เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
What Fahh WatchedFAHHP
Glimpse of Thought on Historical Drama
  • ช่วงหยุดยาวมีโอกาสได้เคลียร์ซีรีส์เก่าที่ดูยังไม่จบ แล้วก็หาซีรีส์ใหม่ดู ตอนนี้ดูจบไปสองเรื่องแล้ว คือ Victoria กับ The Crown

    สองเรื่องนี้คือมีความคล้ายกันมาก เรื่องแรกเป็นชีวิตของ Queen Victoria ที่ขึ้นเป็น Queen ตั้งแต่อายุ 19 มู้ดของเรื่องค่อนข้างจะดราม่า เรื่องนี้จะค่อนข้างดูเพลินเพราะชุดสวย ดีเทลต่างๆ ก็ค่อนข้างละเอียด แต่ก็สะท้อนสังคมภายในราชวงศ์สมัยนั้นได้ค่อนข้างดีเลย

    Victoria Series (2016)

    ส่วน The Crown นี่ดูค้างไว้ตั้งแต่ก่อนปีใหม่ มู้ดจะค่อนข้าง Tense กว่า เลยไม่ได้หยิบมาดูบ่อยเพราะกลัวเครียดกว่าเดิม เป็นเรื่องราวของ Queen Eliazabeth II หรือควีนคนปัจจุบันของอังกฤษนี่แหละ เรื่องนี้ได้รางวัลใหญ่ๆ เยอะเลย เนื้อหาข้างในก็เลอค่ามาก ควรค่าแก่การดู (ทั้งสองเรื่องน่ะแหละ)
    The Crown Series (2016)

    แต่จะไม่รีวิวละเอียดแล้วกันนะ จะมาแชร์ความคิดที่ตกตะกอนหลังจากดูเรื่องนี้แทน

    อย่างแรกเลยคือวัฒนธรรม — เนื่องจากตัวเอกของทั้งสองเรื่องเป็นควีนอังกฤษ ที่แต่งงานกับเจ้าชายจากต่างประเทศ ถึงแม้จะเป็นเชื้อพระวงศ์ แต่ด้วยความ “Unenglish” ทำให้ทั้งสองเจ้าชายไม่มีบทบาทอะไรกับประเทศมากนัก สื่อให้เห็นถึงความชาตินิยมของอังกฤษ มีความพราวด์ในตัวเองและเหยียดชนชาติอื่นตั้งแต่สมัยไหนแล้ว (เห็นได้จากทั้งสองเรื่อง) ที่โดนเหยียดเยอะสุดนี่เห็นจะเป็นเยอรมัน (ทั้งที่จริงๆ บรรพบุรุษของคนอังกฤษก็มาจากเยอรมันน่ะแหละ) การแต่งงานอาจจะดูเหมือนเป็นการกระชับมิตรของสองประเทศ แต่พอดูกันจริงๆ มันเหมือน empower ให้ฝั่งอังกฤษซะมากกว่า (ควีนวิคตอเรียในเรื่องเรียกการแต่งงานนี้ว่า The marriage of inconvenience)

    ต่อจากวัฒนธรรมเลยก็คือศาสนา — ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเดียวกัน แต่จริงๆ เรื่องศาสนานี่เคร่งกว่ามาก บทบัญญัติของ Church นี่เคร่งมากจนทำให้ความรักของหลายๆ คู่ไม่สมหวัง ทั้ง Princess Margaret น้องสาวของควีนองค์ปัจจุบันที่ต้องจำใจเลิกกับแฟน หรือ King Edward VIII ลุงของควีนที่ถึงกับยอมสละราชบัลลังค์ เนื่องจากกฏของ Church ตอนนั้นที่ห้ามแต่งงานกับชายหรือหญิงม่าย ที่อดีตคู่สมรสยังมีชีวิตอยู่

    จริงๆ สองประเด็นนี้ถ้าจะให้เล่าละเอียดนี่คือยาวมาก อาจจะเขียนแยกอีกบท

    ต่อมาก็คือเรื่องการเมือง — คือก่อนหน้านี้อย่าว่าแต่การเมืองต่างประเทศเลย การเมืองไทยเป็นยังไงเราก็ไม่ค่อยจะสนใจ แต่พอดูเรื่องนี้ทำให้เห็นโครงสร้าง วิธีการปกครองของอังกฤษจริงๆ ว่าถึงแม้จะมีกษัตริย์เป็นประมุข แต่การตัดสินใจทำอะไรแต่ละอย่างของควีนนั้น ยังต้องใช้การอนุมัติจากเหล่า Cabinet อยู่เลย แล้วความสัมพันธ์ของนักการเมืองกะราชวงศ์นี่คือ depandant นะ ต่างจากของไทยเราพอสมควร — อีกอย่างที่เห็นชัดคือความเป็น Great Britain ความเป็นมหาอำนาจของอังกฤษ ที่ในสมัยนั้นคือประเทศที่ทรงพลังที่สุดในโลกแล้ว อันนี้เห็นชัดมากๆ ใน The Crown คิดว่าซีซั่นหน้าน่าจะมีเยอะกว่านี้แน่ๆ ต้องรอดู

    ความสนุกของการดูซีรีส์พีเรียดแบบนี้คือการดูไปด้วย เสิร์ชหา reference ไปด้วย แล้วข้อมูลชีวิตส่วนตัวของราชวงศ์ของฝั่งโน้นก็ค่อนข้างเปิด ละเอียด ประชาชนเผื่อได้แบบไม่ผิดกฏหมาย (เอ้า 55555)

    ส่วนตัวคิดว่าอีกปัจจัยที่ทำให้เรื่องราวของราชวงศ์หรืออะไรแนวนี้ยังขายได้ เพราะมันเป็นเรื่องจริงที่มีความแฟนตาซีปนๆ อยู่ ไม่ได้แฟนตาซีในแง่อภินิหาร แต่มันแฟนตาซีเพราะเป็นชีวิตที่เราไม่เคยได้สัมผัสจริงๆ ถึงจะรู้ว่ามีอยู่จริงแต่ก็เห็นแค่เปลือกมาโดยตลอด ดังนั้นถึงมันจะเบสจากเรื่องที่เราอยู่อยู่แล้วแต่เราก็ยังอยากจะดูอยู่ดี

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in