เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ห้องตรวจหมายเลข 5นักเล่าเรื่อง
9 สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณกำลังเป็นโรคซึมเศร้า
  • 1. มีอารมณ์เศร้า บางครั้งก้าวร้าวและหงุดหงิด
         ฉัน : สวัสดีค่ะหมอ 
    ฉันก้าวเข้าไปในห้องตรวจและยื่นดอกไม้แห้งสีม่วงช่อเล็กให้หมอพร้อมแนบจดหมายน้อยเอาไว้ด้วย
         หมอ : สวัสดีครับ....
         ฉัน : มีคนแซงคิวเข้าห้องตรวจค่ะหมอ
    ยังไม่ทันที่หมอจะพูดจบฉันก็ชิงบอกหมอไปด้วยความอารมณ์เสีย
         หมอ : แต่ผมก็กดเรียกตามที่เค้าจัดคิวมาให้นะครับ
         ฉัน : ไม่ค่ะหมอ! ตอนแรกมันขึ้นว่าคิวของฉันเป็นคิวถัดไป แต่พอหมอกดเรียกมันก็ขึ้นเลขของใครมาแทนก็ไม่รู้
         หมอ : เดี๋ยวผมไปบอกพยาบาลที่ดูแลระบบคิวให้นะครับ เชิญคุณนั่งก่อนเถอะครับ
    ฉันเพิ่งสังเกตว่าตัวเองยืนจังก้าอยู่หน้าโต๊ะหมอ มือค้ำบนโต๊ะอย่างหาเรื่อง เสียงที่ใช้คุยกับหมอก็แข็งกร้าวจนสังเกตได้

    2. ขาดความสนใจในสิ่งที่เคยชอบทำ
         หมอ : สรุปว่าคุณเป็นยังไงบ้างครับ
    หมอถามขึ้นอีกครั้งด้วยความใจเย็นหลังจากฉันนั่งลงแล้วเรียบร้อย
         ฉัน : เบื่ออ่าหมอ มันเบื่อไปหมด 
         หมอ : เช่นอะไรบ้างล่ะครับ 
         ฉัน : หนังสือที่ชอบอ่านอ่า มันก็ไม่น่าอ่านแล้วอ่า อย่าว่าแต่เอามาเปิดเลย แค่เห็นมันตั้งอยู่ก็จะอ้วกใส่แล้ว รู้สึกเกีลยดหนังสืออ่าช่วงเนี้ย
         หมอ : แล้วกิจการหนังสือที่ทำอยู่ล่ะครับ
         ฉัน : ก็พยายามเบรกให้ได้มากที่สุดค่ะ พยายามไม่หาลูกค้าเพิ่ม หรือไม่พรีออเดอร์หนังสือใหม่ๆค่ะ เบื่อจะหยิบจับหนังสือทุกเล่มนั่นแหละค่ะ หนังสือเรียนก็ด้วย

    3. น้ำหนักลดลงหรือเพิ่มขึ้นมาก สาเหตุจากความอยากอาหารเปลี่ยนไป
         หมอ : ผมสังเกตว่าคราวนี้น้ำหนักของคุณเพิ่มขึ้นมานิดหน่อยนะ การกินเป็นยังไงบ้างครับ
         ฉัน : เดี๋ยวนี้สังเกตว่ากินน้ำหวานๆเยอะมากขึ้นค่ะ ยิ่งพวกนมชมพูเย็นหรือชาเขียวเย็น กินแล้วมันสดชื่นดีค่ะ
         หมอ : เป็นอย่างนี้มานานเท่าไหร่แล้วครับ
         ฉัน : ก็อาทิตย์สองอาทิตย์นี้แหละค่ะ

    4. นอนไม่หลับหรือนอนมากกว่าปกติ
         ฉัน : อีกอย่างที่น้ำหนักขึ้นเพราะฉันกินแล้วนอนด้วยมั้งคะ
         หมอ : เพิ่งเป็นเหมือนกันหรอครับ
         ฉัน : เท่าที่สังเกตได้ก็น่าจะเพิ่งเป็นนั่นแหละค่ะ กินเสร็จแล้วมันง่วงอ่า นอนกลางวันบ่อยมากเลย เนี่ยยังคิดอยู่เลยนะว่าถ้าต้องเรียนต่อแล้วจะเรียนยังไงไหว
         หมอ : บางครั้งผมตรวจคนไข้อยู่ก็ง่วงเหมือนกันนะ แอบหาวไม่ได้ด้วย
    หมอบอกฉันแล้วยิ้มที่มุมปาก

    5. รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยตลอดเวลา
         หมอ : ผมสังเกตมาตั้งนานแล้วว่าคุณหายใจแรงมากเลย เมื่อกี้ไปทำอะไรมาหรอครับ
         ฉัน : ก็ไม่ได้ทำอะไรนี่คะ ก็เข้าแถว ขึ้นลิฟท์ แล้วก็เดินมาห้องตรวจนี่
         หมอ : ทำไมหายใจแรงจังครับ เดินมาห้องตรวจนี่เหนื่อยหรอ
         ฉัน : ค่ะหมอ อาจจะเพราะอ้วนขึ้นมั้งเลยเหนื่อยง่าย น้ำหนักขึ้นนี่ ใช่มั้ยคะ
         หมอ : ใช่ครับ แล้วคุณไม่อยากออกกำลังกายบ้างหรอครับ หมอว่ามันช่วยได้นะ
         ฉัน : ไม่อ่าค่ะ แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว ขี้เกียจ อยากนอนนานๆมากกว่า น้ำหนักจะขึ้นจะลงก็ช่างมันเถอะค่ะ ฉันไม่สนใจอยู่แล้ว
    ฉันตอบหมอแล้วเบือนหน้าหนี เบะปากพูดด้วยความเบื่อหน่าย ถอนหายใจเฮือกใหญ่และหันหลับมามองตาหมออีกครั้ง วันนี้ดูเหมือนหมอจะสดใสเป็นพิเศษ ไม่รู้ไปทำอะไรมา

    6. มองโลกในแง่ร้าย รู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า รู้สึกผิด
         ฉัน : ถามจริงนะหมอ หมอไม่เหนื่อยบ้างหรอที่ต้องมานั่งฟังเรื่อง negative ของคนไข้ทุกวันอย่างงี้อ่า
         หมอ : ไม่นี่ครับ มันเป็นหน้าที่ผมอยู่แล้ว คุณมีอะไรรึเปล่าครับ
         ฉัน : แค่รู้สึกเกรงใจหมอค่ะ ที่ต้องมานั่งฟังเรื่องของคนไข้อย่างฉัน รักษามาตั้งนานแล้วยังไม่ดีขึ้นซักที ขอโทษนะคะหมอ
         หมอ : ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ คุณก็ดีขึ้นเยอะแล้วนะถ้าเทียบกับเมื่อปีก่อนๆที่ผมเพิ่งรู้จัก
         ฉัน : อย่างนั้นหรอคะ หมอไม่รู้สึกท้อกับการรักษาฉันจริงหรอคะ
         หมอ : ไม่ครับ แค่เห็นคนไข้ดีขึ้นผมก็ดีใจแล้ว หรือต่อให้ไม่ดีขึ้นเลยผมก็จะรักษา จะชวนมาคุยกันจนกว่าจะดีขึ้น

    7. ไม่มีสมาธิ ความจำแย่ลง
         หมอ : แล้วมีเรื่องอะไรจะเล่าให้ผมฟังอีกบ้างครับ
         ฉัน : อาทิตย์ที่แล้วเฟลมากเลยค่ะ เพิ่งโดนลูกค้าตำหนิมาเยอะมาก
         หมอ : อ้าว ทำไมละครับ ไปทำอะไรมา ไหนเล่าให้ผมฟังซิ
         ฉัน : ก็เมื่อปลายเดือนที่แล้วมีรายการพรีออเดอร์หนังสือ ก็เปิดพรีออเดอร์ไปปกติจนหนังสือมาส่งเมื่อวันก่อน จำได้ว่าตอนเปิดพรีมันขี้เกียจมากๆเลยรับพรีเอาไว้หลายรายการโดยไม่ได้จดที่อยู่ลูกค้า ตอนนั้นคิดว่าน่าจะจำได้ แต่เมื่อวันก่อนพอจะแพ็คของส่งก็ลืมจนได้ ตกหล่นไป 4 ออเดอร์ โดนลูกค้าทวงและด่าเปิงเลยค่ะ
         หมอ : โห แย่หน่อยเน้อ แล้วคุณจัดการยังไงครับ
         ฉัน : ก็ขอโทษขอโพยเค้าไป แล้วก็แถมของไปให้ในกล่องด้วย กลัวว่าเค้าจะเลิกติดตามเลยกลายเป็นว่าขาดทุนเพราะของแถมไปอีก เมื่อไหร่ร้านหนังสือจะมีกำไรจริงๆจังๆกับเค้าซักทีก็ไม่รู้ พูดแล้วท้อเลยค่ะ
         หมอ : ผมเป็นกำลังใจให้นะครับ แต่หมอขอเสนอว่าต่อไปควรจะจดรายละเอียดทุกออเดอร์ไม่ว่าจะจำได้หรือไม่ก็ตามดีกว่านะครับ
         ฉัน : นั่นสินะคะ ปกติก็ทำอย่างนั้นทุกออเดอร์ แต่พรีออเดอร์รอบล่าสุดมันขี้เกียจนี่คะ

    8. รอบเดือนผิดปกติ มีความสนใจเรื่องเพศลดลงหรือมากขึ้น
    ฉันนั่งมองหมอ N พิมพ์คอมพิวเตอร์ต๊อกแต๊กๆโดยที่ไม่ได้พูดอะไร ทั้งห้องมีเพียงเสียงคีร์บอร์ดดังก้อง หมอเหลือบตามามองฉันบางครั้งและพิมพ์อะไรซักอย่างลงไป หมอ N เป็นหมอรุ่นเดียวกับหมอ J และอีกไม่กี่เดือนพวกหมอๆก็จะเรียนจบกันไปหมดแล้ว ฉันคงจะไม่ได้เจอหมอ J อีกแล้วตลอดชีวิต แต่ก็ยังไม่เสียใจมากเท่าไหร่ เพราะเรื่องหมอ J เป็นเรื่องไร้สาระไปแล้วสำหรับฉันในช่วงนี้

    9. คิดเรื่องความตายบ่อยครั้ง หรือมีความคิดอยากฆ่าตัวตาย
         หมอ : เอ้อ ผมลืมถามไปเลย ดอกไม้ที่คุณให้นี่ให้เนื่องในโอกาสอะไรหรอครับ
    ฉันนิ่งเงียบ ความรู้สึกมันเหมือนก้อนสะอื้นมันขึ้นมาจากปอดแล้วมาจุกอยู่ที่ลำคอ น้ำตาหยดแรกไหลออกมา ตามมาด้วยหยดที่สองสามสี่ และไหลนองพร้อมเสียงสะอื้น หมอมองหน้าของฉันเงียบๆ มือหยุดพิมพ์คอมพิวเตอร์แล้วปรับเก้าอี้ให้ได้ระดับ
         หมอ : เกิดอะไรขึ้นหรอครับ
         ฉัน : ฉันจำได้ว่าสมัยที่ฉันเป็นคนไข้ของหมอ C ก่อนที่ฉันจะฆ่าตัวตาย ฉันจะซื้อดอกไม้ไปให้หมอ C ทุกครั้ง เพื่อเป็นการขอบคุณและขอโทษที่เป็นคนไข้ที่ดีให้หมอไม่ได้
    ฉันกลั่นกรองคำพูดออกมาด้วยความยากลำบาก พูดพลางสะอื้นฮัก หมอส่งทิชชู่มาให้ฉัน ฉันรับมาพับเป็นสี่ทบก่อนเช็ดน้ำตาที่ไหลเต็มแก้มแล้วในตอนนี้
         หมอ : ดอกไม้นี้สำหรับขอบคุณและขอโทษผมหรอครับ
         ฉัน : ใช่ค่ะ
    หมอเว้นช่วงบทสนทนาระหว่างเราแล้วปล่อยให้ฉันร้องไห้ท่ามกลางความเงียบภายในห้อง
         หมอ : คิดว่าจะไปด้วยวิธีไหนครับ
         ฉัน : รมควันค่ะ ฉันสั่งซื้ออุปกรณ์ทุกอย่างไว้หมดแล้ว เหลือแค่ลงมือทำเท่านั้น
         หมอ : เมื่อไหร่ครับ มีวันที่แน่นอนมั้ย
         ฉัน : วันนี้ค่ะ
    หมอเงียบไปอีกครั้ง ฉันร้องไห้ฟูมฟาย ความหงุดหงิดที่ถูกแซงคิวเมื่อตอนต้นชั่วโมงหายไปเป็นปลิดทิ้ง หมอพิมพ์อะไรต๊อกแต๊กๆในคอมพิวเตอร์
         หมอ : แล้วทำไมถึงตัดสินใจเล่าเรื่องฆ่าตัวตายให้ผมฟังล่ะครับ ได้บอกใครไว้บ้างมั้ย
         ฉัน : ไม่ค่ะ ไม่ได้เล่าให้ใครฟังเลย กลัวเค้าจะห้ามเหมือนครั้งที่ผ่านๆมา แต่ที่บอกหมอเพราะหมอนั่งอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมนี้ มาห้ามฉันไม่ได้อยู่แล้ว
         หมอ : งั้นผมคงปล่อยให้คุณกลับบ้านไปไม่ได้นะครับ
    สิ้นคำพูดหมอเสียงประตูเลื่อนครืดดังขึ้นด้านหลัง พยาบาลเดินเข้ามาแล้วแตะที่ข้อศอกฉัน
         พยาบาล : ไปกันเถอะค่ะ
         หมอ : ฝากด้วยนะครับ
    ฉันตัดสินใจสะบัดแขนออกจากมือพยาบาลและวิ่งออกจากห้องตรวจอย่างเร็วที่สุดเท่าที่ชุดเดรสสีชมพูจะเอื้ออำนวย กระโปรงยาวรั้งให้การวิ่งของฉันช้าลงกว่าความสามารถปกติ เสียงพยาบาลและบุรุษพยาบาลวิ่งตามมาข้างหลัง ฉันวิ่งออกมาถึงห้องโถงรอพบแพทย์ คนไข้ทุกคนมองฉันเป็นสายตาเดียว ฉันทั้งอายและเศร้าในเวลาเดียวกัน ฉันได้ชื่อว่าเป็นคนไข้จิตเวชหนีโรงพยาบาลหรือนี่ พยาบาลและบุรุษพยาบาลเข้ามาล็อกข้อศอกฉันไว้ทั้งสองข้าง แล้วดันให้ฉันเดินกลับเข้าไปในห้องปฏิบัติการพยาบาล ฉันสังเกตเห็นว่ากระดุมเสื้อตัวเองหลุดรุ่ยก่อนที่จะถูกบังคับให้ขึ้นไปนอนบนเตียง ฉันนอนร้องไห้อยู่บนนั้นไม่ได้ไปไหนอีกเลย

    ฉันต้องเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยในจิตเวชเป็นครั้งที่ 6 ในชีวิต

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in