เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ห้องตรวจหมายเลข 5นักเล่าเรื่อง
รอยเชือกและคอนโดชั้น 29
  • การแขวนคอตาย (Hanging) คือการที่บุคคลหนึ่งใช้ห่วงหรือสายรัดรอบคอ ซึ่งเชือกที่ใช้ผูกคอจะไปรัดคอบริเวณ Internal Carotid Artery ทำให้เลือกหยุดไปเลี้ยงสมองทันที หมดสติอย่างรวดเร็วภายใน 10-15 วินาที และจากนั้นภายใน 4 นาทีสมองจะตาย หยุดหายใจ หัวใจหยุดเต้น โดยที่ก่อนจะหมดสตินั้นจะไม่เกิดความทรมานจากการขาดอากาศหายใจเลย
    โกหก!!! ฉันหวนกลับไปอ่านบทความในเว็บสังคมออกไลน์ชื่อดังเว็บหนึ่งพร้อมกับลูบรอยช้ำ 2 รอยตรงลำคอ มันเจ็บแบบช้ำๆรัดๆขึ้นมาและรู้สึกเสียววาบไปทั้งสันหลัง เมื่ิอไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ฉันเอาเชือกไนลอนสีเทาที่สั่งซื้อเตรียมไว้ไปยังบ้านอีกหลังหนึ่งของฉันซึ่งไม่มีใครอยู่ ฉันเดินลากเชือกขนาด 10 เมตรไปหลังบ้านเพื่อหาขื่อที่คุ้นตามานานตั้งแต่เล็กจนโต ไม่มี!! ขื่อที่เคยเห็นถูกปิดทับด้วยฝ้าเพดานสีขาวที่ดูก็รู้ว่าเพิ่งทำมาใหม่ ฉันไม่รู้ว่าทำไมต้องมาคิดติดตั้งฝ้าเพดานกันตอนช่วงหลังมานี้ ทั้งที่ปล่อยทิ้งโล่งโจ้งอยู่อย่างนั้นมาเป็นสิบๆปี กระแสเลือดพุ่งปรี๊ดขึ้นบนหัว ฉันหงุดหงิดและเริ่มเดินไปเดินมาไม่หยุด สายตามองไปรอบๆเพื่อหาที่ผูกเชือกที่ใหม่ และฉันก็เจอ มันไม่ยากเลย ด้านบนของประตูหลังบ้านมีช่องว่างยาวตลอดผนังโดยมีเหล็กคั่นเป็นระยะๆ เหล็กที่คั่นช่องว่างบนประตูนั้นเองคือเป้าหมายของฉัน ฉันนึกได้ว่าการแขวนคอมันไม่ต้องสูงก็ได้ ขอแค่ปลายเท้าไม่แตะพื้นน้ำหนักตัวไซส์ XL ของฉันจะรั้งให้คอหักและกดทับหลอดลมได้ภายในไม่กี่วินาที ฉันรีบผูกบ่วงตายกับเหล็กคั่นอันหนึ่งและทิ้งปลายของเชือกให้ยาวระพื้น เก้าอี้สีน้ำตาลตัวเล็กสูงขนาด 20 เซนติเมตรถูกเลื่อนมาวางใต้บ่วงเชืออันรัดตึงนั้น ฉันเข้าโปรแกรม Gmail และเริ่มพิมพ์ข้อความสุดท้ายส่งให้หมอ A
    สวัสดีค่ะหมอ ครั้งนี้ฉันอยากจะมาลาหมอค่ะ หมออาจจะเห็นว่าธุรกิจของฉันกำลังไปได้เรื่อยๆ อาการของฉันน่าจะดีขึ้น แต่ความจริงมันไม่เป็นอย่างนั้น เบื้องหลังมันมีอะไรอีกหลายๆอย่างที่ฉันก้าวผ่านมันไม่ได้ หมอบอกว่าไม่ว่าจะความสุขหรือความทุกข์ มันผ่านมาแล้วมันก็จะผ่านไป แต่ฉันว่าฉันเกินทนกับความทุกข์ที่ต้องเจอแล้วค่ะ ฉันจะเป็นคนกำหนดชีวิตตัวเองหลังจากนี้เอง ขอบคุณหมอมากนะคะที่เป็นกำลังใจให้ฉันเสมอมา ฉันขอฝากเพลงนี้ไว้เป็นเพลงสุดท้าย

    หมอคือแสงตะวันของฉันนะคะ ขอบคุณที่คอยส่องทางให้ฉันเดินมาได้จนถึงตอนนี้ ขอบคุณจากใจจริงๆค่ะ
    ปล. ฝากลิงค์นี้ให้หมอ J ด้วยนะคะ (และฉันก็แนบลิงค์เรื่อง An Empower Man ลงไป)’

    ฉันเดินขึ้นไปบนเก้าอี้เตี้ย กำเส้นเชือกและสอดหัวตัวเองเข้าไปบ่วง สูดหายใจลึกๆหนึ่งครั้งจากนั้นจึงเตะเก้าอี้ออกไปให้พ้นเท้า “อึก!” เสียงของตัวเองดังขึ้น ความรู้สึกเหมือนก้อนอะไรซักอย่างหนึ่งมาจุกอยู่ที่คอ ฉันพยายามหายใจอย่างยากลำบาก มือปัดป่ายซ้ายขวาไปทั่ว เส้นเชือกไรลอนสีไปมากับด้านข้างลำคอ ทรมานเหลือเกิน มือของฉันคว้าซี่กรงของประตูเอาไว้ได้ ฉันใช้เท้าปีนซี่กรงประตูและใช้มือเอาบ่วงออกจากลำคอ ฉันล้มลงบนพื้นหายใจหอบแฮกน้ำตาหยดเผาะด้วยความทรมาน ‘ทำไมไม่ตายซักที? ทำไมคอไม่หัก?’ ฉันลุกขึ้นและพยายามแขวนคอตัวเองอีกครั้ง คราวนี้ตัดสินใจแขวนให้ลึกกว่าเก่า เหตุการณ์เดิมๆเกิดขึ้นซ้ำซาก หายใจไม่ออก ทรมาน ปีนซี่กรงประตู เอาบ่วงออกจากคอ ลองใหม่อีกครั้ง วนไปเรื่อยๆประมาณ 6-7 รอบ สุดท้ายจึงยอมแพ้และตัดเชือกออกจากกัน ฉันนำเชือกไปเก็บไว้บนห้องนอนและลงมาเล่นกับหลานสาวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น รอยช้ำสีม่วงปรากฏขึ้นบนคอ 2 รอย
    ด้วยความผิดหวังจากการฆ่าตัวตายที่ไม่สำเร็จ วันต่อมาฉันจึงจองเครื่องบินด่วนกลับกรุงเทพ คนที่บ้านพยายามคะยั้นคะยอให้ทิ้งตั๋วและอยู่ที่บ้านแต่ก็ไม่มีใครห้ามฉันได้ อีกวิธีที่ฉันคิดออกในตอนนั้นคือ กระโดดตึกที่คอนโด ฉันเก็บชุดชั้นในไม่กี่ชุดใส่กระเป๋าและให้พ่อขับรถไปส่งฉันที่สนามบิน ก่อนลงจากรถพ่อลากฉันเข้าไปกอดและจูบผมฉันเบาๆพร้อมกับบอกว่า “พ่อรักลูกนะ” ฉันสวัสดีและเดินหันหลังให้อย่างไม่ใยดี ระหว่างที่นั่งรอขึ้นเครื่องพี่ T ก็โทรมาหา ฉันคิดว่าแม่คงโทรหาพี่ T เพื่อให้เขามากล่อมฉันอีกทาง ฉันรับโทรศัพท์ทั้งน้ำตา เราคุยกันได้ไม่เท่าไหร่ ฉันพูดเพียงแค่ว่าครั้งนี้มันต้องสำเร็จ
         พี่ T : งั้นคุณรับสายพี่ทำไมล่ะ?
         ฉัน : เพราะมันเหมือนมี 1 ส่วน 4 ในตัวฉันที่กำลังร้องว่าช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย
    คอนโดของฉันเป็นคอนโดสูง 29 ชั้น มี 3 อาคารเรียงกันเป็นแนวหน้ากระดาน พื้นที่ส่วนกลางและสระน้ำอยู่ชั้น 5 แต่ละอาคารเชื่อมเข้าด้วยกันด้วยทางหนีไฟทุกชั้น หลังจากถึงคอนโดฉันรีบออกไปสำรวจที่ระเบียงห้องตัวเองแต่พบว่าข้างล่างมีสายไฟฟ้าระโยงระยาง ถึงแม้กระโดดลงไปคงไม่ถึงพื้นอาจจะไปพันอยู่กับสายไฟเป็นที่น่าอับอายเสียเปล่าๆ ฉันรีบวิ่งไปที่ทางเชื่อมอาคารของชั้น 10 และมองลงไปข้างล่าง ทางทิศตะวันตกคือสระว่ายน้ำ ส่วนทางทิศตะวันออกคือพื้นที่ว่างๆ อาจจะเป็นหลังคาของพื้นที่ส่วนกลางชั้น 5 ฉันมองขึ้นไปข้างบน ไม่มีอะไรกั้น ฉันคิดว่าถ้ากระโดดลงมาจากชั้น 10 ที่ฉันอยู่อย่างมากก็แค่พิการ แต่ถ้าขึ้นไปชั้น 29 รับรองว่าเละแน่นอน 
    คืนนั้นฉันเดินลงไปซื้อของที่เซเว่นใต้คอนโด หลักๆแล้วที่ฉันซื้อคือเหล้า ไวน์ และเบียร์อีกนิดหน่อย กับแกล้มที่ฉันคิดว่าจะเป็นมื้อสุดท้ายของชีวิตคือมันหวานญี่ปุ่นฝานบางๆ 6 ชิ้นของ 7-11 ช่างน่าท้อแท้ใจ ฉันเปิดเพลงของ Coldplay กล่อมตัวเองไปเรื่อยๆ ภาพของหมอ J ลอยเข้ามาซ้อนทับกับภาพความตายในอนาคตของฉัน ฉันลืมนึกไปว่าหมอ J ยังไม่มีโอกาสได้บอกลาฉันเลย ฉันอยากได้ยินคำบอกลาของหมอจริงๆ แต่มันคงไม่ทันแล้ว นาฬิกาบนผนังชี้บอกเวลาตี 3 ฉันหยิบเก้าอี้ตัวเตี้ยสีน้ำตาลเข้มและขวดเหล้ากระชับมือ ห้องนั่งเล่นหมุนเคว้งเล็กน้อยด้วยฤทธิ์ไวน์และเบียร์ที่กระดกเข้าไปก่อนหน้านี้ ฉันพยุงตัวเองเดินไปที่ลิฟท์ ระหว่างรอลิฟท์ก็ดวดเหล้าลงคอไปเรื่อยๆ วิธีนี้ฉันทำเพื่อไม่ให้ตัวเองกลัวจนตัวสั่นขาสั่นตอนจะกระโดด เลข 29 โชว์บนหน้าปัดลิฟท์ ฉันเดินช้าๆไปที่ทางเชื่อมหนีไฟของอาคาร กระดกเหล้าเข้าไปอีก 4 อึก และวางขวดไว้ข้างๆเก้าอี้เตี้ยที่พกขึ้นมา ฉันค่อยๆเดินขึ้นไปบนเก้าอี้และมองลงไปข้างล่าง สายลมยามค่ำคืนพัดหวิวๆเหมือนทำนองเพลงส่งศพ น้ำตาที่ไม่ไหลมาทั้งคืนเริ่มหลั่งรินออกมาเปียกสองข้างแก้ม ภาพความสูงของอาคารตรงหน้าหมุนฟุ้งไปมาด้วยความเมา ภาพความทรงจำในวัยเด็กผุดขึ้นมาในสมอง ‘ทำไมต้องเป็นฉัน?’ ไม่มีใครตอบคำถามนี่ได้เลยตลอดการรักษา 2 ปีเศษ ความท้อแท้สิ้นหวังลุกลามเข้ามาในสมอง ภาพร้านหนังสือที่แม่และฉันร่วมกันลงทุนลอยทับเข้ามา เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้เองที่ลูกพี่ลูกน้องเอาตะปูมาตอกติดป้ายชื่อร้านให้ มาถึงวันนี้เจ้าของร้านจะจากไปเสียแล้ว กลิ่นหนังสือใหม่ๆลอยฟุ้งเข้ามาในจมูก ขาของฉันสั่นอย่างยากที่จะควบคุม ฉันร้องไห้และตัดสินใจเดินลงมาจากเก้าอี้ ฉันหยิบเก้าอี้และขวดเหล้าเดินกลับเข้าไปที่ลิฟท์ กดชั้น 10 คืนนั้นทั้งคืนฉันฝันเห็นตัวเองพิการจากการกระโดดจากที่สูง
         ฉัน : พี่ T ฉันจะทำยังไงดี เมื่อคืนฉันไปยืนที่ชั้น 29 แล้ว แต่ฉันโคตรกลัวเลย กลัวว่าตัวเองจะไม่ตายแล้วต้องมาให้พ่อแม่เลี้ยงตอนพิการ พอกลับมานอนฉันก็ฝันร้ายถึงมันตลอดเลย ตอนนี้ฉันมีความคิดอีกแล้วว่ากระโดดไปน่าจะตาย ไม่น่าจะรอด แต่ก็ยังกลัวอยู่ดี
         พี่ T : เหมือน 1 ส่วนที่คุณบอกว่าเค้าร้องขอให้ช่วย เสียงเค้าดังขึ้นเนอะ ลองกลับมาฟังมาลองช่วยเค้าดีมั้ย มาหาหมอก่อนนะ
    หลังจากคุยไลน์กับพี่ T ไปเพียง 2-3 ประโยค ฉันก็รีบเก็บข้าวของแล้วขึ้นรถไฟฟ้าไปโรงพยาบาลที่ฉันไปหาจิตแพทย์ประจำ วันนั้นฉันเป็นผู้ป่วยคนสุดท้ายที่หมอออกตรวจ และวันนั้นเป็นวันที่ฉันต้องเข้าวอร์ดจิตเวชเป็นครั้งที่ 4

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in