เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
#kipuuNovelberkipuu_
15 : LUDUS LOVE

  • 'แค่แอบหลงรักเธอเล่นๆ
    ตามลำพังข้างเดียวในหัวใจ
    แต่เมื่อมารู้สึกนึกอีกที เมื่อรู้ตัวอีกที
    ฉันก็รักจนลึกข้างใน...

    What wiil I do?'


    - - -


    “มีข่าวดีจะบอกเดือนหน้ามีวันหยุดเพิ่มอีกวันนะจ๊ะ!”

    คำพูดของพี่หัวหน้าฝ่ายบุคคลทำให้เสียงพูดคุยในช่วงพักเที่ยงของเราทุกคนหยุดชะงัก คนแรกที่ถามคือเพื่อนสนิทของผมที่นั่งอยู่ข้างกัน

    “ทำไมวะเจ๊?”

    “ลูกสาวบอสแต่งงานน่ะสิ บอสเลยหยุดให้ 1 วันพวกเราจะได้เตรียมตัวไปงานแต่งกันสนุกๆ”

    สนุกตายล่ะ...
    ผมแอบตอบในใจพร้อมกับที่พี่ผู้ชายจากฝ่ายซ่อมบำรุงถามขึ้นมาอีก

    “แล้วเจ้าบ่าวคือใครวะพี่”

    “อ้าว! นี่ไงพวกนายช่างวันๆเอาแต่ทำงานกับเครื่องจักร แฟนลูกสาวบอสก็น้องที่ทำบัญชีต่างประเทศไง”

    “คนไหนวะ?”

    “คนที่ลูกพี่เห็นข้างหลังแล้วคิดว่าเป็นทอม จำได้มั้ย?”

    “อ๋อไอ้น้องคนนั้น แล้วมันไม่ได้เป็นตุ๊ดเหรอวะ?”

    “ตุ๊ดอะไรล่ะ ได้ข่าวว่าเค้าคบกับลูกสาวบอสแบบเงียบๆมาตั้งนานแล้ว แต่ก็เพิ่งเปิดตัวเมื่อต้นปี จนนี่จะแต่งงานกันแล้วเนี่ย”

    “ไม่น่าเชื่อ...”

    “ไม่เชื่อพี่ก็ถามนี่เพื่อนผมๆ เกย์ตัวพ่อ ตามตำราที่เค้าว่ากันว่าผีจะเห็นผี มึงๆ มึงว่าน้องบัญชีคนนั้นแมนปะ?

    โถ่เอ๊ย! -- ทั้งๆที่ผมตั้งใจนั่งเงียบๆเหมือนตัวเองไม่ได้อยู่ในห้องนี้แล้วแท้ๆ
    ไอ้เพื่อนตัวดีมันยังเสือกจะดึงผมเข้าไปยุ่งจนได้

    ตอนนี้ทุกสายตาในห้องกินข้าวของบริษัทหันมามองที่ผมเป็นตาเดียว ผมเองก็ไล่สายตามองทุกคน ก่อนจะพูดคำสามคำหนักอึ้งในความรู้สึกจนอธิบายไม่ถูกออกมา

    “ไม่ใช่หรอก...”


    ,


    “กูไม่ได้บอกว่ารักไม่มีจริง มันมี... แต่ไม่ได้มีไว้สำหรับทุกคน”
    ไม่น่าเชื่อว่าคำพูดพล่อยๆของผมจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรารู้จักกัน

    วันนั้นเป็นงานเลี้ยงปีใหม่ของบริษัท พวกผมนั่งจับกลุ่มคุยกันเรื่องสัพเพเหระ กินอาหารบ้าง ดื่มกันบ้าง ก็ไม่ต่างจากทุกปี จนกระทั่งมีคนจุดประเด็นเรื่องการแต่งงานขึ้นมาว่าทำไมออฟฟิศเรามันถึงได้มีแต่คนโสด

    ทั้งผู้หญิงผู้ชายโสดกันหมด บางคนมีแฟนอยู่ดีๆ พอเข้ามาทำงานที่นี่ก็เลิกรากันไปซะเฉยๆ 

    ผมฟังแล้วยังแอบขำ พอคิดย้อนไปมันก็เป็นอย่างที่ว่าจริงๆนั่นแหละ แล้วเรื่องคนโสดก็ขยับไปสู่เรื่องของความรัก ตอนนั้นเองที่เพื่อนสนิทหาเรื่องให้ผมตามเคยโดยการโพล่งออกมากลางวงว่า ผมเป็นพวกไม่เชื่อในรักแท้ คบใครก็คบเล่นๆ ง่ายๆ ไม่ผูกมัด

    ...ก็เลยต้องแก้ตัวด้วยการพูดประโยคนั้นออกไป
    ซึ่งก็ไม่ได้โกหกอะไร ผมเชื่ออย่างนั้นจริงๆ

    ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าความรักมีอยู่จริง แต่ก็พูดไม่ได้อยู่ดีว่าทุกๆความรักที่เกิดขึ้น เป็นความรักที่ดี
    ยังมีคนอีกมากในโลกนี้ที่ยิ่งรักยิ่งห่วย ยิ่งรักยิ่งชีวิตพัง คนพวกนั้น บางทีอาจจะไม่เหมาะกับความรัก

    ผมเลยเชื่อว่าความรักมันมีอยู่ในโลกนี้ – แต่ก็ไม่ได้มีไว้สำหรับทุกคน...
    อย่างน้อยก็สำหรับผม 

    หลังจากหัวข้อความรักผ่านไปได้สักพักผมก็ลุกขึ้น เดินออกมาสูบบุหรี่ที่ด้านนอก หลังจากบุหรี่ไหม้ลงไปไม่ถึงครึ่งมวน เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นก็เรียกให้ผมหันไปมอง... เขาอยู่ตรงนั้น

    สารภาพตามตรงว่าผมไม่เคยสังเกตเห็นอีกฝ่ายมาก่อน แต่ในวินาทีนั้น... ใบหน้าที่ได้เห็น รอยยิ้มและท่วงท่าการขยับตัวของเขาช่างสะดุดตาจนผมต้องส่งยิ้มมุมปากไปให้ พร้อมส่งสายตาทักทาย

    เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดและสูบ ยืนพิงกำแพงข้างๆผม ปล่อยให้ความเงียบลอยผ่านไปสักพัก ก่อนจะเอ่ยทักขึ้นมา

    “เรื่องความรักน่ะ...คุณคิดอย่างนั้นจริงๆเหรอ?”

    ผมหันไปมองเลิกคิ้ว แล้วก็เข้าใจได้ว่าคงหมายถึงเรื่องรักแท้ไร้สาระอะไรนั่นที่ผมเคยพูดไป

    “อืม...ครับ”

    ผมรับคำทั้งๆที่ยังคาบบุหรี่ไว้ในปาก

    “ผมก็เหมือนกัน...”

    พูดจบเขาก็ขยับเข้ามาใกล้จนผมเห็นรายละเอียดของใบหน้านั้นได้อย่างละเอียด
    ดวงตาโตกับหางตาเรียว จมูกเล็กโด่งรั้ง ผิวขาวที่เรื่อสีชมพูอมส้มเพราะแอลกอฮอล์ 

    วินาทีที่เขามองลึกเข้ามาในดวงตาของผม ก่อนจะกระพริบตาลงจนเห็นแพขนตาชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งมันเป็นเหมือนเป็นสัญญานการเริ่มต้นของอะไรบางอย่าง... ริมฝีปากของเราประกบกัน บดเบียดแนบชิด ปลายลิ้นเกี่ยวพันแลกสัมผัสโดยไม่ลังเล

    ทันทีที่ผละจูบออกมาผมก็คว้าบุหรี่ในมือของอีกฝ่าย โยนทิ้งลงไปที่พื้นทั้งของเขาและของตนเอง ก่อนจะขยี้รองเท้าดับไฟให้สนิท ขยับตัวมายืนคร่อม มือข้างนึงกดไหล่คนตรงหน้าไว้ให้แผ่นหลังพิงกำแพง ส่วนอีกข้างสัมผัสผิวต้นคอที่ร้อนผ่าวและโน้มตัวลงไปสานต่อจากเหตุการณ์ก่อนหน้า

    ข้อตกลงระหว่างเราถูกกำหนดขึ้นในเช้าวันต่อไป...
    ข้อแรก มันเป็นแค่เรื่องทางกายเท่านั้น ไม่มีความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้อง
    ข้อที่สอง จะไม่มีการค้างคืนถ้าไม่จำเป็น หลังจากความต้องการถูกเติมเต็มเราจะแยกย้ายกันทันที
    ส่วนข้อสามมันเกิดขึ้นโดยไม่ได้มีการตกลงอะไร ...แต่เขาไม่ยอมให้ผมได้สัมผัสริมฝีปากคู่นั้นอีก

    หลังจากนั้นประมาณ1 เดือนคนในบริษัทก็เริ่มรู้เรื่องที่เขากำลังคบหากับลูกชายของท่านประธาน
    ...แต่เรื่องของเราก็ยังคงเป็นอย่างนั้นต่อไป ภายใต้ข้อตกลงที่สร้างขึ้น

    เราไม่เคยทักทายกันที่บริษัท แต่จะนัดหมายกันทางโทรศัพท์มือถือ บางครั้งก็เป็นที่คอนโดของผม หรือไม่ก็ของเขา เคยรู้สึกเบื่อกับสังคมที่ใช้ชีวิตอยู่มากๆ จนหนีไปเที่ยวรีสอร์ตบนดอยที่เชียงใหม่ด้วยกันหนึ่งครั้ง ส่วนอีกครั้งเป็นโรงแรมที่หัวหิน

    วันนั้นผมตื่นขึ้นมาเห็นเขานอนขดตัวดูน่าสงสารเหมือนลูกแมวตัวเล็กๆ แต่ก็น่ารักน่าเอ็นดูจนเผลอยิ้มออกมาตอนที่กำลังห่มผ้าให้ พอเห็นว่าอีกฝ่ายนอนสบายขึ้นผมก็เลื่อนปลายนิ้วไปสัมผัสผิวแก้มนุ่มมือลืมตัวก้มลงไปประทับจูบลงบนริมฝีปากสีอ่อน

    นั่นทำให้เขาตื่นขึ้นมาทันที กับสีหน้านิ่งสนิท 
    ภายใต้ความเงียบที่กดดัน เขากลับลุกขึ้นนั่ง แล้วพูดออกมาสั้นๆ 

    "กลับกรุงเทพกัน..."

    หลังจากนั้น ระหว่างเราก็มีแต่ความเงียบ...

    วินาทีนึงในตอนที่ผมกำลังขับรถกลับเข้ามาในตัวเมือง เขาเลื่อนมือไปกดปิดเพลงจากรายการวิทยุที่เปิดอยู่แล้วพูดออกมา

    “เรื่องของเราพอแค่นี้ดีมั้ย? ผมเบื่อแล้ว...”

    แล้วเรื่องของเราก็จบลงแบบนั้น...
    ผมไม่ได้อ้อนวอนให้เขาอยู่ ไม่ได้ต่อรองให้เรื่องของเรายังคงดำเนินต่อไป
    และไม่รู้จะเอาข้ออ้างอะไรมายื้อความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียกอันนี้เอาไว้

    ผมใช้ชีวิตต่อไปโดยทำเหมือนทุกอย่างยังเป็นปกติ และไม่พยายามหาคำตอบว่าน้ำตาที่หยดลงมาในวันที่โทรศัพท์ของผมถูกเขาตัดสายทิ้งอย่างไม่ใยดีครั้งแล้วครั่งเล่านั้นมีที่มาอย่างไร

    ,

    ปกติแล้วผมมีวันหยุดสัปดาห์ละ1 วัน คือวันอาทิตย์

    แต่วันเสาร์นี้ผมกลับได้ใช้เวลาอยู่ที่บ้าน เปิดโทรทัศน์ทิ้งไว้โดยไม่ได้ใส่ใจตั้งแต่เช้า บนโต๊ะมีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ต้มไว้และยังกินไม่หมด ข้างๆกันเป็นกระป๋องเบียร์วางเรียงไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแบบที่ไม่คิดจะนับจำนวน

    ผมนั่งอยู่บนโซฟาและพบว่าความอดทนทั้งหมดของตัวเองพังทลายลง เพราะยอมหยิบโทรศัพท์ที่กดปิดเครื่องไปตั้งแต่เช้ามาเปิดจนได้

    หนึ่งในหลายการแจ้งเตือนที่ดังขึ้นมาจากเฟสบุ๊ค ซึ่งบอกว่ามีคนต้องการที่จะแท็กรูปภาพให้ผมได้เห็น
    มันคือรูปภาพของกลุ่มเพื่อนที่ทำงานซึ่งอยู่ในชุดไม่คุ้นตา เพื่อนผู้ชายใส่สูท ส่วนผู้หญิงเป็นชุดราตรีทั้งแบบสั้นและแบบยาว...ทุกคนอยู่ในงานแต่งงาน

    ปลายนิ้วผมเลื่อนไปดูรูปภาพอื่นๆที่ถูกถ่ายในสถานที่เดียวกัน หนึ่งในนั้นเป็นรูปคู่บ่าวสาวที่จุมพิตกันอย่างอ่อนโยน... 

    ผมมองรูปภาพ มองริมฝีปากคู่นั้นที่เขามักจะปฏิเสธเสมอเวลาที่ผมต้องการสัมผัสบ้าง มือของผมกำแน่นอย่างไร้ทางออก ก่อนจะวางโทรศัพท์คว่ำลงกับโต๊ะตรงหน้า ลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เย็นและหยิบเบียร์ออกมาอีกกระป๋อง

    เพราะทุกอย่างเริ่มต้นอย่างไร้ความรู้สึก
    ...ก็ถูกต้องแล้วที่มันจะจบลงแบบนั้น



    END 





Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in