"สวัสดีค่ะวันนี้เป็นอะไรมาเอ่ย"หลังทำแผลไม่นานหมอผู้หญิงตัวเล็กหน้าใสก็เดินเข้ามาทักทายฉันถึงข้างเตียงทำไมไม่ใช่หมอ J
"ตกงานมาค่ะ ฉันเป็นไอ้ห่วยแตกที่ไม่มีใครอยากรับเข้าทำงานค่ะ" ฉันตอบไปด้วยความหงุดหงิดตัวเอง
หมอผู้หญิงซึ่งฉันมารู้ชื่อภายหลังว่าหมอA ถามซักไซ้จนฉันไม่มีอะไรจะตอบทุก ๆ ประโยคของฉันเต็มไปด้วยคำว่า โง่! ห่วยแตก! โหลยโท่ย! ไม่ได้เรื่อง!หมอ A จับได้ว่าฉันรู้สึกหงุดหงิดโมโหมากกว่าโศกเศร้าเราพูดคุยกันเกือบครึ่งค่อนคืน หมอจึงปล่อยให้ฉันกลับบ้านไปพร้อมใบนัดไปพบหมอ Aที่โรงพยาบาลอาทิตย์หน้า ฉันรับใบนัดและไหว้ขอบคุณหมอ
'หมายเลข UA0012 เชิญที่ห้องตรวจ 8 ค่ะ' เสียงประกาศจากระบบอัตโนมัติมันคือหมายเลขของฉัน ฉันเดินถือบัตรคิวเข้าไปในห้องตรวจหมายเลข 8 ที่มีทุกสิ่งอย่างเหมือนห้องตรวจหมายเลข 5ต่างกันเพียงอย่างเดียวคือหมอ
"ไม่เป็นไรค่ะหมอ อีกไม่นานฉันก็จะตายแล้ว เรื่องมันจะได้จบ ๆ"
"คุณคิดว่าเรื่องมันจะจบลงแค่นี้เหรอ" หมอถามกลับมา
"ไม่จบก็ช่างเถอะค่ะ ฉันตัดสินใจแล้ว ยาฆ่าแมลงก็ซื้อเอาไว้แล้ว เหลือแค่กินมันเข้าไปเท่านั้น"ฉันพูดด้วยท่าทางมั่นใจ
"เรื่องนี้แม่รู้หรือยัง"
"ยังค่ะ"
"ถ้าหมอบอกแม่ คุณจะโกรธหมอมากเลยใช่ไหม"
"ใช่ค่ะ"
"งั้นคุณออกไปรอหน้าห้องก่อน หมอขอโทรไปปรึกษากับอาจารย์หมอสักครู่"ฉันจึงต้องออกมายืนรอหมอที่หน้าห้อง ไม่กี่นาทีต่อมาหมอก็เรียกฉันเข้าไปในห้องอีกครั้ง
"คุณอย่าเพิ่งทำอะไรนะ หมอมีอีกวิธีที่รักษาคุณได้เรามาทำเคตามีนกันเถอะ"
ฉันได้ใบนัดทำเคตามีนในวันจันทร์หน้าฉันถือใบนัดเดินออกมาจากห้องอย่างงงๆ ทำไมฉันไม่ปฏิเสธการรักษาล่ะทำไมฉันไม่เถียงหมอสักคำ ฉันเพิ่งมาค้นพบภายหลังจากรักษาด้วยเคตามีนจนจบคอร์สว่าตอนนั้นฉันไม่ได้อยากตายจริง ๆฉันเพียงแค่ร้องขอความช่วยเหลือจากบุคคลภายนอกด้วยพฤติกรรมรุนแรงเท่านั้นเอง
เคตามีน (Ketamine) คือยาที่หมอฉีดให้คนไข้เพื่อรักษาอาการทางจิตเวชผลข้างเคียงของการให้ยาเคตามีนคืออาจมีอาการมึนงง เวียนหัว เคลิ้ม และรู้สึกตัวลอย
วันจันทร์ต่อมาฉันได้พบประสบการณ์ใหม่ๆคืออาการเมายาเค ในระหว่างที่กำลังให้เคตามีน ฉันจะรู้สึกเหมือนห้องหมุน ตัวลอยและไม่มั่นคง การให้เคตามีนใช้เวลานิดเดียวและตลอดเวลาหมอ A ก็ชวนฉันคุยเรื่องโน่นนี่ตลอดไม่ปล่อยให้เหงาและยังคอยลูบมือฉันเบา ๆ ให้รู้สึกเหมือนมีคนคอยกุมมืออยู่ข้างกายผลลัพธ์ที่ได้หลังจากทำเคตามีนครั้งแรกคือฉันรู้สึกดี สดชื่นแจ่มใสซึ่งเป็นความรู้สึกที่ไม่มีนานมากแล้วในชีวิตแต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังไม่ทิ้งความคิดฆ่าตัวตายอยู่ดี
จนกระทั่งทำเคตามีนครั้งที่สามหรือสี่ฉันมีความคิดว่า 'ฉันจะเป็นเด็กดีสักครั้งให้แม่ชื่นใจก่อนฉันตาย' ฉันจึงเลิกกรีดผิวหนังของตัวเองไม่ว่าจะเป็นที่ขาหรือที่แขนรอยแผลที่เคยสดใหม่และเหวอะหวะค่อยๆแห้งไปกลายเป็นแผลเป็นปูดบวม
ก่อนออกจากห้องและแยกย้ายกัน หมอ A ยังให้อีเมล์แก่ฉันด้วย ถึงตอนนี้ฉันก็มีคนที่คอยคุยคอยระบายเรื่องต่างๆอยู่ไม่ห่างแล้ว
ฉัน : สวัสดีค่ะหมอ A นี่ L คนไข้ของหมอนะคะ ฉันอยากถามหมอว่าผลข้างเคียงของการทำเคตามีนคืออะไรเหรอคะเพราะตอนนี้ฉันรู้สึกว่างเปล่ามาก ๆ รู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนไม่มีใครอยู่ข้าง ๆ ทั้งๆ ที่แม่ก็นั่งอยู่ด้วยกัน ฉันรู้สึกเหมือนไม่ควรมาอยู่ตรงนี้ไม่ควรหายใจอยู่อย่างนี้ ยาฆ่าแมลงที่แม่เพิ่งทิ้งไปฉันก็ซื้อมาใหม่แล้วนะคะที่เหลือก็แค่รอโอกาส อาการอย่างนี้มันเป็นปกติของคนที่ทำเคตามีนไหมคะมันเหมือนยิ่งแย่ลงทุกวัน ๆ เลยค่ะ
หมอ A : ผลข้างเคียงเคตามีนคือช่วงที่ทำอาจจะรู้สึกมึนเวียนหัว เคลิ้ม รู้สึกตัวลอย เป็นต้นค่ะหมออยากรู้ว่าอะไรที่ทำให้คุณรู้สึกว่างเปล่าคะ ความคิดที่ว่าคือยังไงเล่าให้หมอฟังได้ไหมคะ แมวดำ[1]หรือเปล่าที่ทำให้คุณรู้สึกแบบนั้น หมอเข้าใจว่าคุณคงทรมานมาก มันจะไม่ได้รู้สึกอย่างนี้ไปตลอดคุณอาจรู้สึกตกหลุมในช่วงนี้ แต่จำได้ไหมว่าคุณเคยดีกว่านี้ (ตอนแอดมิท)จำช่วงเวลานั้นไว้นะคะ ระลึกไว้ รู้ตัวไว้ว่าตอนนี้ตกหลุมอยู่พอรู้ตัวว่าตรงนี้มีหลุม พรุ่งนี้ตื่นเช้ามาใหม่ คุณก้าวข้ามหลุมดำนี้นะคะหมอขอเวลารอผลเคตามีนสัก 6 ครั้งก่อนนะคะ
ฉัน : ฉันคิดว่าถ้าจะทำให้แมวดำหายไป ต้องตายเท่านั้นฉันรู้สึกเหมือนไม่มีค่าพอที่จะมีชีวิตอยู่ แต่บอกตรง ๆ ว่าเรื่องยาฆ่าแมลงฉันลังเลมาก เพราะฉันรู้ว่าแค่ฆ่าตัวตายไม่ได้เป็นวิธีการแก้ปัญหาฉันแค่กำลังหนีปัญหาอยู่ แต่แค่คิดว่า ‘หนีแล้วยังไงเหรอ’‘ก็หนีไปสิไม่มีใครเขาสนใจหรอก’ ตอนนี้สับสนมากค่ะระหว่างความเป็นกับความตาย
หมอ A : ‘ก็หนีไปสิไม่มีใครเขาสนใจหรอก’ จริงไหมประโยคนี้ นอกจากความตายมีวิธีอื่นที่จะทำให้แมวตัวเล็กลงนะคะ วันนี้อย่าลืมไปฟิตเนสนะคะ ตามข้อตกลงของเราอย่าลืมหนังสือที่หมอยืม (หนังสือซึมเศร้าเล่าได้) แล้วหนังสือเล่มนั้นที่หมอแนะนำ(หนังสือกล้าที่จะถูกเกลียด) เล่มนั้นก็ดีมากค่ะ
ฉัน : หมอ A คะ แมวดำที่มันกวนฉันอยู่ตอนนี้มันตัวใหญ่มากค่ะในสมองมันมีแต่ความคิดอยากกินยาฆ่าแมลง ฉันออกกำลังกายก็แล้ว เลิกทำร้ายตัวเองแล้วแต่มันไม่มีอะไรทำให้แมวดำมันตัวเล็กลงเลย เหมือนฉันมั่นใจมาก ๆ ว่า “อีกไม่กี่วันนี้แหละ ฉันจะตายแน่นอน” ตอนนี้ฉันลังเลมากว่าจะให้โอกาสหมอทำเคตามีนให้เสร็จดี หรือไปตายซะเลยดี
หมอ A : ลองมองให้มันเป็น “เพื่อน” ลองอยู่กับมันจะเป็นยังไงบ้าง ตอนนี้ไปว่ายน้ำสักรอบแล้วกลับมาเล่าให้หมอฟังนะคะ
ฉัน : หมอคะพรุ่งนี้แม่จะไปทำธุระข้างนอก ไปเยี่ยมคนรู้จักที่โรงพยาบาลน่ะค่ะ ฉันต้องอยู่คนเดียวทั้งวันตอนนี้ในหัวฉันมีแต่ความคิดว่า “หรือนี่จะเป็นโอกาสที่ดีที่จะตายแล้ว”,“หรือว่าเวลามันมาถึงแล้ว” อะไรอย่างนี้ ฉันอยากจะอดทนไปจนทำเคตามีนครบ6 ครั้ง แต่ในใจก็กลัวว่าจะทนไม่ได้ มันเหมือนลังเลว่าจะตายดีไหมน่ะค่ะถ้าพรุ่งนี้ฉันทนไม่ได้ขึ้นมา แล้วทำเคตามีนไม่ครบ 6 ครั้งหมอจะรู้สึกยังไงคะ
หมอ A : อยากเข้าใจก่อนว่าอะไรที่ทำให้คิดว่า การตาย=ประสบความสำเร็จ ?
ฉัน : เพราะการตายเป็นสิ่งที่ฉันอยากได้มากที่สุดและวางแผนมานานแล้ว เพราะงั้นถ้าตายก็เท่ากับประสบความสำเร็จ เหมือนมันได้สนอง needของตัวเอง มันทำให้ตัวเองสมหวังค่ะ
ฉัน : ฉันขี้ขลาดเกินไปที่จะตายค่ะหมอ ตอนนี้ฉันเทยาฆ่าแมลงเตรียมจะกินแล้วแต่ก็ไม่กล้ากินสักที
หมอ A : ไม่ได้เรียกว่า ขี้ขลาด หมอคิดว่ามันเรียกว่าคุณกำลังต่อสู้กับหลุมดำ ซึ่งคุณชนะ คุณเก่งมากนะคะ ยังไงถ้าไม่ไหว คุณมารพ.ได้นะคะ
[1]หมอหมายถึง“เจ้าเศร้าซึม” ตัวละครที่เป็นตัวแทนของความซึมเศร้าจากหนังสือ ซึมเศร้าเล่าได้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in