จอห์นนี่เคยคิดว่า เขาเป็นผู้ชนะในศึกครั้งนี้
ตอนที่สบตากับนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่อยู่อีกมุมห้อง มองเห็นลาดหน้าผากได้รูปที่มีปอยผมบางเส้นหลุดจากการเซ็ตมาบ้าง แต่กลับทำให้ใบหน้าหมดจดนั้นดูนุ่มนวลและน่าค้นหามากขึ้นอย่างไม่มีความหมาย เขารู้สึกราวกับตนต้องมนต์สะกดบางอย่าง ชายหนุ่มค่อย ๆ พาตัวเองเคลื่อนตามฝูงชนในงานปาร์ตี้หรูหราที่เดินสวนกันไปมาตรงไปยังเป้าหมายอย่างใจเย็น
และเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ตัวเช่นกัน
รอยยิ้มบางวาดขึ้นบนดวงหน้านั้น ริมฝีปากอิ่มทำให้เขานึกถึงเยลลี่รสหวาน และมันคงจะหวานไม่ต่างกันจริง ๆ จอห์นนี่จินตนาการถึงรสชาติของมัน มีรอยบุ๋มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นข้างแก้ม ราวกับเชิญชวนให้ผู้พบเห็นสัมผัสมัน
อีกฝ่ายสบตาเขากลับ ราวกับจดจ้องดูทุกความเคลื่อนไหว ก่อนจะยกแก้วแชมเปญขึ้นเล็กน้อยราวกับทักทาย
จอห์นนี่ตีความว่ามันคือการตอบรับคำเชิญของเขา
มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
โดยปกติ จอห์นนี่ไม่เคยใช้เวลากับ ‘เหยื่อ’ นานนัก วันไนท์สแตนด์ไม่ควรเปิดโอกาสให้พวกเขารู้จักกันมากกว่าการสัมผัสทางกาย และจอห์นนี่ไม่เคยคิดจะลิ้มรสชาติเฝื่อนฝาดของลิปสติก แต่ริมฝีปากนุ่มนิ่มเหมือนเยลลี่นั้นดึงดูดเขาเกินไป จึงเผลอสัมผัสมันซ้ำ ๆ กว่าจะรู้ตัวว่าลุ่มหลงในรสชาตินั้น ก็ตอนที่ได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วเบาหลุดลอดจากกลีบเนื้ออิ่มนั้น
“คุณจะจูบผมจนเช้าเลยหรือเปล่าครับ”
จอห์นนี่หัวเราะตอบ และเริ่มลิ้มรสอาหารตรงหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ
ผิวแก้มเนียน ผิวกายผุดผาด คนใต้ร่างของเขาขาวจัด ผิวละเอียดราวกับเนื้อหิมะ ทิ้งกลิ่นน้ำหอมปนเปกับกลิ่นเหงื่อและกลิ่นกายชวนให้ฝังจมูกซ้ำ ๆ ไม่รู้จบ เขาได้ยินเสียงครางอื้ออึง เสียงหอบหายใจ แม้ไม่มีการเอ่ยชื่อกันและกัน แต่ทุกสัมผัสใกล้ชิดทำให้จอห์นนี่คิดว่าเราเข้าใจกันจนชื่อไม่จำเป็นอีกต่อไป ปลายนิ้วลากผ่านทุกพื้นที่บนกายอีกฝ่าย จดจ้องและจำทุกรายละเอียดไว้ในใจอย่างชัดเจน
จอห์นนี่ผสานมือขาวที่จิกหมอนแน่นขณะเคลื่อนกายไปตามจังหวะ อีกฝ่ายเชิดใบหน้าขึ้น เสียงเครือครางแผ่วเบาลอดริมฝีปาก เขากดจูบปลายคางมน ค่อย ๆ เคลื่อนไปวนเวียนบริเวณริมฝีปากและลักยิ้มเล็ก ๆ นั่นราวกับมันเป็นเขาวงกตที่เขาไม่รู้ทางออก
เขาได้ยินเสียงหัวเราะปะปนกับเสียงครวญ “คุณนี่ ติดใจปากผม...จริง ๆ นะ...”
จอห์นนี่หัวเราะ ไม่ได้ปฏิเสธคำพูดนั้น
เขาจำไม่ได้ว่าวนเวียนอยู่กับร่างนั้นกี่ครั้ง เราสนุกด้วยกันจนฟ้าเกือบสาง จอห์นนี่คิดว่าเขาตกลงไปในมนตร์สะกดบางอย่างจริง ๆ มนตร์ของแววตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์ใต้แพขนตายาว ผิวแก้มขาวที่ขึ้นสีระเรื่อ และริมฝีปากนิ่มหยุ่นเหมือนเยลลี่ชั้นดี
ตอนที่จบศึกสุดท้าย จอห์นนี่คิดจริง ๆ ว่าเขาเป็นผู้ชนะ
แต่ตระหนักว่าตนพ่ายแพ้ ตอนที่นึกอยากถามคำถามหนึ่งกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นวันไนท์สแตนด์
“ผมขอรู้ชื่อของคุณได้ไหม”
จอห์นนี่เอ่ยกับอีกฝ่ายเบา กดจูบลงบนหน้าผากขาว ก่อนจดจ้องดวงหน้าหมดจดจนราวกับไม่ใช่มนุษย์นั่นอีกครั้ง
รอยยิ้มวาดขึ้นบนดวงหน้านั้นอีกครั้ง เหมือนตอนแรกที่เขาเข้าไปหา แต่ไม่มีคำตอบใด ๆ
คนตัวขาวปล่อยให้ความเงียบโรยตัวอยู่นาน ก่อนจะค่อย ๆ พยุงกายขึ้น เอื้อมมือไปหยิบบางสิ่งตรงหัวเตียง
บุหรี่
ก้านบุหรี่วางอยู่ระหว่างเรียวนิ้วยาว ก่อนจะส่งมันเข้าริมฝีปาก จอห์นนี่จดจ้องทุกรายละเอียดด้วยหัวใจที่เต้นระทึก อีกฝ่ายก้มหน้าลงเล็กน้อย เห็นแพขนตาเรียงเส้นกันขนานอยู่เหนือโหนกแก้ม สีขาวของแท่งบุหรี่ตัดกับสีแดงระเรื่อของริมฝีปาก มือข้างที่ว่างงุ่นง่านอยู่กับไฟแช็กครู่เดียว ก็จุดประกายไฟเล็ก ๆ ขึ้นมาได้ ชายหนุ่มผู้ไม่เอ่ยนามสูดควันเข้าปอด ก่อนพรูลมหายใจออกมา ควันสีขาวลอยฟุ้งในห้อง
“…เดี๋ยวสัญญาณควันก็ดังหรอกครับ”
“อ๊ะ ผมลืม ขอโทษที”
พูดแล้วหันมายิ้มให้เขา จอห์นนี่มองลักยิ้มนั้นอย่างพิศวง ขณะที่คนตัวขาวค่อย ๆ หยิบกางเกงมาสวม คว้าเชิ้ตสีขาวมาสวมลวก ๆ โดยไม่ติดกระดุม ให้พอเห็นร่องรอยบาง ๆ ที่เขาประทับไว้บนร่างขาว
จอห์นนี่เพิ่งเข้าใจคำว่า ‘ศิลปะ’ ก็ตอนนี้
ฟ้ายามเช้าราวกับผืนผ้าใบที่แต่งแต้มสีอย่างระมัดระวัง วันนี้พระเจ้าคงเป็นจิตรกรเอก จอห์นนี่ไม่เคยคิดว่าภาพของท้องฟ้ายามเช้าจะงดงามได้ขนาดนี้ บางทีมันอาจจะต้องมีวัตถุที่เหมาะสมมาวางให้ครบองค์ประกอบ เช่นคนที่เคยนอนเคียงข้างเขาอยู่เมื่อครู่ แต่ตอนนี้กลับยืนเพียงระเบียงอย่างสบายใจ ควันขาวจากปลายบุหรี่โอบล้อมร่างนั้นราวกับเป็นภาพฝัน ราวกับว่าถ้าจอห์นนี่กะพริบตาไปเพียงครั้งเดียว เขาก็จะหายไปจากสายตา
จอห์นนี่พ่ายแพ้อย่างหมดรูปจริง ๆ
“เจย์”
เขาได้ยินเสียงจากระเบียง
“ผมอนุญาตให้คุณเรียกแบบนั้นได้”
ตกลงในมนตร์สะกด และพ่ายแพ้อย่างไม่อาจหาทางชนะได้
FIN
(รวมหัวข้อกับการกาวกับพี่มี่)
(วันนี้วันที่ 10 เพิ่งส่งหัวข้อวันที่ 4 เจริญแล้วจ้า)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in