ผู้คนมากมายอัดแน่นกันอยู่หน้าประตูรถไฟฟ้าเสียงพูดคุยเรื่องต่าง ๆ ดังออกมาจนฟังไม่ได้ศัพท์ เสียงแตรรถจากบนถนนดังสนั่นไม่ขาดสายด้วยความอารมณ์ร้อนของคนขับรถที่ต้องติดแหง็กอยู่บนถนนในเช้าวันจันทร์พนักงานบริษัทต่างเร่งรีบออกไปทำงานแทบจะเป็นผึ้งแตกรัง
ทำไมฉันยังต้องลืมตาตื่นขึ้นมาเจอชีวิตแบบนี้กันนะ
ไม่อยากตื่นขึ้นมาอีกแล้วใครก็ได้ช่วยฉันที
ความคิดด้านลบเริ่มเข้ามาปกคลุมสมองของฉันและทำให้ฉันน้ำตาไหลเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมองฉันอย่างพิศวงและกระซิบกระซาบกับแม่เบา ๆ
เด็กคนนั้นจะมองว่าฉันบ้าไหมนะน้ำตาที่ไหลอยู่แล้วยิ่งพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย
หลังจากนั้นประมาณ 45 นาทีฉันก็มาถึงที่ทำงานของตัวเอง ห้องทำงานสลัว ๆเนื่องจากยังไม่มีใครเข้ามาทำงานฉันสแกนลายนิ้วมือและเข้าไปเปิดไฟเปิดเครื่องปรับอากาศทุกอย่างเตรียมพร้อมสำหรับเข้าทำงานกลิ่นกาแฟหอมฉุยลอยมาเข้าจมูกเมื่อฉันคนช้อนกาแฟในถ้วยใบสวยไปมา
ทุกวันที่นี่ช่างจำเจและไร้ค่าเหลือเกิน
น้ำตาของฉันหยดแหมะลงในถ้วยกาแฟทำให้รสชาติเค็มปะแล่มฉันวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะและลุกขึ้นไปเปิดหน้าต่างที่ทำงานซึ่งอยู่ชั้น 18 ลมพัดเข้ามาตีหน้าจนผมปลิวไสวไม่ได้ทรง
กระโดดลงไปสิ
อยู่ไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก
ยังไงเสียบริษัทก็หาคนใหม่ที่ดีกว่ามาแทนฉันได้อยู่ดี
ทะเลความคิดกำลังปั่นป่วนอยู่ในสมองฉันชะโงกหน้าลงไปดูชั้นล่างของตึกด้วยใจหวิว ๆ
ถ้าฉันกระโดดลงไปตอนนี้จะมีใครดีใจไหมนะ
ติ๊ด!เสียงสแกนลายนิ้วมือที่หน้าประตูบริษัทดังขึ้นเป็นสัญญาณว่ามีพนักงานอีกคนหนึ่งเดินเข้ามาแล้วฉันรีบปิดบานหน้าต่างกระจกแล้วกลับมานั่งที่โต๊ะตามเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เมื่อกี้เปิดหน้าต่างทำไมน่ะ”
“ไม่มีอะไรค่ะ แค่อยากมองลงไปดูเฉย ๆ”ฉันโกหก
เพื่อนร่วมงานของฉันเริ่มเข้ามาทำงานคนแล้วคนเล่าเสียงสแกนลายนิ้วมือดังขึ้นเพื่อเตือนให้ฉันรู้ว่าต้องเจอหน้าพนักงานบริษัทอีกหลายคน
ฉันไม่อยากเจอหน้าใครอีกแล้ว
ใครก็ได้พาฉันออกไปจากที่นี่เสียทีฉันลงมือทำงานทั้งๆที่ทะเลความคิดกำลังคลุ้มคลั่ง น้ำตาหยดแหมะลงบนแป้นพิมพ์สติและสมาธิของฉันกำลังจางหายไปเรื่อย ๆ จนแทบไม่เหลืออะไร
“ทำไมทำงานอย่างนี้ล่ะ” รุ่นพี่ที่ทำงานตำหนิฉันหลังจากดูอีเมล์ตอบลูกค้าที่ฉันบันทึกไว้หลังจากนั้นจึงตามมาด้วยคำตำหนิยกใหญ่
ฉันจะไม่ทนอีกแล้วฉันมันไม่เหมาะกับที่นี่ ไม่มีค่าอะไรเลย
ทุกคนจะดีใจมากใช่ไหมถ้าไม่มีฉัน
หลังจากฟังคำตำหนิของรุ่นพี่เสร็จแล้วฉันจึงลุกออกไปนอกบริษัทโดยหยิบโทรศัพท์มือถือติดมือไปด้วย
“หม่าม้า ลูกไม่ไหวแล้วล่ะ”ฉันโทรไปหาแม่และพูดทั้งน้ำตา
“เป็นอะไร”แม่ถามกลับมาด้วยความเป็นห่วง
“ลูกไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว”
“ตอนนี้คิดอะไรอยู่”
“อยากตาย”หลังสิ้นคำว่าตายแม่ของฉันก็รีบบึ่งรถมาที่ทำงานทันที เราสองคนตัดสินใจว่าฉันควรจะลาออกและไปพบจิตแพทย์ทันที
ระหว่างที่ฉันกำลังนั่งรอหมอที่โรงพยาบาลเดิมน้ำตาของฉันก็ยังไหลออกมาเหมือนสายน้ำที่ไม่ไหลย้อนกลับผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างมองมาที่ฉัน บ้างมีแววตาสงสารบ้างมีแววตาของความเวทนา บ้างทำหน้าตาสงสัย และแล้วมีคุณป้าในเสื้อสีชมพูคนหนึ่งหยุดกึกตรงหน้าฉัน
“เป็นอะไรคะ”คุณป้าถามพร้อมเข้ามาโอบกอดฉันเอาไว้ มือลูบหลังเบา ๆ เหมือนเป็นการปลอบใจ
“ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ” ฉันโกหกแต่น้ำตากลับยิ่งไหลออกมาเพียงเพราะคำถามจากใครสักคนบนโลกนี้ว่า เป็นอะไรที่แสดงความห่วงใยออกมาอย่างจริงใจ
“ไม่เป็นไรนะคะ ป้าก็เคยเป็นค่ะยิ้มเข้าไว้นะคะ ถ้าคุณยิ้ม โลกทั้งใบจะยิ้มให้คุณค่ะ”คุณป้าพูดพลางลูบหลังและเช็ดน้ำตาให้ฉัน
“ขอบคุณค่ะ”
“ขอให้พลังบวกแห่งพระโพธิสัทธิกวนอิมช่วยดลบันดาลให้คุณรู้สึกดีขึ้นและผ่านมันไปได้นะคะ”
นั่นสินะ ถ้าฉันยิ้มโลกทั้งใบนี้จะยิ้มให้ฉันไหมนะฉันคิดพลางสะอื้นน้อย ๆ
คำปลอบโยนของคุณป้าไม่ใช่แค่ทำให้ฉันหยุดร้องไห้เท่านั้นแต่มันยังทำให้รู้ว่าไม่ใช่ฉันเพียงคนเดียวที่เป็นโรคบ้า ๆ นี่และไม่ใช่ฉันเพียงคนเดียวที่ต้องต่อสู้กับความคิดอันชั่วร้ายในสมองโลกทั้งใบนี้อาจจะมีคนเป็นเหมือนฉันอีกเป็นล้าน ๆ คนมากกว่าครึ่งในจำนวนทั้งหมดนั้นสามารถฝ่าฟันความทรมานนี้ไปได้และใช้ชีวิตที่เหลืออย่างมีคุณค่าทั้งหมดนี้มันขึ้นอยู่กับว่าฉันจะเป็นหนึ่งในมากกว่าครึ่งนั้นหรือจะเป็นอีกส่วนที่จบชีวิตลง
‘หมายเลข UA21035 เชิญพบแพทย์ห้องหมายเลข 5 ค่ะ’ เสียงประกาศเรียกคิวของฉันดังขึ้นฉันสะดุ้งเล็กน้อยก่อนพาตัวเองเข้าไปพบหมอ C ที่ห้องหมายเลข 5ห้องเดิม
“สวัสดีครับ วันนี้เป็นอะไรมาครับ”หมอทักทายตามปกติ
“ฉันไม่ไหวแล้วล่ะหมอความคิดของฉันมีแต่เรื่องอยากตาย และฉันก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วจริง ๆ ค่ะ”
“ไหนเล่าให้ฟังสิว่าตอนนี้รู้สึกยังไง”
“มันรู้สึกหดหู่ เศร้าและกลัวที่จะต้องเจอวันพรุ่งนี้ค่ะ ฉันรู้สึกไม่อยากเจอหน้าใคร ไม่อยากเห็นไม่อยากได้ยินเสียงค่ะ”
“คุณคิดวิธีหรือเตรียมอุปกรณ์ไว้หรือยังครับ”
“คิดไว้แล้วค่ะ วิธีรมควันค่ะอุปกรณ์ก็เตรียมไว้หมดแล้ว เก็บไว้มิดชิด คราวนี้แม่เอาไปทิ้งไม่ได้แน่นอน”
“คราวนี้ลองแอดมิทดูไหม”หมอถามออกมาหลังจากซักถามเรื่องอาการไม่ตอบสนองต่อยาของฉัน
น่าเสียดายที่หลังจากหมอตรวจสอบเตียงว่างดูแล้วผลก็ออกมาเหมือนครั้งที่แล้วคือเตียงแผนกจิตเวชเต็ม! ระหว่างที่ฉันรอเตียงจิตเวชว่างหมอก็สั่งยาแขนงใหม่มาทดลองกับฉันคราวนี้เป็นยา Clorazepate Dipotassium
ขนาด 5
มิลลิกรัมและยา Quetiapine 200 มิลลิกรัม
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in