เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ห้องตรวจหมายเลข 5นักเล่าเรื่อง
บ้านของเราน่าอยู่
  • ฉันเปิดดูปฏิทินข้างฝาบ้านไปดูวันที่เดือนห้าเนื่องจากโควิด 19 ระบาดทั่วโลกทำให้ฉันติดอยู่ที่บ้านเกิดกลับกรุงเทพไม่ได้ฉันจึงไปหาหมอตามนัดไม่ได้ไปด้วย นัดครั้งที่แล้วฉันใช้วิธีให้หมอโทรมาและสัมภาษณ์อาการกันอยู่อย่างนั้นก่อนวางสายไปและกำหนดวันนัดเดือนถัดไปนัดครั้งนี้ฉันไม่อยากใช้วิธีตรวจโรคทางโทรศัพท์อีกแล้วเพราะผลที่ตามมาคือฉันกระวนกระวายอยากเจอหมอมาก ระบายความรู้สึกไม่สะดวกหมอไม่ได้เห็นภาษากายของฉันขณะสัมภาษณ์ทำให้อาจวินิจฉัยคลาดเคลื่อนได้

                ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบินหรือรถทัวร์ก็ต่างหยุดทำการเพราะโควิด19 ผลสรุปออกมาว่าฉันได้เดินทางโดยรถทัวร์วันที่ 16ขณะที่วันนัดหมอของฉันคือวันที่ 18

                ฉันมีนัด (ปากเปล่า) กับหมอ A ว่าวันที่ 12 เราจะเจอกัน เพื่อไปเป็น casereference ให้หมอในที่ประชุม และแน่นอนเมื่อฉันเจอพายุโควิด 19ฉันก็ไปตามหมอนัดไม่ได้

                ฉัน : วันที่ 12ยังมีประชุมอยู่ไหมคะ ไม่ได้ติดเคอฟิวเหรอคะถ้ายังไงฉันจะหาทางไปกรุงเทพก่อนวันที่ 12 ให้ได้ค่ะ

                อีเมล์ฉบับแล้วฉบับเล่าที่แนบไปด้วยความร้อนรนถูกส่งไปหาหมอแต่โชคดีที่การประชุมถูกยกเลิกไปเพราะโควิด 19 อีกเช่นกัน

                อาทิตย์ก่อนที่ฉันจะได้กลับกรุงเทพฉันโดนทั้งพายุโรคระบาดและพายุแห่งความโดดเดี่ยวถาโถมเข้าใส่เมื่อพ่อแม่ของฉันไม่ค่อยยี่หระกับปัญหากลับกรุงเทพไม่ได้ฉันผู้กระวนกระวายใจจึงรู้สึกเหมือนอยู่คนเดียวในโลก ไม่มีใครอยู่ข้างฉันไม่มีใครมาร้อนรนเป็นเพื่อนฉัน เท่านั้นยังไม่พอ ฉันไม่ได้เจอหมอ A ทำให้ฉันยิ่งว้าวุ่นใจจนหมอ A ส่งอีเมล์กลับมา

                หมอ A : สวัสดีค่ะถ้ามาไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะ เราเจอกันเมื่อมีโอกาสได้เสมอค่ะ

                ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังรู้สึกโดดเดี่ยวอยู่ดีฉันรู้สึกว่าบ้านที่ฉันอยู่ไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัย (Savezone) ของฉันอีกต่อไป คนรอบตัวมากมายรายล้อมฉันแต่ฉันกลับรู้สึกเหมือนอยู่คนเดียวในโลก ฉันอยากเจอหมอเหลือเกินความคิดเรื่องกรีดแขนและขากลับมาวุ่นวายในสมอง เลือดค่อย ๆ ซึมออกมาจากรอยแยกเล็ก ๆบนท้องแขน ผิวหนังปริออกเล็กน้อยและเลือดไหลออกมาจากขา 'คุณหยุดยาเคตามีนเร็วเกินไปนะครับ'เสียงหมอ C ดังวนเวียนในห้วงความคิดและนั่นน่าจะเป็นเรื่องจริงตามที่หมอวินิจฉัย

                แมวลายสลิดตัวประมาณ 9เดือนกำลังเลียแข้งเลียขาแต่งตัวอยู่ข้างๆฉัน มันเป็นแมวจรที่เดินดุ่ม ๆ เข้ามาในบ้านและร้องหาของกินฉันจัดอาหารให้มันเสร็จสรรพตามแต่พอจะหาได้ แมวกินทุกอย่างหมดเกลี้ยงอย่างหิวโหยฉันตั้งชื่อว่า สำอาง เจ้าสำอางเข้ามากินอาหาร, แต่งตัว, นอนเล่นในบ้านของฉันนับแต่นั้นมาฉันมองไปที่มันแล้วชวนให้คิดไปว่าถ้าฉันไม่อยู่แล้วมันจะอยู่ยังไงพ่อและแม่ผู้อยู่บ้านที่ต่างจังหวัดเป็นคนไม่รักสัตว์ เห็นได้จากพ่อเตะเจ้าสำอางกระเด็นไปไกลเมตรกว่าๆ และแม่มักจะบ่นเสมอเวลาแมวไปอยู่ใกล้ ๆบ้านนี้มีเพียงฉันคนเดียวที่คอยให้น้ำให้ข้าวและลูบตัวให้ แล้วถ้าฉันไปกรุงเทพล่ะมันจะคิดถึงฉันเหมือนที่ฉันคิดถึงหมอที่โรงพยาบาลไหม

                “คนเกิดวันขึ้น 6 ค่ำ เดือน 8ปีระกาน่ะโชคดีนะ โตมาจะเจอแต่เรื่องดี ๆ” วันหนึ่งแม่เล่าให้ฉันฟังว่ามีคนเคยทำนายดวงไว้ให้ตั้งแต่ตอนเกิดไม่รู้ว่าคนทำนายคนนั้นตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่ไหม หรืออาศัยอยู่ที่ไหนยังทายดวงชะตาคนอื่นไปทั่วเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่าฉันอยากให้เขาได้รับรู้ชีวิตของฉันเหลือเกิน ฉันอยากเจอแต่สิ่งดี ๆ อย่างที่เขาทำนายเอาไว้

                'ฉันยังศรัทธาในการรักษาของหมออยู่อีกไหม' ฉันคิดถึงคำถามนี้ขึ้นมาในสมองขณะที่อ่านหนังสือคลอไปด้วยเพลงบรรเลงเปียโนฉันยังคิดไหมว่าการรักษามันได้ผลมากมายขนาดไหน หรือได้ผลบ้างหรือเปล่า ทำไมฉันยังคิดถึงความเจ็บปวดเมื่อมีดผ่าตัดกรีดลงบนผิวหนังที่แสนบอบบางเลือดไหลซึมออกมาทีละเล็กละน้อยก่อนจะไหลนองออกมาเหมือนน้ำประปาเกินกว่าจะห้ามได้กระดาษชำระแดงไปด้วยเลือดชิ้นแล้วชิ้นเล่าก็เช็ดเลือดออกไม่หมดเสียทีแล้วอย่างนี้ฉันจะยังเชื่อเหรอว่าการรักษาของหมอมันน่าศรัทธาอยู่จริง ๆ

                ค่ำวันหนึ่งในขณะที่ฉันกำลังฟังเพลงจากมือถือฉันมองไปที่รอยแผลเป็นทั้งที่แขนและที่ขาอ่อนรอยแผลเป็นที่ไม่ได้กรีดใหม่มาสักประมาณเดือนกว่า ๆ แล้วรอยเก่าปูดแดงขึ้นมาเป็นแนวตามรอยมีดผ่าตัดที่เคยกรีดไว้ฉันใช้มือค่อย ๆ ลูบไปบนแผลเป็นรอยบวมเป็นเส้นอย่างเป็นระเบียบรอยแผลพวกนี้มันไม่ต่างอะไรกับรอยสักเมื่อคนภายนอกพบเห็นแล้วต่างเอาไปบอกเล่าเก้าสิบอย่างเพลินปาก 'เขาต้องเป็นนักเลงแน่เลยสักเต็มตัวขนาดนั้น', 'สักซะจนน่ากลัว อย่าเข้าไปใกล้เลย', 'รอยแผลเป็นลายขนาดนั้นไม่รู้บ้ารึเปล่า','ต้องเป็นพวกเก็บกดแน่เลย' ที่ฉันบอกว่ามันไม่ต่างอะไรกับรอยสักเพราะมันล้วนมาจากความเจ็บปวดก่อนจะมาเป็นรอยสักสวยงามก็ต้องผ่านความเจ็บจากการเอาเข็มสักจิ้มลงไปบนผิวหนังเจ็บมากเจ็บน้อยก็ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่สัก รอยแผลกรีดก็เช่นเดียวกันฉันรู้สึกว่าการกรีดของฉันมันคือการสร้างงานศิลปะอย่างหนึ่งฉันใช้สติทั้งหมดเท่าที่หาได้มาห้ามตัวเองไม่ให้ตกแต่งงานศิลปะเพิ่มมันเป็นอย่างที่วงอพาร์ทเม้นต์คุณป้าเคยว่าไว้ 'เจ็บปวดแต่งดงาม'

                ฉันตื่นขึ้นมาในเช้าวันหนึ่งแล้วปฏิบัติกิจวัตรทุกอย่างโดยใช้เวลาไม่นาน ไม่ว่าจะเป็นเก็บที่นอน, อาบน้ำ, แต่งตัว และกินอาหารเช้าแต่สิ่งที่มันต่างออกไปคือ เจ้าสำอางหายไปไหน? ปกติเจ้าสำอางจะมาเดินพันแข้งพันขาอยู่ที่ใต้โต๊ะในขณะที่ฉันกินข้าวเช้าฉันจะเริ่มให้มันกินขนมแมวเลียเป็นอาหารเช้ามันมักเดินขึ้นมาบนตัวฉันตอนที่ฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่บนตั่งหน้าบ้าน แต่วันนี้ทุกอย่างเกี่ยวกับเจ้าสำอางกลับเปลี่ยนไป'เห็นเมื่อเช้ากำลังสู้อยู่กับแมวตัวไหนไม่รู้' แม่บอกอย่างนั้นตอนที่ฉันส่งเสียงเรียกแมวการหายไปของมันทำให้ฉันรู้ว่าที่ผ่านมาฉันเหงาขนาดไหนภายในจิตใจเหมือนมีรูโหว่รูใหญ่ สมองของฉันคิดไปถึงภาพเจ้าสำอางโดนแมวตัวใหญ่กว่ากัดคอและหางเลือดเจ้าตัวน้อยกระซ่านกระเซ็นออกมาเหมือนตัวระเบิดหรือคิดถึงเจ้าสำอางเดินข้ามถนนอย่างไร้เดียงสาไม่รู้เรื่องรู้ราวก่อนที่จะโดนรถที่พุ่งตรงมาเหยียบตายคาล้อรถโรคย้ำคิดย้ำทำของฉันเริ่มทำงานอีกครั้ง

                รมควันน่าจะได้ผลนะ

                ฉันลงมือเสิร์ชหาเตาและถ่านสำหรับปิกนิกในอินเทอร์เน็ตวิธีฆ่าตัวตายนี้มันเข้ามาในสมองเมื่อได้เห็นข่าวผู้หญิงคนหนึ่งรมควันตัวเองตายในห้องพักแห่งหนึ่งที่กรุงเทพที่ผ่านมาฉันมองข้ามวิธีนี้ได้ยังไง ฉันทนไม่ไหวแล้วที่จะปล่อยให้อาการย้ำคิดย้ำทำมันควบคุมสมองและภาพความคิดในหัวของฉันแทนที่จะหาแมวฉันกลับหาวิธีหลบหนีจากความจริงแทน แต่ฉันฆ่าตัวตายตอนนี้ไม่ได้ท่ามกลางคนในครอบครัวและชาวบ้านชาวช่องใกล้เคียงพร้อมจะหยิบเอาเรื่องอะไรก็ได้ในแต่ละวันมานินทากันสนุกปากเมื่อฆ่าตัวตายยังไม่ใช่คำตอบในเวลานี้ฉันจึงเริ่มคิดหาวิธีทำร้ายตัวเองเพื่อสนองความต้องการของตัวฉัน

                'เมี้ยว'

                เสียงแมวร้องดังขึ้นข้างหูในขณะที่ฉันกำลังหามีดมากรีดแขนตัวเองความคิดรุนแรงต่างๆที่กำลังคุกรุ่นในสมองก็ดับลง เจ้าสำอางคือผู้ช่วยให้รอดจริงๆ

                เย็นวันหนึ่งที่แสนว่างเปล่าฉันอ่านหนังสือของคุณคันฉัตร รังษีกาญจน์ส่องอยู่บนตั่งหน้าบ้านหนังสือที่ฉันอ่านเป็นหนึ่งในหนังสือชุดแอดเวนเจอร์ ออฟ เมอฤดีเล่มนี้เขียนถึงทริปออสเตรียของเขา ฉันอ่านแล้วรู้สึกเพลินดีภาษาที่ใช้ไม่เป็นทางการนัก บรรยายอารมณ์ความรู้สึกได้เข้าใจง่ายทำให้ผู้อ่านอย่างฉันคล้อยตามคุณคันฉัตรได้ไม่ยากถ้าใครสนใจหนังสือที่อ่านฆ่าเวลาและดีต่อจิตใจ ฉันขอแนะนำหนังสือของคุณคันฉัตรรังษีกาญจน์ส่องเลย

                ฉันรู้สึกสนุกกับการเที่ยวออสเตรียได้ไม่นานก็หยิบมือถือขึ้นมาเช็คโน่นดูนี่ไปเรื่อยๆทันใดนั้นก็มีเรื่องหนึ่งกระชากฉันออกจากออสเตรียกลับมาที่ประเทศไทยเพื่อนคนหนึ่งของฉันที่เคยไปแอดมิทแผนกจิตเวชด้วยกันตอนนี้เขาเข้าโรงพยาบาลอีกแล้วสาเหตุเป็นเช่นไรไม่ชัดเจนแต่มีคำหนึ่งเตะตาของฉัน #suicideattemp เขาฆ่าตัวตายเป็นครั้งที่ร้อยแล้วถ้านับกันดี ๆ การรับรู้ความพยายามนี้ในตอนนี้ทำให้ฉันรู้สึกจิตตกหดหู่และเศร้าใจไปด้วยอีกคนเรื่องรมควันตัวเองวกกลับเข้ามาวิ่งเล่นในสมองอย่างอิสระฉันอยากให้เพื่อนคนนี้ของฉันดีขึ้นเพื่อให้สภาพจิตใจของฉันฟื้นฟูไปด้วยฉันเห็นแก่ตัวมากไปไหมนะ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in