รูมเมทที่อยู่ด้วยกันในคอนโดเล็กๆของฉันคือแม่ ผู้หญิงที่ทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมของห้อง ทำอาหารให้กินครบ 3 มื้อผู้ที่เคยกุมมือฉันไว้แน่นตอนที่ฉันโดนล้างท้องตอนนี้เป็นผู้ที่ต้องคอยตอบคำถามว่า 'หมอ J หายไปไหน?' หรือ 'อยากคุยกับหมอ J จังเลย'
แม่มีความเชื่อแปลก ๆ กับอาการป่วยของฉันแม่เชื่อว่ามันเป็นเวรกรรมที่ฉันเคยทำไว้เมื่อชาติก่อนฉันอาจไปเบียดเบียนใครเข้าโดยที่ฉันไม่ตั้งใจทุกเช้าหลังจากแม่กลับจากตลาดพร้อมอาหารเช้าแม่จะเอาอาหารเช้าไปไว้ในครัวและเดินออกมาพร้อมน้ำ 1 ขวดเล็กและแก้วเปล่า 1 ใบ แม่อุปโลกน์ว่าน้ำในขวดนั้นคือน้ำที่ใช้ในการกรวดน้ำและแก้วเปล่าคือขันกรวดน้ำ แม่จะเดินถือทั้งสองอย่างออกมาจากในครัวท่านนั่งลงสวดนะโมสามจบและให้ฉันกุมมือของท่านไว้เพื่อที่จะให้บุญจากการกรวดน้ำส่งต่อมาที่ฉันด้วยเมื่อเสร็จพิธีกรรมแม่จะเอาน้ำไปเททิ้งไว้ใต้โคนต้นไม้ของคอนโด และเรียกมันว่า 'การฝากน้ำไว้กับพระแม่ธรณี'
เย็นวันหนึ่งหลังจากที่แม่ไปซื้อกับข้าวในตลาดและปล่อยให้ฉันอยู่คนเดียวฉันเกิดความคิดว่า อยากเห็นยาฆ่าแมลงที่ซ่อนไว้ฉันจึงเดินไปเปิดตู้ที่ซ่อนยาเอาไว้ แต่เมื่อเปิดกล่องกลับเจอแต่ความว่างเปล่าจังหวะนั้นฉันโมโหรูมเมทของฉันมาก จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากแม่ของฉันที่เอายาไปทิ้งฉันกรีดแขนและขาเพื่อระบายความโกรธอีกครั้งความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้ความโมโหลดลงเลย
"ม้าเอายาฆ่าแมลงไปทิ้งใช่ไหม"ฉันขึ้นเสียงกับแม่ทันทีที่ท่านกลับมาจากตลาด ยังไม่ทันที่แม่จะวางของที่หอบหิ้วมาเต็มมือ
"วันนี้กินอะไรดีเดี๋ยวม้าทำให้"ท่านไม่สนใจฉันและแสร้งไปพูดเรื่องอื่น
"แค่ตายเองปล่อยลูกไปไม่ได้เหรอ" ฉันพูดด้วยเสียงสั่นเครือน้ำตานองหน้า"ก็ลูกอยากตายนี่ ปล่อยลูกไปเถอะ"
"ลูกตายแล้วม้าจะอยู่กับใคร"แม่เริ่มขึ้นเสียงบ้าง
"อยู่กับพี่ N ไง" เป็นไม่กี่ครั้งที่ฉันจะยอมพูดถึงพี่ชาย
"ไม่เอา ไม่พูดเรื่องนี้แล้วของไม่ดีก็อย่าไปเก็บมันไว้" แม่ทิ้งคำพูดเอาไว้ก่อนเดินเข้าไปในครัว
ฉันพุ่งตัวไปที่คอมพิวเตอร์เครื่องเก่าคร่ำครึของฉันรีบเปิดโปรแกรมแชทชื่อดังและเปิดแอคเคาท์ร้านขายอุปกรณ์การเกษตรที่ฉันเคยสั่งซื้อยาฆ่าแมลง
'ขอสั่งเหมือนเดิมอีกขวดค่ะ โอนเงินให้เลยนะคะ' ฉันเข้าแอพธนาคารและโอนเงินอย่างรวดเร็วโดยไม่รอคำตอบจากทางร้าน
หลังจากเจรจาซื้อของกันเป็นที่เรียบร้อยฉันก็หยิบใบมีดผ่าตัดอันใหม่และเดินเข้าไปนั่งบนโซฟาในห้องรับแขกฉันกรีดขาและแขนที่เป็นแผลเหวอะหวะอยู่แล้วให้มันน่าเกลียดเข้าไปอีกแม่เดินเข้ามาพร้อมจานกับข้าวในมือแม่วางมันลงบนโต๊ะตรงหน้าฉันและเพิกเฉยต่อพฤติกรรมการกรีดของฉันฉันทิ้งมีดในมือแล้วทำแผลเรียบร้อย ถึงแม้ฉันอยากเจ็บแต่ฉันก็ไม่อยากมีแผลเน่าเย็นวันนั้นเรากินข้าวกันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แม่ของฉันเป็นผู้หญิงแกร่ง ใคร ๆ ในซอยก็พูดถึงแม่ของฉันแบบนี้แม่เป็นครูอยู่ในอีกอำเภอห่างไกลความเจริญเมื่อกลับมาถึงบ้านก็แปลงกายเป็นแม่ค้าขายของชำ ทั้งกำหนดราคาสินค้าทั้งสั่งซื้อสินค้าเข้าร้าน แม่ทำเองทั้งสิ้นเมื่อหมดจากหน้าที่แม่ค้าแม่ก็ปิดร้านและแปลงกายเป็นแม่บ้านมืออาชีพหลังปิดร้านแม่มักทำงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างกวาดขยะ, ถูพื้น, ทำกับข้าวให้คนในครอบครัวกินน้อยนักที่ฉันจะเห็นน้ำตาของแม่ ครั้งหนึ่งในงานศพยายและอีกครั้งในงานศพตาแม่ทนไม่ได้กับการสูญเสีย ฉันคิดว่ามันเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของแม่
ตอนฉันกินยาฆ่าแมลงเพื่อฆ่าตัวตายแม่ของฉันคอยจับมือฉันไว้แน่นในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลแม่พยายามไม่ร้องออกมาแต่มันก็เกินความสามารถของแม่ที่จะทนได้น้ำตาของแม่ไหลนองไม่เกรงใจพยาบาลวันนั้นแม่เกือบต้องสูญเสียฉันไปหากไม่ถึงมือหมอเสียก่อน หลังจากเหตุการณ์นั้นคนในครอบครัวของฉันก็รู้ว่าฉันมีโรคทางจิตเวชมารบกวนชีวิตสักพักหนึ่งแล้วแม่อาสาเป็นคนที่มาอยู่เป็นเพื่อนฉันที่คอนโดเมื่อท่านเกษียณแล้วในขณะที่อยู่กับฉันแม่กลายเป็นแม่บ้านเต็มตัว นอกจากกวาดบ้าน ถูบ้าน ทำกับข้าวแล้วแม่ยังไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนฉันด้วย ทุกครั้งที่ฉันเปิดประตูออกมาจากห้องตรวจหมายเลข5 จะเจอแม่นั่งยิ้มแป้นอยู่และถามว่า 'บอกหมอไปหมดรึยัง?, 'หมอถามอะไรบ้าง?' ฉันไม่ค่อยเล่าเรื่องการสนทนากับหมอให้แม่ฟังสักเท่าไหร่ แม่เองก็รับได้
ทุกครั้งที่แม่บังเอิญไปเจออุปกรณ์ประกอบพิธีกรรมแห่งความเจ็บปวดของฉันแม่จะเอาไปทิ้งและไม่พูดถึงมันอีกเลย แม่มีความคิดว่า 'สิ่งไม่ดีก็อย่าไปเก็บไปพูดถึงมัน' นั่นทำให้ฉันต้องเสิร์ชอินเทอร์เน็ตหาซื้อของมาใหม่อยู่ร่ำไปนอกจากกำจัดของไม่ดีแล้วแม่ยังจุ้นจ้านเรื่องการแต่งตัวของฉันทุกเช้า 'ไปเปลี่ยนกางเกงซิ มันเห็นแผลที่ขา' หรือว่า 'ไปใส่เสื้อคลุมซะไป มันเห็นแผลที่แขน' ฉันต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าสามสี่ครั้งถึงจะทำให้แม่พอใจได้
วันหนึ่งขณะที่เรากำลังนั่งดูโทรทัศน์กันก็มีสายเข้ามาที่โทรศัพท์แม่ มีคนบอกข่าวแม่ว่าคนรู้จักคนหนึ่งไม่สบายและแอดมิทอยู่ที่โรงพยาบาลแถวถ.เพชรบุรี
"วันพุธม้าว่าจะไปเยี่ยมเขาสักหน่อยนะลูกอยู่คนเดียวได้ไหม" แม่ถามขึ้นหลังจากวางสายไปแล้ว วันนั้นเป็นวันจันทร์อีกแค่ 2 วันเท่านั้นฉันจะเป็นอิสระและอยู่คนเดียวอย่างสบายใจมันเป็นเวลาเหมาะที่จะดื่มยาฆ่าแมลงมากๆ จะไม่มีใครมาช่วยฉันได้ฉันจะตายได้สมใจเสียที
'เร็วไปรึเปล่า' เสียงของฉันดังขึ้นในหัว นั่นน่ะสิ ฉันไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยนะเพื่อนก็ยังไม่ได้สั่งลา ไหนจะหมออีก เสียงในสมองตีกันมั่วไปหมดฉันจึงตัดสินใจส่งอีเมล์ไปหาหมอ A
และแล้ววันพุธก็มาถึงแม่แต่งตัวแต่งหน้าออกไปจากคอนโดตั้งแต่ 9 โมงเช้า ก่อนออกยังไม่วายหันมาถามฉันว่า'อยู่คนเดียวได้แน่นะ' ฉันรับคำ ทันทีที่แม่ออกไปจากห้องฉันก็ค้นเอายาฆ่าแมลงขวดใหม่ออกมาวางไว้ฉันเดินไปหยิบมีดผ่าตัดและเดินเข้าไปนั่งบนพื้นห้องน้ำข้างขวดยาฆ่าแมลง
ฉันคิด ๆ และคิดหลายตลบข้อมูลในหัวตีกันมั่ว ภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวไหลผ่านสมองฉันไม่มีวันจบฉันคิดไม่ออกว่าจะตายดีรึไม่ ซาตานข้างหูซ้ายบอกว่า 'นี่เป็นโอกาสทองแล้วนะเว่ย' นางฟ้าข้างหูขวาก็เถียงขึ้นมาว่า'กะทันหันไปหรือเปล่า ยังไม่ได้ลาแม่เลยนะ' ตอนนั้นฉันตัดสินใจโทรไปที่สายด่วนสุขภาพจิต 1323เจ้าหน้าที่พูดเตือนสติฉันและยั้งไว้ไม่ให้ฉันฆ่าตัวตาย นั่นยิ่งทำให้ฉันสับสนอย่างหนักและร้องไห้ออกมาฉันรินยาฆ่าแมลงใส่ในแก้วและสูดดม มันเหม็นมากและฟุ้งไปด้วยกลิ่นสารเคมีประหลาดฉันโทรหาพ่อเป็นคนต่อไป อย่างน้อยฉันก็ได้บอกลาพ่อ
"ตัวเองอย่าเพิ่งทำอะไรนะเดี๋ยวพ่อขอโทรหาแม่ก่อน พ่อรักลูกนะครับ" พ่อพูดก่อนวางสายไป
ถ้าแม่มาพบฉันเป็นศพคาห้องน้ำคอนโดแม่จะคิดยังไงนะพี่ชายของฉันจะยอมรับช่วงต่อคอนโดที่มีคนตายรึเปล่าในหัวสมองของฉันยังไม่ยอมสงบง่าย ๆ วันนั้นฉันตัดสินใจอยู่ต่ออีกสักหน่อยเพราะอะไรหลาย ๆอย่างมันกะทันหันเกินไป ฉันเทน้ำยาฆ่าแมลงลงไปในชักโครกแล้วกลับมานั่งบนโซฟาในห้องนั่งเล่น แน่นอนว่ามีดผ่าตัดยังอยู่ข้างตัวไม่ห่าง
"โอ๊ย! รถไฟฟ้าคนแน่นมากเลยไม่รู้คนเดินทางไปไหนนักหนา" 20 นาทีต่อมาแม่ก็เข้ามาในห้องและบ่นดัง ๆแม่ไม่ยอมพูดเรื่องที่ฉันเกือบฆ่าตัวตายแม่ไม่ได้พูดว่าฉันทำให้แม่เดินทางเสียเที่ยว แม่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นฉันจึงเก็บจดหมายลาตายไว้ในกระเป๋ามิดชิด
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in