“อืม กินข้าวเย็นอยู่ที่หอเนี่ย
“...”
“เฮียอะ เลิกงานยัง?”
“...”
“โอเค พักผ่อนเยอะๆนะ บ๊ายบาย”
,
“พี่กับแฟนคุยกันโคตรไม่เหมือนแฟนเลย”
นั่นคือสิ่งที่น้องคนนึงทักขึ้นมาหลังจากผมคุยโทรศัพท์กับเฮียเสร็จ ได้ยินอย่างนั้นผมก็หันไปมองคนพูด เลิกคิ้วใส่ แล้วถามกลับ
“เหรอ?”
คำถามนี้ส่งไปถึงเพื่อนสนิทที่ยังคงนั่งกินมื้อเย็นร่วมกับพวกผมอยู่ด้วย พอเห็นเพื่อนพยักหน้ารับ ผมก็ต้องกลับมาทบทวนตัวเอง... เป็นงั้นจริงดิ?
ตอนนี้ผมเรียนแฟชั่นดีไซน์อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นซึ่งก็เข้าปีที่ 2 แล้ว อีก 3 เดือนเราก็จะจบหลักสูตรทั้งหมดและได้กลับไทยสักที ซึ่งกว่าจะกลับได้ก็ต้องส่งโปรเจ็คจบและสอบให้ผ่านซะก่อน
คราวนี้กลับมาที่เรื่องเฮีย...
เราคุยกันไม่เหมือนแฟนจริงดิ? แล้วถ้าจะให้เหมือนแฟนต้องคุยยังไง?
คบกันมาตั้งสามปี ก็คุยอย่างนี้มาตลอด แล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันแปลกอะไร...
“ฉันคุยกับเฮียไม่เหมือนแฟนตรงไหนอะ?
คราวนี้เพื่อนผมวางช้อนในมือ แล้วเงยหน้าขึ้นมาตอบจริงจัง
“ก็แทบทุกตรง”
“จริงดิ?”
“เออ... ก็ดูไม่ค่อยสวีตกันอะไรประมาณนั้น แต่ฉันก็ไม่แปลกใจแบบน้องมันนะ ชินแล้วมั้ง”
“แต่ก็สวีตอยู่นะ”
“จริงดิ ตอนไหนวะ? ฉันได้ยินแกคุยกับเฮียบ่อยๆก็อือๆ เออๆ นอนแล้วนะ ทำงานแล้วนะ แล้วก็วาง แค่นั้นตลอด”
พอได้ยินอย่างนั้น รุ่นน้องผู้ชายอีกคนที่แชร์บ้านพักกับพวกผมก็พยักหน้ารับแรงๆ แบบเห็นด้วยสุดๆ
“ก็อย่างเช่นเมื่อวานซืน”
“หืม...? ยังไง ไหนว่ามาดิ๊”
“ก็...ฉันเตือนให้เฮียพาคุณนายไปฉีดวัคซีนประจำปี แล้วก็ให้ฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าด้วย เห็นข่าวว่ามันระบาดอยู่ในไทย”
“โห...เปิดมาก็ไม่ใช่แล้ว! อะไรคือสวีตด้วยการคุยเรื่องพิษสุนัขบ้า!”
“ฟังก่อนดิอย่าเพิ่งขัด!”
,
วันนั้นผมนั่นทำงานอยู่ในห้องนอน แล้วก็เป็นวันหยุดของเฮียพอดี เราก็เลยวีดีโอคอลคุยกัน อันที่จริงก็เหมือนไม่ได้คุยอะไรหรอก ผมก็ทำงานของผม ส่วนเฮียก็ทำงานของเฮีย โดยมียัยอ้วนกระโดดขึ้นมากวนบนโต๊ะอยู่เรื่อยๆ
สักพักผมก็นึกขึ้นมาได้ตอนเห็นคุณนายเดินเข้ากล้องมาอีกรอบ ว่าคุณเธอใกล้จะครบกำหนดฉีดวัคซีนประจำปีอีกแล้ว เลยเตือนซะหน่อย
“เฮีย ช่วงนี้ที่ไทยโรคพิษสุนัขบ้ามันระบาดอยู่เหรอ?”
“อืม...เห็นข่าวอยู่เหมือนกัน”
“งั้นก็อย่าลืมพาที่รักเฮียไปกระตุ้นวัคซีนประจำปีนะ ฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าไปด้วยก็ได้”
“ใคร...มึงเหรอ?”
คนพูดตอบกลับแล้วหันมาสบตาผมในกล้องพร้อมส่งยิ้มมุมปากแล้วยักคิ้วให้
ส่วนผมกำลังไม่แน่ใจว่าต้องทำยังไงดี?
โวยวายที่อีกฝ่ายจะจับผมไปฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้า
หรือเขินที่โดนจัดไปอยู่ในสิ่งมีชีวิตประเภท ‘ที่รัก’
“คุณนายมั้ยล่ะ!”
ผมตอบกลับไปอย่างนั้นพร้อมรอยยิ้ม ส่วนอีกคนก็หลุดขำออกมานิดหน่อยแล้วรับคำ
“เออ เดี๋ยววันหยุดอาทิตย์หน้าพาไป”
“เอารถเราไปเลยนะ อย่าให้ยัยอ้วนนั่งมอเตอร์ไซค์อีกล่ะ!”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย นั่งมอ’ไซสนุกจะตายเนอะคุณนาย”
สิ่งที่ผมเห็นคือแมวอ้วนกับหน้าบึ้งสนิท ไม่มีตรงไหนที่ใกล้เคียงคำว่า ‘สนุก’ ด้วยซ้ำ
ตอนที่ต้องมาเรียนที่นี่และตัดสินใจฝากคุณนายไว้กับเฮีย ผมไว้ใจว่าอีกฝ่ายจะต้องดูแลคุณนายได้อยู่แล้ว แต่ในขณะเดียวกันก็มีเรื่องกังวลเป็นสิบๆเรื่องเพราะเฮียไม่เคยเลี้ยงแมวเป็นจริงเป็นจังมาก่อน
แต่ในความกังวลที่มีเป็นสิบๆเรื่องนั้น... ก็ไม่มีสักเรื่องที่ผมจะคิดไปถึงว่าเฮียจะพาคุณนายนั่งรถมอเตอร์ไซค์
และเรื่องนั้นก็เป็นเรื่องแรกที่เกิดขึ้นหลังจากผมมาถึงญี่ปุ่นได้ไม่เกิน 1 สัปดาห์ เฮียซื้อกระเป๋าเป้ซึ่งมีที่ครอบใสๆเหมือนหมวกนักบินอวกาศสำหรับใส่แมวมาจากในเน็ต ซื้อมาปุ๊บก็จับคุณนายใส่กระเป๋าพาขึ้นมอเตอร์ไซค์ไปแว๊นด้วยกันทันที แถมยังมีหน้าถ่ายรูปมาอวดกันอีก
และนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกเลยว่า ควรจะหาโอกาสกลับไทยให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ก่อนที่เฮียจะพาคุณนายไปต่อยมวยหรือเล่นเวทด้วยกันที่ยิม...
,
“นี่คือสวีตแล้ว?”
รุ่นน้องที่นั่งอยู่ถามขึ้นมาด้วยเสียงสูงผิดปกติ ส่วนผมก็พยักหน้ารับ
ทำไมอะ? ไม่สวีตตรงไหน?
“แฟนพี่จะพาพี่ไปฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าเนี่ยนะ?”
“แต่มองอีกมุมเค้าก็เรียกพี่ว่าที่รักไง”
“แน่ใจเหรอพี่? เค้าไม่ได้แอบด่าว่าพี่เป็นบ้าใช่ปะ?”
คราวนี้เพื่อนผมหลุดขำ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร...
ได้ยินอย่างนั้นผมก็นิ่งไปพักนึง คิดทบทวนถึงบทสนทนาในวันนั้นอีกครั้ง
เฮ้ย! หรือเฮียจะหลอกด่าว่าผมบ้าจริงๆ!
END
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in