23 สิงหาคม 2564
23.30 hrs.
ลมโกลกพัดต้องผิวดังหวีดหวิวข้างหู ปลายชุดนอนปลิวสไวตามแรงลม มาริสากอดตุ๊กตาแมวสามสียืนอยู่บนเก้าอี้ เธอมองลงมายังพื้นชั้น 1 อย่างเศร้าสร้อย น้ำตาหยดเผาะลงและปลิวไปตามแรงลมเฉกเช่นปลายชุดนอนของเธอ มาริสายืนอยู่ที่บันไดหนีไฟชั้นที่ 29 ของคอนโด เมื่อมองลงไปชั้นล่างก็รู้ได้ทันทีว่า ถ้าตกลงไปหัวเธอคงแหลกเหลวไม่ต่างอะไรกับปลากระป๋องไร้คุณภาพที่มีแต่เศษเนื้อปลายับยุ่ย มาริสาแอบแม่ออกมาจากห้องของเธอพร้อมตุ๊กตาแมวสามสีตัวโปรดและมือถือกับหูฟัง
17 สิงหาคม 2564
10.00 hrs.
"พวกคุณเชื่อไหมครับว่าเมื่อก่อนผมเป็นเด็กเรียนโรงเรียนวัดธรรมดาๆที่นนทบุรี..." เสียงผู้บริหารบริษัทเล่าถึงชีวิตวัยเด็กของเขา ก่อนที่จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เสาะแสวงหาความมั่งคั่งร่ำรวย ทำทุกอย่างที่อยากทำ แต่งงาน ร้างลา ใช้เงิน วันนั้นเป็นวันทำงานวันแรกของมาริสา เธอเลือกนั่งเก้าอี้ตัวที่สองถัดจากข้างหน้าริมขวามือสุด เพราะเธอมีสายตายาวและเอียง มาริสาจัดทรงแว่นให้เข้าที่แล้วมองไปรอบห้อง เด็กๆทั้งนั้น เธอกระซิบกับตัวเองใต้หน้ากากผ้า แววตาของเด็กจบใหม่หลายคู่กำลังฉายแววความไร้เดียงสา พร้อมออกล่าความฝัน เงินมากมายก่ายกองที่จะเข้ามาในกระเป๋า
13 สิงหาคม 2564
12.00 hrs.
ผู้สัมภาษณ์ : จากการที่คุณได้ฟังวิทยากรมาแล้ว คุณได้อะไรบ้างครับ
มาริสา : เอ่อ...ตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการไม่ใช่งานขายประกันค่ะ และ เอ่อ...งานนี้มีหลายส่วน ส่วนที่ดิฉันสนใจคือส่วน recruitment ค่ะ
ผู้สัมภาษณ์ : คุณเคยทำงาน recruit มาก่อนเหรอ
มาริสา : เปล่าค่ะ แต่เคยมีประสบการณ์ต้องไป recruit ครูที่จะเข้ามาสอนในสถาบันสอนภาษาตอนที่ยังทำงานเป็นครูสอนภาษาอยู่ค่ะ
ผู้สัมภาษณ์ : ถ้าจะให้คุณลองขายประกันคุณคิดว่าทำได้ไหม
มาริสา : เอ่อ...น่าจะทำได้ค่ะ แต่งานนี้ไม่ใช่งานขายประกันใช่มั้ยคะ
ผู้สัมภาษณ์ : ต้องได้สิไม่ใช่น่าจะได้ คำตอบว่าน่าจะได้มันไม่เพียงพอหรอกนะ
มาริสา : ได้ค่ะได้
หลังสัมภาษณ์งานเสร็จมาริสาเดินลงจากอาคารอย่างทุลักทุเล เพราะขนาดความกว้างของบันไดสวนทางกับขนาดตัวของเธอ มาริสาหันหลังกลับมามองอาคารพาณิชย์ขนาด 1 ห้องสูง 6 ชั้น มันคือบริษัทประกันชื่อดังแห่งหนึ่ง เธอเริ่มออกเดินทางออกจากปากซอยกว้างไปยังสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินด้วยความความรู้สึกโหวงหวิวในใจ มาริสาคิดว่าเธอคงชวดงานครั้งนี้อีกเช่นเคย
9 สิงหาคม 2564
11.00 hrs.
"เรียน คุณมาริสา
WG บางแคเปิดรับสมัครบุคลากรตำแหน่ง Pre Agency Leader (ผู้ช่วยผู้จัดการ)
สัมภาษณ์งานรู้ผลทันที
ลักษณะงาน
1. จัดเอกสารในสำนักงาน ช่วยผู้จัดการในการดูแลทีมงาน
2. จัดสรรและพัฒนาบุคลากร
3. ฝึกอบรม เทรน เรียนรู้ระบบบริหารหน่วยงาน..."
มาริสา : แม่!! มีบริษัทนึงส่งอีเมล์มาเชิญไปสัมภาษณ์งาน หนูจะลองไปดูนะแม่
แม่ : ตำแหน่งอะไร แล้วตัวเองจะทำได้เหรอ ไหนว่าหางานแบบ Work from home ไง แล้วงานนี้ต้องเข้าไปทำงานที่บริษัทใช่มั้ย
มาริสา : ใช่ แต่ลองไปสัมภาษณ์ดูเล่นๆไม่เป็นไรหรอก นะๆ
แม่ : เออๆ ตามใจ
16 สิงหาคม 2564
09.30 hrs.
คนแปลกหน้า : สวัสดีค่ะ ขอเรียนสายคุณมาริสาค่ะ
มาริสา : กำลังเรียนสายอยู่ค่ะ
คนแปลกหน้า : คือจะโทรมาแจ้งผลการสัมภาษณ์เมื่อวันที่ 13 ค่ะ ผลออกมาว่าคุณมาริสาสัมภาษณ์ผ่านนะคะ
มาริสา : ห่ะ! คะ?! จริงเหรอคะ
คนแปลกหน้า : จริงค่ะ รบกวนคุณมาริสามารายงานตัวเข้าทำงานวันที่ 17 สิงหาคม เวลาเก้าโมงครึ่งนะคะ
มาริสา : ได้ค่ะๆ ขอบคุณค่ะ
18 สิงหาคม 2564
10.00 hrs.
"การทำงานต่อยอดกันเป็นระบบแบบนี้ผมคิดค้นขึ้นมาเองครับ ผมจำได้สมัยนั้นผมเอาแผนการบริหารงานนี้ไปเสนอผู้บริหารใหญ่มา แล้วปรากฏว่าเขาสนใจมันมาก คุณคิดดูนะครับคุณทำยอดแค่ 40,000 บาท แล้วคุณก็ไปประกาศรับสมัครคนเข้ามาทำงานกับเราเพิ่มอีก 5 คน คุณสอนงานเค้า ให้เค้าลองขายประกัน ทีนี้พอเค้าขายได้เงินก็เข้าระบบคุณ พอยอดสะสมของคุณถึง 160,000 เมื่อไหร่คุณก็เลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการทันที ง่ายมั้ยครับ"
มาริสาขมวดคิ้วแน่น ไม่ใช่เหตุเพราะเธอมองไม่เห็นจอโปรเจ็คเตอร์ แต่เพราะคำว่า 'ทำยอด' กระเด็นออกมาจากปากผู้บริหารคนเดิมกับเมื่อวานที่เข้ามาบรรยายถึงความตรากตรำทำงานจนมาถึงจุดที่สามารถเอาเงินออกมาโปรยเล่นตามท้องถนนก็ยังได้ มาริสามองไปรอบห้อง สายตาแห่งความกระหายรายได้และความไร้เดียงสาของเด็กจบใหม่ยังฉายแววออกมาไม่จางหาย มีเพียงแต่แววตาของมาริสาเท่านั้นที่เต็มไปด้วยคำถามและความตื่นตระหนก เธอไม่ใช่คนที่สามารถไปขายประกันให้ใครได้ เธอเป็นแค่มนุษย์ Introvert คนหนึ่งที่ถ้าให้ไปสอนงานใครคงทำได้ไม่ยาก เพราะการสอนเป็นเหมือนสิ่งที่ฝังหยั่งรากลึกลงไปในตระกูลของมาริสามาตั้งแต่รุ่นยาย ทุกคนเป็นครูกันหมดยกเว้นมาริสา เธอเกลียดการเป็นครู เกลียดการสอน แต่การสอนเป็นสิ่งเดียวที่มาริสาทำได้ดี
20 สิงหาคม 2564
09.00 hrs.
กลิ่นแอลกอฮอล์และยาตีเข้าจมูกมาริสาเมื่อประตูอัตโนมัติเปิดออก มาริสาเดินเข้าไปในโรงพยาบาลและกดคิวที่ตู้หน้าแผนกจิตเวชผู้ใหญ่อย่างเบื่อหน่าย วันนี้เธอไม่ได้ไปทำงานเพราะมีนัดกับจิตแพทย์ที่โรงพยาบาลชื่อดังย่านสีลม ความเครียดตึงในสมองของมาริสาทำให้เธอขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว น้ำตาเอ่อล้นออกมาอย่างไม่ได้นัดหมาย เธอรู้สึกเครียด กังวล และสับสน งานใหม่ของเธอ...ผู้ช่วยผู้จัดการ...กลับกลายเป็นงานขายประกันให้ได้ยอดเท่าที่ผู้บริหารกำหนด และต้องไปหลอกคนหางานคนอื่นเข้ามาเป็นลูกน้องเธอ หลอกให้เขาหายอดตามเป้า แล้วเลื่อนตำแหน่งขึ้นไปเป็นผู้จัดการทีม แรกเริ่มเดิมทีมาริสาไม่คิดว่าเธอถูกหลอกมาให้ขายประกัน งานของเธอคงเป็นไปอย่างที่ในรายละเอียดงานได้บอกเอาไว้ แต่ความเป็นจริงมันโหดร้ายกว่านั้นมาก มาริสาคิดว่างานนี้อาจจะเป็นงานสุดท้ายในชีวิตเธอที่จะพยุงชีวิตเธอไปได้จนผ่อนคอนโดหมด เธออยากจะพิสูจน์ให้สังคมเห็นว่าผู้ป่วยโรคซึมเศร้าก็สามารถทนความกดดันในที่ทำงานได้ ความรั้นในความคิดของมาริสาทำให้ตัวเธอเองเครียดหนัก ใจหนึ่งเธอก็อยากลาออกมาทำงานสอนหนังสือออนไลน์ที่เธอคิดหลักสูตรเอาไว้ แต่อีกใจก็ดื้อรั้นเกินกว่าจะลาออกมาเพียงไปทำงานได้แค่ไม่กี่วัน เรื่องงานเป็นหัวข้อหลักที่เธอเอาไปปรึกษากับจิตแพทย์ที่อายุมากกว่าเธอไม่กี่ปี
มาริสา : ฝากอันนี้ให้หมอ J ด้วยนะคะ
มาริสาส่งกระดาษจดหมายที่พับเรียบร้อยไปให้จิตแพทย์ประจำตัวของเธอ หมอ J เป็นหมอที่มาริสารักมานานมากแล้ว ในจดหมายจารึกไปด้วยข้อความยินดีที่จะประกาศว่าเธอได้งานทำแล้ว และขอโอกาสในการติดต่อกันกับหมอ J ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งใน Social Network นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มาริสาขอช่องทางการติดต่อกับหมอ J ถึงอย่างนั้นหมอก็ยังใจแข็งไม่ติดต่อเธอกลับมา
21 สิงหาคม 2564
13.00 hrs.
"เอาตรงๆนะมึง กูเพิ่งได้งานทำใหม่แล้วกูต้องสะสมยอดขายประกันให้ได้ 40,000 เพื่อผ่านโปร กูจะไม่บังคับมึงนะถ้ามึงจะไม่สนใจ แต่กูแค่มาโฆษณาไว้ก่อนเผื่อมึงสนอยู่ แต่ไม่สนก็ไม่เป็นไรนะ หรือถ้ารำคาญที่กูมาขายประกันก็บอกกูได้ แล้วกูจะไม่พูดเรื่องประกันอีกเลย" มาริสากดแป้นพิมพ์บน Iphone รัวเร็วแล้วส่งไปให้เพื่อนที่สนิทที่สุดในชีวิตของเธอ ความอาย ความรู้สึกผิดปะปนกันในหัวมาริสาจนเธอหน้าแดงร้อนฉ่า ก่อนหน้านี้เธอไปเสนอขายประกันในทำนองเดียวกันนี้กับลูกพี่ลูกน้องของเธอ แต่ก็ไม่สำเร็จด้วยความตงฉินของเธอเอง มาริสาไม่สามารถพูดโน้มน้าว เชื้อเชิญคนให้มาซื้อประกันของเธอได้
22 สิงหาคม 2564
12.00 hrs.
มาริสานั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมาที่สีลม ที่ซึ่งเธอรู้สึกผ่อนคลายทุกครั้งที่มา ที่นี่มีทั้งคนที่เธอรัก คนที่เธอไว้ใจ และคนที่คอยให้กำลังใจเธออยู่มากมาย มาริสาหยุดยืนมองโรงพยาบาลที่เธอทั้งเคยเข้าห้องฉุกเฉินมาแล้วหลายครั้งไม่ว่าจะเพราะกินยาฆ่าแมลง กรีดข้อมือ กินยาเกินขนาด รมควัน กินยาเบื่อหนู และอีกหลากหลายวิธีเพื่อเปิดประตูนรกให้แก่ตัวเธอเอง เธอเคยถูกส่งเข้าไปนอนในวอร์ดผู้ป่วยในจิตเวชนับครั้งไม่ถ้วนเพราะหมอล่วงรู้ถึงแผนฆ่าตัวตายของเธอ ในนั้นมีพยาบาลใจดีที่คอยจับมือเธอ ให้กำลังใจเธอ และปลอบใจเธอเมื่อเธอร้องไห้
ตอนนี้แม้มาริสายืนร้องไห้อยู่คนเดียวบนสะพานลอยใกล้โรงพยาบาลก็ไม่มีใครมาคอยจับมือเธอ ให้กำลังใจเธอ และปลอบใจเธออีกแล้ว มาริสารนหาที่เอง คนที่ตัดสินใจไปสัมภาษณ์งานนั้น และคนที่ดื้อรั้นอยากพิสูจน์ตัวเองให้สังคมเห็นว่าผู้ป่วยโรคซึมเศร้าก็ทำงานได้ทั้งหมดนั้นเป็นตัวเธอเอง
23 สิงหาคม 2564
11.00 hrs.
ผู้จัดการทีม A : น้องปิดจ๊อบได้แล้วหนึ่ง วู้หู้ววววว
เสียงปรบมือเกรียวกราวดังทั่วห้อง มีคนขายประกันได้แล้วคนหนึ่ง ถือว่าเร็วมากหลังจากผ่านการขายฝันมาเกือบ 1 อาทิตย์ มาริสานั่งหน้าเครียดและก้มลงอ่านแผ่นพับแผนประกันต่างๆ 'อย่าออกมานะน้ำตา' เธอคิดวนเวียนในใจ
18.00 hrs.
แม่ : ไปทำงานวันนี้เป็นไงบ้าง เหนื่อยมั้ย
มาริสา : อืม
มาริสาวางกระเป๋าสะพายใบเก่ง ถอดเสื้อทำงานออกและทิ้งตัวลงนอนบนเตียง น้ำตาที่เก็บเอาไว้ทั้งวันไหลเอ่อออกมาจนหมอนเปียกปอน
23.35 hrs.
มาริสากอดตุ๊กตาแมวสามสีเอาไว้แน่น เธอใส่หูฟังและเร่งเสียงเพลงให้ดังขึ้นเพื่อให้กลบเสียงลมหวีดหวิวที่พัดไปมา เพลงของวง Coldplay ดังกระหึ่มสองข้างหู วงดนตรีที่หมอ J ชอบ วงดนตรีที่เธอฟังตามหมอ J และวงดนตรีที่เธอส่งเพลงให้หมอ J ฟังทางจดหมาย น้ำตาร่วงเผาะลงหยดแล้วหยดเล่า “ฉันมันคนไม่ได้เรื่อง ทำงานที่ไหนก็ไม่ได้ ทนแรงกดดันก็ไม่ได้ ฉันมันไร้ค่า” มาริสาพึมพำกับตัวเองเบาๆเคล้าน้ำตา มาริสาหลับตาแล้วก้าวออกไปข้างหน้าหนึ่งก้าว
มาริสา
ชาตะ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๓๗
มรณะ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๔
อายุ ๒๗ ปี
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in