หรือช่วงนี้จะเป็นยุคของหมอออร์โธ?
ไม่รู้ทำไมผมถึงได้เห็นกระทู้ประมาณว่า‘มาโรงพยาบาลแล้วแอบปิ๊งหมอกระดูก’ ‘จะจีบหมอออร์โธต้องทำยังไง’ หรือรูปวาดหมอออร์โธเป็นตัวการ์ตูนผู้ชายหล่อๆตามโซเชี่ยลอยู่บ่อยครั้ง...
ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นไปในทิศทางเดียวกันว่าหมอออร์โธปิดิกส์ หรือเรียกง่ายๆว่า ‘หมอกระดูก’ เนี่ยจะเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทหนุ่มนักกีฬา กล้ามแน่น มาดเท่ มีความเป็นสุภาพบุรุษ อะไรทำนองนั้น
ถ้าหมอออร์โธส่วนมากเป็นอย่างนั้น
แล้วไอ้สิ่งมีชีวิตที่อยู่บ้านหลังเดียวกับผมนี่คือหมอออร์โธระเภทไหนวะ?-- คนป่าชัดๆ
ไม่ทันไรเสียงของมันก็ดังขึ้นมาจากหน้าบ้าน
“มึงนั่นรอตรงโซฟานั่นแหละเดี๋ยวกูเดินไปดู แป๊บนึง”
“เออ!”
คนป่าตรงไหนน่ะเหรอ?
ประเด็นแรก บ้านของมัน...
ผมไม่เข้าใจว่าบ้านทาวน์เฮ้าส์สองชั้นหลังนึงต้องมีต้นไม้เยอะแยะมากมายอะไรขนาดนี้ พอถามดูมันก็ตอบกลับมาว่า ‘ก็เตี่ยกูชอบ’
แต่ดูจากการที่มันใช้วันหยุดอันมีค่ามาตัดแต่งพุ่มไม้อยู่อย่างตอนนี้ผมว่ามันก็ชอบเหมือนกันนั่นแหละ...
พูดตรงๆผมไม่ค่อยชินกับการอยู่บ้านแบบนี้ พอหลังใหญ่ก็ต้องทำความสะอาดเยอะ ปัดกวาดเช็ดถู ดูดฝุ่นลำพังแค่ทำงานอย่างเดียวก็จะตายห่าอยู่แล้ว ให้จ้างแม่บ้านแม่งก็ไม่ยอม...
พอต้นไม้เยอะแถมยังต้องทำงานยุ่งๆไม่มีเวลาดูแล มันก็รกจนยุงเต็มบ้าน ประตูมุ้งลวดก็ไม่ยอมปิดบอกว่าปิดแล้วลมไม่เข้า ก็ถ้าชอบลมพัดมากๆมึงควรไปอยู่บ้านต้นไม้มั้ย?
ก่อนหน้านี้ผมพักอยู่ที่คอนโด แต่พอเลิกกับแฟนก็อกหักจนเสียศูนย์แล้วก็ได้มันที่เป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กมาอยู่ด้วย
อยู่ได้ไม่ทันครบเดือนแม่งบอกว่าอึดอัด... ต่อให้มันชอบมีฟิตเนสอยู่ในอาคารเดียวกัน จนสามารถไปยกเวทได้ตลอดเวลามากแค่ไหน แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าผมทนอยู่ในห้องแคบๆอุดอู้แบบนี้มาเป็นปีๆได้ยังไง
สุดท้าย มีวันนึงที่มันได้หยุด ส่วนผมต้องเข้าเวร มันก็เก็บข้าวของที่จำเป็นของผมมาไว้ที่บ้านมันหน้าตาเฉยพร้อมบอกอย่างใจดีว่า
‘ห้องนอนเยอะแยะมึงจะนอนห้องไหนก็เลือกตามสบาย’
นอกจากบ้านมันแล้วตัวมันก็อีกเรื่องนึง
เป็นบ้าอะไรนักหนาที่อยู่บ้านแล้วใส่เสื้อไม่ได้ ต้องถอดเสื้อเดินไปเดินมาตลอด พอมาเจอกับหนวดเขียวๆที่ไม่ยอมโกนเพราะเป็นวันหยุด ก็เหลือแค่เอาใบไม้มาร้อยต่อกันแล้วผูกรอบเอวก็ใช่แล้ว...
แล้วไอ้คนป่าที่ว่านั่นก็เดินเข้าบ้านมา
สิ่งแรกที่มันพูดน่ะเหรอ?
“เป็นหมอเหี้ยอะไรวะเดินตกบันได”
อย่างน้อยสิ่งนึงที่เขียนไว้ในข้อมูลของ ‘หมอออร์โธในอุดมคติ’ ก็เป็นเรื่องจริง
นั่นคือ– คุยแมนๆกับเพื่อน แต่ชอบคุยเสียงอ่อนเสียงหวานกับสาวๆ
ผมเคยได้ยินตอนมันพูดกับค้นไข้ผู้หญิงอยู่สองสามครั้ง ทำเสียงนุ่มๆ กวนนิดๆ แฝงความใจดีขี้เล่น ตบท้ายด้วยการหยอดเนียนๆ บอกเลยว่าทุกอย่างไม่ได้มีความใกล้เคียงกับสิ่งที่ผมคุ้นเคยตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่เราเป็นเพื่อนกัน
ถ้าไม่ใช่เพื่อนผมก็จะบอกว่ามันเป็นพวกตีสองหน้า
แต่นี่เห็นสนิทกันมานานบอกตรงๆเลยว่า มันตอแหล
ผมมองตามคนที่เดินเข้าห้องน้ำไปล้างมือพร้อมเถียงกลับ
“แล้วจรรยาบรรณข้อไหนเค้าห้ามหมอตกบันไดวะไอ้สัด”
ใช่ครับผมก็เป็นหมอ...
แต่ไม่ใช่หมอออร์โธยอดนิยมแบบมันหรอก ผมอยู่ฝั่งอายุรกรรม
“ไม่มีว่ะแต่มึงเสือกเป็นหมอแล้วโง่เอง”
มันพูดพร้อมกับเดินออกจากห้องน้ำมาเช็ดมือให้แห้ง ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าผม
“ไหนเอาตีนมาดูดิ๊”
“ข้อเท้าก็พอ!”
ผมพูดพลางยกขาขึ้นไปวางบนมือของมันที่ยื่นมารออยู่แล้ว
รู้สึกแปลกๆนิดหน่อยตอนที่มันจับข้อเท้าผมอย่างเบามือ ก่อนจะขยับนิดๆแล้วถามต่อ
“เจ็บมั้ย?”
“...ไม่”
“แล้วถ้าแบบนี้ล่ะ?”
แล้วมึงจะทำเสียงนุ่มทำไมวะเนี่ย?
“ก...ก็ไม่”
“ติดอ่างอะไรของมึง?”
ไอ้สัด!
คราวนี้มันเลิกสนใจเท้าของผมแล้วเงยหน้าขึ้นมามองสบตากันพร้อมกับยิ้มมุมปากมาให้ จนผมต้องขมวดคิ้ว พยายามคิดอยู่ว่าที่ประหม่าไปหมดแบบนี้เป็นเพราะอะไรแล้วก็ตอบไปเท่าที่พอจะคิดได้ในตอนนั้น
“ก็มึงจับตีนกู”
“เอ้าสัดนี่จับตีนก็ไม่ได้?”
มันตอบก่อนจะก้มลงไปจับๆบีบๆข้อเท้าต่อ และถ้าไม่ได้คิดไปเอง จากมุมที่มองอยู่นี่
...ผมว่ามันหูแดงว่ะ
สักพักมันก็วางเท้าผมลง พร้อมกับลุกขึ้นยืน ยกมือ 2 ข้างขึ้นมาค้ำไว้ที่เอวตัวเองก่อนจะพูดต่อ
“ไม่เป็นไรมากว่ะแต่ประคบเย็นสักหน่อยก็ดี”
มันก็เดินเข้าไปหลังบ้าน ก่อนจะออกกลับมากับถุงเจลและเก้าอี้ตัวเตี้ยๆ และนั่งลงอีกครั้ง จับเท้าผมไปวางบนเก้าอี้พร้อมวางเจลประคบลงมา
“นั่งแบบนี้ห้ามยุกยิกไปไหน เดี๋ยวอีก 15นาทีกูมาดูใหม่ เข้าใจ๊?”
“เออ”
“เชื่องๆแบบนี้แหละดี”
มันพูดแล้วยกมือขึ้นมาผลักหน้าผากจนหน้าผมหงายไปก่อนจะเดินออกจากบ้าน พร้อมกับที่ผมตะโกนตามหลัง
“แล้วต้นไม้มึงทำไง จ้างคนมาช่วยมั้ย?”
“มึงนั่งนิ่งๆไปเหอะบ้านกู ต้นไม้กู กูจัดการได้”
ได้ยินแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
บอกแล้วใช่มั้ยว่าไอ้บ้านี่มันคนป่าชัดๆ
END
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in