัว งงกับบทสนทนาที่ได้ยิน “บอกกูหน่อยดิ”
ปั้นที่เงียบมานาน เดินมาแตะบ่าเป้ก่อนจะกระซิบข้างหูเบาๆว่า
“อย่าเสือก”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in