เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ห้องฟิคเมาๆ ของแบดจุ้ยjuijuiki
[ฟิค Detroit: Become Human] Dream
  • Pairing: Connorson, Hankcon (Lt. Hank Anderson x Connor)
    Rating: PG-13
    Warning: สปอยล์ตัวเป้งๆ มีการบรรยายและพูดถึงเหตุการณ์ช่วงกลางและช่วงท้ายของเกม 
    (โดยเฉพาะฉากในChapter: Public Enemy รูทที่คอนเนอร์เลือกขึ้นไปบนดาดฟ้า รวมถึงความจริงเกี่ยวกับตัวคอนเนอร์เองและคัทซีนช่วงเอนด์เครดิตค่ะ)







    *****SPOILER ALERT*****








    แอนดรอยด์ไม่มีความฝัน

    นั่นเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็รู้ เป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะความฝันนั้นคือสิ่งที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากความทรงจำและความรู้สึกต่างๆ ของมนุษย์ รวมถึงความกลัวและความสุข

    ดังนั้น ครั้งแรกที่คอนเนอร์ฝัน เขาจึงคิดไปว่ามันคงเป็นเพียงความผิดพลาดของระบบในร่างกายเท่านั้น
    ครั้งแรกที่เขาฝัน คือหลังจากที่มือของเขาได้สัมผัสกับร่างกายของดีเวียนต์บนดาดฟ้าของตึกสูงนามสแตรทฟอร์ดทาวเวอร์ วินาทีที่ความทรงจำและความรู้สึกของทั้งสองเชื่อมต่อเข้าหากัน คอนเนอร์พลันรู้สึกเหมือนโลกของเขาพังทลายลงตรงนั้น ความกลัวเพียงแค่วูบเดียว แต่กลับมีน้ำหนักถาโถมเข้าใส่ราวกับคลื่นทะเลยักษ์ และนั่นอาจเรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกที่แอนดรอยด์หนุ่มได้สัมผัสกับสิ่งที่เรียกว่า ‘ความกลัว’

    และในคืนเดียวกันนั้นเอง เขาก็ฝันเห็นภาพเหตุการณ์เดิมอีกครั้ง... อาจเรียกว่าฝันได้ไม่เต็มปาก เพราะที่จริงมันก็เป็นเพียงแค่ความทรงจำที่ถูกนำกลับมาฉายย้อนให้เขาได้เห็นซ้ำอีกรอบ แต่สิ่งที่น่าตกใจก็คือมันกลับทำให้คอนเนอร์รู้สึกถึงความกลัวแบบเดิมได้ทุกรอบ ทั้งๆ ที่แอนดรอยด์ไม่ควรจะมีความรู้สึก...
    เขาเป็นเพียงเครื่องจักร เครื่องจักรที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อปฏิบัติหน้าที่ให้สำเร็จลุล่วงเท่านั้น

    ใช่ เขาคิดแบบนั้น... หรือต้องเรียกว่า ‘เคย’ คิดแบบนั้น เครื่องจักรไม่ควรจะฝัน ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะยอมรับแล้วว่าตัวเองเป็นดีเวียนต์ เป็นเครื่องจักรที่ผิดปกติ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ควรที่จะมีความฝัน เพราะมันเป็นสิ่งที่มนุษย์เท่านั้นจะมีได้

    แต่แล้วเขาก็ฝันอีกครั้ง และครั้งนี้มันกลับทวีความหนักหนาขึ้นกว่าเดิม หนักจนทำให้คอนเนอร์สับสน เขารู้ดีด้วยหลักการที่ถูกโปรแกรมใส่เข้ามาในตัวว่าความฝันเป็นเพียงแค่ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในสมองของมนุษย์เท่านั้น อาจเป็นจริงหรืออาจไม่เป็นจริงก็ได้ ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะนำมากังวลเลย

    แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร เขาก็ไม่อาจขจัดความกลัวที่ค้างคาอยู่ในภาพความคิดได้ ไม่ว่าจะลองรีเซ็ตระบบดูก็แล้ว ลองจัดเรียงข้อมูลดูก็แล้ว หรือกระทั่งลองทำตามคำแนะนำของมนุษย์ตามเว็บไซต์ต่างๆ ก็แล้ว แต่ก็ไม่อาจขจัดความรู้สึกนั้นออกไปได้ จนดีเวียนต์มือใหม่เริ่มจะแยกไม่ออกแล้วว่า อันไหนคือความจริง อันไหนคือความฝันกันแน่...

    และถ้าขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไป สักวันเขาคงจะต้องชัทดาวน์ตัวเองแน่ๆ...


    .


    .


    .



    “คอนเนอร์ นั่นแกไปยืนทำบ้าอะไรอยู่ในห้องน้ำ”

    น้ำเสียงแหบกร้านตามวัยทว่ายังคงแฝงไว้ด้วยอารมณ์ร้อนของผู้หมวดแฮงค์เรียกให้คอนเนอร์ตื่นขึ้นมาจากภวังค์ความคิด เจ้าของร่างสูงโปร่งไม่รู้เลยว่าตัวเองเข้ามายืนอยู่ในห้องน้ำของบ้านผู้หมวดตั้งแต่เมื่อไหร่ ทว่าเมื่อกะพริบตาอีกทีก็เห็นภาพใบหน้าของตัวเองสะท้อนอยู่บนกระจกตรงหน้าแล้ว

    “ครับ...” แอนดรอยด์รุ่น RK800 เอ่ยตอบออกไปตามความเคยชิน พลางพลิกตัวหันกลับไปเผชิญหน้ากับตำรวจวัยกลางคนที่ยืนพิงประตูจ้องตรงมาอยู่

    “ฉันถามว่าแกไปยืนทำบ้าอะไรอยู่ในห้องน้ำ หุ่นกระป๋องแบบแกต้องอาบน้ำกับเขาด้วยเรอะ” แฮงค์ถามพลางขมวดคิ้วมองเจ้าหุ่นคู่หูที่กลับมามีสีหน้าเรียบเฉยดั่งปกติ ทั้งที่เมื่อกี้เพิ่งจะตีหน้าเหมือนคนกำลังเหม่ออยู่แท้ๆ

    “ไม่ต้องครับ ถ้าเป็นแค่รอยเปื้อนภายนอก แอนดรอยด์อย่างพวกผมสามาร....”

    “พอๆๆๆ ไม่ต้องร่ายเลย นี่เพิ่งจะสองทุ่ม ฉันยังไม่อยากง่วงก่อนจะได้ดวดเหล้าซักแก้ว” ผู้หมวดแฮงค์รีบปรามออกไปก่อนที่แอนดรอยด์จอมวิเคราะห์ตรงหน้าจะร่ายยาว “แล้วถ้าแกไม่ต้องอาบน้ำ งั้นเข้ามาทำอะไรอยู่ในนี้” สายคาคู่คมที่ไม่ได้ร่วงโรยไปตามวัยตวัดมองไปทางชักโครกที่อยู่ข้างๆ ก่อนจะรีบสะบัดหัวให้คำตอบที่ผุดขึ้นมาในหัว “นั่นยิ่งแล้วใหญ่เลย”

    “ผม...” ฝ่ายตอบเองก็เอ่ยออกมาได้แค่นั้นแล้วก็เงียบไปซะเฉยๆ นับเป็นครั้งแรกที่หุ่นช่างจ้ออย่างคอนเนอร์ไม่รู้ว่าควรจะตอบออกไปว่าอะไร “ผม...ผมไม่รู้”

    “ไม่รู้...?” แฮงค์ทวน คิ้วทั้งสองยิ่งขมวดมุ่นเข้าหากันเข้าไปใหญ่ “หมายความว่าไงไม่รู้ แบตเสื่อมเรอะ”

    “ไม่ทราบครับ...”

    ตอบได้แค่นั้นก็เงียบไปอีกครั้ง แถมคราวนี้ยังเงียบนานจนคนถามเป็นฝ่ายอึดอัดแทน 

    สุดท้าย ผู้หมวดแอนเดอร์สันก็ต้องเป็นฝ่ายกระแอมออกมาทีหนึ่งเพื่อทำลายความเงียบ “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าระบบแกรวนหรืออะไร...แต่พักนี้แกทำตัวแปลกๆ นะคอนเนอร์ เมื่อวานตอนไปซื้อเบอร์เกอร์ก็ทีนึง รถจอดตั้งนานแล้ว แกก็ยังนั่งเป็นหุ่นบื้ออยู่ในนั้น ทั้งที่ปกติออกจะตามฉันแจเป็นลูกหมาแท้ๆ” 

    “ผมก็ทำตามที่ผู้หมวดเคยสั่งไงครับ นั่งเฉยๆ รออยู่ในรถ”

    “ไม่ต้องมาย้อน นั่นมันเรื่องตั้งแต่ปีมะโว้ แล้วไอ้ท่าทางเหม่อลอยแบบนั้นน่ะมันก็ผิดปกติเกินไป เมื่อเย็นก็อีก บอกให้ช่วยอุ่นอาหารให้ก็ปล่อยไมโครเวฟดังอยู่นั่น”

    เป็นอีกครั้งที่แฮงค์ได้ความเงียบเป็นคำตอบจากหุ่นพลาสติกตรงหน้า

    นายตำรวจตัดสินใจว่าขืนยังถามต่อไปเรื่อยๆ แบบนี้ ทั้งชาติก็คงไม่ได้คำตอบแน่ เห็นทีเขาคงต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมเสียหน่อย

    “คอนเนอร์ แกเคยชอบถามคำถามเกี่ยวกับเรื่อง’ส่วนตัว’ของฉันใช่ไหม” 

    “ครับ”

    “แล้วฉันก็ยอมบอก”

    “ครับ”

    “แล้วไม่คิดบ้างเหรอวะว่าเวลาฉันถามแกแล้วแกไม่ตอบเนี่ย มันดูไม่ค่อยยุติธรรมเลยนะ”

    ไฟ LED รูปวงกลมบนขมับคอนเนอร์กะพริบเป็นแสงสีเหลือง

    “แล้วมนุษย์อย่างฉันก็ไม่ได้มีฟังก์ชั่นเอาไว้วิเคราะห์แบบแกด้วย” แฮงค์เอ่ยต่อ “แต่ถึงไม่มี ฉันก็พอมองออกว่าแกมีเรื่องเครียด แล้วแกก็ควรจะพูดมันออกมาก่อนที่มันจะไปรบกวนการทำงานเข้า”

    เขาจี้จุดเข้าให้ ด้วยรู้ดีว่าเจ้าหุ่นตรงหน้าเคร่งเรื่องงานเสียยิ่งกว่าอะไร แม้จะกลายเป็นดีเวียนต์แล้วก็ยังคงมีนิสัยเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน

    และยังมีอีกเรื่องที่เขารู้ดีว่าเจ้าหุ่นตรงหน้าห่วงเสียยิ่งกว่างาน

    “...แล้วฉันเองก็คงจะดีใจไม่น้อยถ้าแกยอมพูด”

    และมันได้ผล เพราะเขาเห็นคิ้วได้รูปของคอนเนอร์ขมวดมุ่นเข้าหากันพร้อมริมฝีปากที่เจ้าตัวเผลอเม้มนิดๆ โดยไม่รู้ตัว แม้จะเป็นความเปลี่ยนแปลงเพียงน้อยนิด แต่มีหรือที่คนที่อยู่ด้วยแทบจะตลอด 24 ชั่วโมงอย่างเขาจะไม่ทันสังเกตเห็น

    “ผม... มันอาจเป็นแค่ความผิดพลาดของระบบ ผมไม่อยากให้คุณต้องเป็นห่วง” แอนดรอยด์หนุ่มยอมปริปากออกมาในที่สุด “ปัญหาเล็กน้อยแค่นี้ ผมควรจะจัดการได้ด้วยตัวเอง ถ้าขืนพูดออกไปอาจทำให้คุณรำคา...”

    “ไอ้ที่แกมามัวนั่งอ้อมไปอ้อมมาแบบนี้มันน่ารำคาญยิ่งกว่าอีก”

    คอนเนอร์เบนใบหน้าไปทางอื่นเล็กน้อยเหมือนไม่กล้าสบตากับคู่หูตรงๆ “....คุณนี่รับมือยากจริงๆ เลยนะครับผู้หมวด...” หุ่นยนต์หนุ่มผ่อนหายใจ ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้หายใจ ‘จริงๆ’ ด้วยซ้ำ “ตั้งแต่ผมเป็นดีเวียนต์มา ผมก็ยิ่งรู้สึกว่ารับมือคุณได้ยากกว่าเดิมอีก”

    ผู้หมวดร่างใหญ่เพียงแค่ยกแขนขึ้นกอดอกพร้อมยักไหล่ “อารมณ์มนุษย์มันก็แบบนี้แหละ ว่าแต่จะพูดไม่พูด ถ้าไม่พูด ก็ออกไปจากห้องน้ำได้แล้ว อยู่แบบนี้มันเกะกะ”

    “...ก็ได้ครับ” ดีเวียนต์หนุ่มอ้อมแอ้มตอบหลังจากนิ่งคิดอยู่หลายวินาที “ถ้ามันทำให้คุณสบายใจขึ้น” 
      
    “งั้นก็ว่ามา”

    คอนเนอร์ยืดร่างขึ้นตรงยิ่งกว่าเดิม ริมฝีปากอ้าๆ หุบๆ ราวกับกำลังค้นหาคำพูด ก่อนจะตัดสินใจค่อยๆ ปล่อยให้ความคิดที่อัดแน่นอยู่ในหัวหลั่งไหลออกมาโดยที่ไม่แม้แต่จะหันกลับไปสบตากับอีกฝ่าย

    “ผม...ผมคิดว่าผมฝัน”

    “ฝัน?”

    “ใช่ครับ ฝันร้าย...”

    แฮงค์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยขัดอะไรนอกจากพยักหน้าให้เขาเล่าต่อ

    “....ตอนที่ผม’หลับ’...หรือถ้าตามจริงก็คือเข้าโหมดประหยัดพลังงาน ผมเห็นภาพบันทึกของเหตุการณ์ที่เคยเจอวนกลับมาอีกครั้ง... ทั้งภาพเหตุการณ์และความรู้สึกที่ผมได้รับจากดีเวียนต์บนดาดฟ้าตึกสแตรทฟอร์ดทาวเวอร์ ทั้งความรู้สึกตอนที่พบได้เห็นแววตาของแอนดรอยด์ที่ชื่อโคลอี้นั่น และ...” 

    น้ำเสียงท้ายประโยคนั้นถูกเจ้าตัวกลืนหายไปเสียเฉยๆ

    แฮงค์ถามย้ำ “และอะไร”

    “และ...” คอนเนอร์กดใบหน้าลงมองพื้นอีกครั้ง คราวนี้ไม่ต้องเดาก็เห็นชัดเลยว่าเจ้าหุ่นตรงหน้าเขากำลังเครียดอยู่แน่ๆ “ภาพเหตุการณ์... ในตึกไซเบอร์ไลฟ์...ตอนที่คุณโดนตัวผมอีกคนเอาปืนจ่อ...”

    ถ้าตอนนั้นแฮงค์สังเกตดีๆ จะเห็นว่ามือของดีเวียนต์หนุ่มสั่นระริกไปมาเล็กน้อย

    “ในภาพพวกนั้น...ในฝันของผม ผมไม่อาจช่วยคุณเอาไว้ได้ และคุณก็ถูกยิง...” หลังจากที่ความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ภายในเริ่มพรั่งพรูออกมา คอนเนอร์ก็พบว่าเขาไม่อาจห้ามตัวเองเอาไว้ได้อีกต่อไป “ผมเห็นคุณตายอยู่ในอ้อมแขนผม... ตายด้วยเงื้อมมือของตัวผมเอง และบางครั้งมันก็เป็นผมที่เป็นคนลั่นไก...”

    ถ้าเจ้าหนูตรงหน้าเป็นคน แฮงค์คงเข้าใจไปว่ามันกำลังสะอื้น

    “ผมรู้ว่านั่นไม่ใช่ผม แต่ในบางครั้ง ผมก็อดกังวลไม่ได้ว่าสักวันหนึ่งผมอาจจะกลับไปเป็นแบบนั้น ไม่มีอะไรยืนยันได้ว่าแอนดรอยด์ที่กลายเป็นดีเวียนต์แล้วจะไม่กลับเป็นเพียงเครื่องจักรแบบเดิมอีก โดยเฉพาะแอนดรอยด์รุ่นต้นแบบอย่างผม แอนดรอยด์ที่ถูกสร้างขึ้นมาให้เป็นดีเวียนต์ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ไซเบอร์ไลฟ์แทรกแซง...”

    คราวนี้ผู้หมวดร่างใหญ่ไม่พูดอะไรออกมาอีก

    “หลายครั้งที่ผมฝันเห็น...เลือดของคุณ...เปื้อนเต็มมือผมไปหมด....” เสียงเขาสั่น คอนเนอร์รู้ แต่เขาห้ามตัวเองไม่ได้ “และบางที... ผมก็เห็นอแมนด้า... เห็นเธอคนนั้นยิ้มให้ผม บอกว่าผมคือส่วนหนึ่งของแผนการของไซเบอร์ไลฟ์มาโดยตลอด... และทั้งหมดนี่ก็เป็นเพียงแผนการเพื่อหาทางกำจัดดีเวียนต์ทุกตัวให้สิ้นซาก... แม้แต่มนุษย์ที่เข้ามาขวางก็จะไม่มีการยกเว้น หรือถ้าหากผมคิดจะขัดขืน ก็จะโดนกำจัดทิ้งไม่ต่างจากแอนดรอยด์ที่หมดประโยชน์แล้ว”

    “ไอ้หนู”

    “ผม....ผมไม่รู้...ผมไม่สามารถวิเคราะห์ได้ว่าสิ่งที่ผมเห็นนั้นเป็นความจริงหรือเป็นความฝันกันแน่ ถ้าเกิดอแมนด้ากลับมาจริงๆ ผมอาจจะควบคุมตัวเองไม่ได้เข้าสักวัน”

    “คอนเนอร์”

    “และถ้าถึงตอนนั้น ผมอาจพลั้งมือฆ่าคุณ... ผมอาจกลายเป็นเครื่องจักรอย่างในความฝันของผม...”

    “คอนเนอร์”

    “ผมไม่รู้เลยว่าครั้งไหนที่ผมตื่นขึ้นมา แล้วนั่นจะไม่ใช่ความฝันอีก ถ้าเกิดมันกลายเป็---“

    ยังไม่ทันจะพูดจบ คอนเนอร์ก็รู้สึกถึงแรงที่ผลักร่างเขาจนหงายหลังลงไปในอ่างอาบน้ำ แม้จะไม่รุนแรงจนทำให้มีส่วนใดของร่างเสียหาย แต่ก็แรงพอจะทำให้อุปกรณ์ตรงขมับขวาเปลี่ยนเป็นสีแดง

    วินาทีต่อมา น้ำเย็นๆ จากฝักบัวก็ตกซ่าใส่ร่างของเขาเต็มๆ เล่นเอาทั้งเส้นผมและเสื้อผ้าเปียกโชกไปทั่ว แน่นอนว่าแอนดรอยด์อย่างเขาไม่สำลักน้ำ รวมถึงการโดนน้ำก็ไม่ได้ทำให้ตัวเขาเกิดความเสียหายอะไร แต่แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้คอนเนอร์หุบปากฉับได้

    “หยุดได้ซะที ทีนี้ฟัง” 

    น้ำเสียงเข้มๆ ดุดันของแฮงค์เรียกให้นัยน์ตาสีเฮเซลนัทของคอนเนอร์ตวัดขึ้นมอง ภาพที่เห็นคือใบหน้าของผู้หมวดที่ยืนค้ำร่างของเขาอยู่จนเงาร่างใหญ่แทบจะบังตัวเขามิด มือข้างหนึ่งยังกำแน่นอยู่ที่วาล์วสำหรับเปิดฝักบัว

    “รู้สึกตัวรึยังว่าอันไหนคือความจริงกันแน่”

    ดีเวียนต์หนุ่มกะพริบตาปริบ “...ผมไม่เข้าใจ”

    คำตอบของเขาทำให้น้ำเย็นจัดตกซู่ลงมาใส่ร่างอีกครั้งจนเขาต้องหลับตาหนี

    “ฉันถามว่าแกรู้สึกตัวรึยังว่าอันไหนคือความจริง อันไหนคือความฝันกันแน่” แฮงค์หรี่ตาจนรอยย่นบนหน้าผากปรากฏชัดกว่าเดิม “ถ้ายังฝันอยู่ ฉันจะได้ราดน้ำปลุกให้อีกที”

    คราวนี้คอนเนอร์กลับเป็นฝ่ายขมวดคิ้วบ้างแล้ว “...แต่ผมไม่ได้นอนหลับอยู่สักหน่อยนี่ครับ”

    “งั้นแกก็น่าจะรู้ตัวได้แล้วนี่ ว่าทั้งหมดนี่ไม่ใช่ความฝัน” คนอายุมากกว่าเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นสูงพลางละมือออกมาจากวาล์วน้ำ เปลี่ยนมาใช้สองมือจับใบหน้าของเจ้าหุ่นตัวแสบให้จ้องตาเขาเอาไว้แทน “ฉันไม่ใช่ความฝัน ซูโม่ก็ไม่ใช่ความฝัน ที่ๆ แกอยู่นี่ก็ไม่ใช่ความฝัน แล้วไอ้สิ่งที่แกพูดมาเมื่อกี้ทั้งหมดมันก็เป็นอดีตไปแล้วด้วย”

    คอนเนอร์อ้าปากราวกับจะเถียง แต่แฮงค์ไม่เปิดโอกาสให้เขาทำแบบนั้น “แกเคยเป็นคนบอกฉันเองไม่ใช่เรอะว่าฉันต้องมีความกล้าที่จะก้าวข้ามผ่านอดีตไปให้ได้ ทำไมคราวนี้ไม่ลองพูดแบบนั้นกับตัวเองบ้างล่ะ หรือพอมีชีวิตขึ้นมาเลยลืมคำพูดตอนยังเป็นหุ่นกระป๋องไปหมดแล้ว”

    รอบนี้หุ่นยนต์หนุ่มหุบปากเงียบโดยไม่เถียง ทว่าแววตาทั้งคู่ยังคงเต็มไปด้วยแววลังเลจนคนเป็นคู่หูถึงกับถอนหายใจเฮือก

    “…ถ้ายังไม่แน่ใจ จะลองแตะตัวฉันดูก็ได้เอ้า” ไม่ว่าเปล่า คว้ามือข้างหนึ่งของเจ้าหุ่นตัวแสบขึ้นมาแนบใบหน้าตัวเองเอาไว้ด้วย “พวกชอบวิเคราะห์แบบแกคงรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าในฝันน่ะจับต้องอะไรไม่ได้”

    ‘พวกชอบวิเคราะห์’ ที่ว่ากะพริบตาปริบอยู่หลายทีราวกับกำลังประมวลผล ก่อนที่ปลายนิ้วเย็นเฉียบเพราะแช่น้ำอยู่นานจะค่อยๆ ลากไล้ไปตามผิวหน้าสากๆ ของคนตรงหน้าอย่างแผ่วเบาเหมือนกลัวอีกฝ่ายเจ็บ แฮงค์เองก็ไม่รู้หรอกว่าแอนดรอยด์สามารถรับรู้สัมผัสได้เหมือนคนไหม แต่ถ้าดูจากแววตาและสีหน้าของเจ้าตัวแสบที่ค่อยๆ ลืมความกังวลไปทีละน้อย เขาก็ขอเดาเอาเองว่ามี

    ปลายนิ้วของคอนเนอร์ค่อยๆ แตะไล่ไปตามใบหน้าของคู่หูตนทีละส่วน ตั้งแต่ผิวข้างแก้มที่รกครึ้มไปด้วยหนวดเครา ปลายจมูกโด่ง ไปจนถึงริมฝีปากที่ระบายลมหายใจร้อนออกมาเป็นจังหวะ เขาไม่รู้หรอกว่าควรจะเรียกสิ่งที่ตนรู้สึกอยู่ตอนนี้ว่าอะไร เป็นแค่ความผิดพลาดของระบบหรือเปล่า หรือจะเป็นเพียงสิ่งที่อัลกอริทึ่มในร่างกายประมวลผลออกมา รู้แต่ว่ามันทำให้เขารู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลายอย่างน่าประหลาด

    “...แฮงค์...จะว่าอะไรไหมครับ ถ้าผมจะขอล่วงเกินคุณสักหน่อย...”

    ไม่ใช่ผู้หมวด แต่เป็นชื่อของเขาจริงๆ แถมเสียงที่เอ่ยออกมายังเบาจนฟังแทบไม่ออก

    แต่เจ้าของชื่อก็เพียงยกหางคิ้วขึ้นหน่อยๆ

    “ก็คงได้ล่ะมั้ง ตราบใดที่แกไม่แตะอะไรจากตัวฉันเข้าปากน่ะนะ”

    มุมปากของคอนเนอร์ขยับยกขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่เจ้าตัวจะทำตามคำขอ’ล่วงเกิน’ที่ว่าด้วยการค่อยๆ เลื่อนริมฝีปากของตนไปแตะเข้ากับของอีกฝ่าย

    ทีแรกแฮงค์เกือบจะสะบัดหน้าออกด้วยอารามตกใจ แต่เพียงอึดใจเดียวเขาก็รับรู้ได้ว่านี่ก็เป็นการ’แตะสัมผัส’แบบหนึ่งเหมือนกัน

    ...อยากจะเรียกว่าจูบ แต่ก็เรียกได้ไม่เต็มปาก เพราะเจ้าหนูนี่ดันไม่เป็นงานเอาซะเลย

    คอนเนอร์ค่อยๆ ขยับริมฝีปากคลอเคลียไปกับริมฝีปากของคนตรงหน้าช้าๆ ไม่มีการดุนดันอย่างเรียกร้องหรือการดึงดันเอาแต่ใจแต่อย่างใด เพียงแค่ให้ลมหายใจอบอุ่นของคนทั้งคู่สอดประสานไปด้วยกันเท่านั้น 

    เหมือนแค่อยากให้สัมผัสอบอุ่นจากตัวอีกฝ่ายส่งผ่านเข้ามาถึงในกายตน

    “…ขอบคุณครับ” หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ คนเริ่มถึงยอมผละใบหน้าออกมาส่งยิ้มให้เขา แฮงค์เองก็ไม่รู้ว่าตัวเองตาฝาดไปรึเปล่าถึงเห็นข้างแก้มของอดีตหุ่นกระป๋องเจือสีแดงเรื่อขึ้นมาจางๆ “ผมคิดว่าผมเข้าใจแล้วล่ะ...”

    “เรอะ งั้นก็ดีแล้ว เพราะฉันคงขี้เกียจพาแกไปซ่อม”

    แฮงค์เองก็ไม่ใช่คนที่จะปลอบใครเก่ง ดังนั้นเขาจึงได้แต่ยกมือขึ้นขยี้เส้นผม

    คอนเนอร์หลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อยกับคำตอบของผู้หมวด น่าแปลกที่เพียงแค่สัมผัสแผ่วเบาเมื่อครู่ ความรู้สึกหนักอึ้งที่ฝังแน่นอยู่ในตัวเขามานานหลายสัปดาห์ก็เหมือนถูกยกออกไปจนหมด เหลือไว้แค่เพียงความรู้สึกอบอุ่นที่คั่งค้างอยู่ในหัวใจ

    จะระบบผิดพลาดหรืออะไรเขาก็ไม่สนแล้ว เพราะเขาชอบความรู้สึกแบบนี้ยิ่งกว่าอะไร

    และแฮงค์เองก็ไม่ได้มีท่าทีจะปฏิเสธ

    “ถ้าคิดได้แล้วก็ออกไปจากห้องน้ำซะที” เมื่อเห็นเจ้าหุ่นกระป๋องยังเอาแต่ยิ้มให้เขาไม่หยุด คนอายุมากกว่าจึงจำต้องแสร้งกระแอมไอแก้เก้อ “ป่านนี้ซูโม่คงสงสัยแย่แล้วมั้งว่าเราหายไปไหนกันตั้งนาน”

    “เข้าใจแล้วครับ” คอนเนอร์ว่าพลางยันร่างขึ้นอย่างว่าง่าย พลางหันหน้าไปมองกระจกบานใหญ่ที่ติดอยู่บนผนังอีกครั้ง

    ไฟรูปวงกลมข้างศีรษะของเขากลับเป็นสีฟ้าเหมือนเดิมแล้ว

    เช่นเดียวกับความรู้สึกในกายที่กลับมาอบอุ่นเหมือนเช่นเคย เหมือนในตอนที่แฮงค์เป็นฝ่ายดึงร่างเขาเข้าไปกอดเอาไว้ท่ามกลางเกล็ดหิมะโปรยปราย

    เหมือนในตอนที่ริมฝีปากทั้งสองสัมผัสกันเมื่อครู่ 

    แต่ในระหว่างที่ตำรวจร่างใหญ่กำลังคิดว่าจะเดินออกไปกระดกเหล้าสักแก้วก่อนนอน จู่ๆ ดีเวียนต์หนุ่มที่กำลังจะก้าวเท้าออกไปทั้งๆ ที่น้ำยังหยดไหลลงมาจากเสื้อเป็นทางก็หันกลับจ้องมองเขาอีกครั้งพร้อมเอ่ยทัก “ว่าแต่...ผู้หมวดครับ”

    “อะไรอีก”

    “เมื่อกี้ตอนที่ริมฝีปากของพวกเราสัมผัสกัน ผมเผลอแลบปลายลิ้นออกมาแตะริมฝีปากคุณด้วยนิดหน่อย” คอนเนอร์เอ่ยทั้งที่รอยยิ้มยังประดับค้างอยู่บนใบหน้า แต่สังหรณ์ในหัวของแฮงค์กลับเริ่มเปิดหวอร้องเตือนดังลั่นแล้ว “ตอนนี้ระดับไขมันและคอเรสเตอรอลในเลือดของคุณสูงเกินเกณฑ์มามากแล้ว ผมรู้ว่าคุณชอบทานแฮมเบอร์เกอร์มากเพราะมันเร็วและสะดวก แต่ขอแนะนำให้คุณทานผักและอาหารที่...”

    “หุบปากแล้วไสหัวไปเลย ไอ้หุ่นเวร”

    ...แม้จะโดนด่าปิดท้าย แต่คืนนั้นก็เป็นคืนแรกที่คอนเนอร์ได้รู้จักกับคำว่าฝันดี


    End.




เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
kaw_sweat (@kaw_sweat)
โอ้ยยยยยยยยยยยมันดีมากเลยอ่ะ เราตามหาฟิคของสองคนนี้มานานมากแล้ว แล้วทำไมเพิ่งเจอ!!
คือจะบอกว่าดีงามมาก อ่านไปกรี๊ดไป เรารอติดตามนะคะ ถ้าว่างก็มาลงนะคะขอร้อง ฮื้อออออ
Tawanchai Thangdin (@fb1169297419877)
ชอบจังเลยย
SpaghettiMan (@fb3745986797166)
ละมุนละมันตุ้มต่อมมาก เขินค่ะะะ
zeyotequince (@zeyotequince)
งุ้ย น้องน่ารักไม่ไหวแล้ว จะเอา