หาหมอได้ไม่นาน เราก็ไม่ไหวต้องลาออกจากพาร์ทไทม์ที่ทำอยู่ แต่มันก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย ช่วงที่ต้องส่งงานเราทำเรื่อยๆแบบไม่ได้นอน คือถ้ากินยานอนหลับงานเราก็จะไม่เสร็จ ซึ่งเราก็ทำจนเช้าแล้วมันก็ยังไม่เสร็จ เราเริ่มกังวล เครียด แพนิค ร้องไห้ คิดอะไรไม่ออกเลยตอนนั้น โทรหาเพื่อนตอน7โมงเช้า รู้แน่ๆว่ามันยังไม่ตื่น แต่เราไม่ไหวแล้วจริง คืออยู่ๆสติก็หลุดไปเลยเหมือนคนบ้ามากๆ โทรคุยกับเพื่อนก็พูดไม่รู้เรื่อง พูดแค่ว่าทำไม่ได้ ไม่ไหวแล้ว จนเพื่อนบอกถ้าทำอะไรไม่ได้ก็กินยาแล้วนอนพักผ่อนซะ เราก็เออโอเค กินยานอนหลับ กินยาระงับอารมณ์ กินทุกอย่างที่มีตอนนั้น
แต่ความรู้สึกล้มเหลวก็ตีเข้ามาอีก ทำไมเราถึงทำไม่ได้ ทำไมเราถึงไม่สู้ ทำไมอ่อนแอแบบนี้ ตอนนั้นหันไปเห็นมีด ก็ไม่ได้คิดอะไรเลย กรีดมันลงไปที่แขน กรีดจนกว่าเลือดจะไหล ที่เราไม่กรีดข้อมือเพราะเราสักเอาไว้ รู้ว่าสักวันตัวเองจะควบคุมไม่ได้ อย่างน้อยสักไว้ก็มีอะไรให้เห็นที่ข้อมือมากกว่าเส้นเลือดละมั้ง เรากรีดจนพอใจ มันรู้สึกดีจริงๆนะ มันเหมือนกับเราทำผิดอะไรซักอย่าง แล้วหาวิธีลงโทษกับตัวเอง หรือเราทำอะไรแล้วไม่สำเร็จสักอย่างแต่สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราทำได้ หลังจากนั้นเราก็ปิดโทรศัพท์ ตัดขาดจากโลกแล้วหลับไปเลย เราไม่ได้ส่งงาน เราตัดสินใจไปหาหมอที่สนิท และเล่าทุกอย่างให้ฟัง ทำแผลแล้วก็ใบรับรองแพทย์ที่ไม่ได้ส่งงาน ไม่ได้ส่งงานครั้งนี้ทำให้เพื่อนและอาจารย์รู้มากขึ้นว่าเราเป็นโรคซึมเศร้า
.
ซึ่งแน่นอนว่ามีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งถัดไป ซึ่งมันหนักกว่า หลังจากรอยรอบแรกจางไปหมดแล้ว เราก็มีเรื่องที่เครียดกังวลเข้ามาอีก เรากรีดมันลงไปอีกด้วยคัตเตอร์ เพราะเป็นครั้งที่2เราจึงมีความกล้าพอที่จะทำให้มันลึกลงไปอีก จนตอนนี้ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่เดือนแล้วแต่รอยก็ยังอยู่ มันก็ดีนะหลังจากนั้นเราก็ไม่ทำมันอีกเลย
บางครั้งที่มีความคิดอยากทำร้ายตัวเอง เราก็จะนึกภาพ แต่มีสติพอที่จะไม่ทำมันลงไปจริงๆ
หลังจากนั้นเราก็ย้ายโรงพยาบาลซึ่งได้พบหมอที่ใส่ใจมากๆ ช่วงไหนที่เราอาการไม่ดี หรือมีการปรับยาหมอก็จะนัดทุกอาทิตย์เลย เวลาเรามีปัญหาอะไรหมอก็จะพยายามช่วยกันหาทางออก ซึ่งมันดีมากๆ ช่วงหลังๆเราไม่ค่อยเล่าอาการหรือความคิดของเราให้ใครฟังเลย แต่หมอเป็นคนเดียวที่เราพร้อมจะเล่าให้เค้าฟังทุกเรื่อง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in