เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ข้าพเจ้าzane.
ข้าพเจ้าและความไม่สมบูรณ์แบบ
  • ผมเขียนสิ่งนี้เพื่อตอบสนองจิตวิญญาณล้วนๆ

    ผมไม่สมบูรณ์แบบ...ไม่เคยเป็นแบบนั้น...ไม่เฉียดใกล้...ไม่ใช่ และจะไม่มีวันสมบูรณ์แบบ มีหลายสิ่งหลายอย่างในโลกนี้ที่พยายามจะสมบูรณ์แบบ...มันเป็นไปไม่ได้...อาจจะสักวัน...บางทีอาจจะสักวันนึงที่จะสมบูรณ์แบบ ในความหมายของผมความสมบูรณ์แบบเป็นแค่ความคิดเป็นแค่ความเชื่อเป็นแค่หลักการว่าจะต้องสมบูรณ์แบบบางคนคิดว่า"แบบนี้แหละสมบูรณ์แบบที่สุด"ผมคิดว่าในความเป็นจริงแล้วหมายความว่า"ที่ดีสุดเท่าที่จะเป็นไปได้"เสียมากกว่า

    ผมอยากจะมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ หน้าที่การงาน เงิน ครอบครัว ความรัก ผมอยากมีทุกอย่างผมคิดว่าถ้าผมมีทุกอย่างผมคงเป็นผู้ชายที่มีความสุขที่สุดในโลกแต่ในความเป็นจริงแล้ว...ผมพบว่าผมไม่ใช่คนตรงนั้นผมไม่รู้จริงๆว่าการจะไปถึงจุดๆนั้นไปถึงความสมบูรณ์แบบในชีวิตผมจะไปถึงมันได้ยังไง ได้ไปใช้ชีวิตแบบที่ผมคิดว่าสมบูรณ์แบบ จะมีใครในโลกไหมนะ?ที่มีชีวิตแบบนั้น สักวันนึงถ้าผมมีชีวิตแบบนั้นผมจะมีความสุขจริงๆไหมนะ?แล้วคุณคิดว่ายังไง...คุณอยากมีชีวิตแบบนั้นไหม...คุณอยากมีชีวิตสมบูรณ์แบบไหม...หรือคุณก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้เหมือนผม คุณหมดหวังหรือเปล่าที่คุณรู้ว่าคุณไม่สามารถมีชีวิตแบบนั้นได้ ผมควรให้กำลังใจคุณไหม? ผมควรปลอบใจคุณหรือเปล่า? จิตใจของผม จิตวิญญาณของผมนั้นแทบจะแตกสลายเมื่อผมคิดไม่ว่าจะสักกี่รอบ"ร้อยรอบพันรอบ" ยังไงผมหาทางไปมีชีวิตแบบนั้นไม่ได้จริงๆ สิ่งที่ผมอยากจะมีผมมีไม่ได้ สิ่งที่ผมอยากจะทำผมทำไม่ได้ ผมอยากจะสมบูรณ์แบบแต่ผมพบทางตันสำหรับเส้นทางไปหาสิ่งๆนั้น ผมคงจะไม่มีวันยืนอยู่บนแสงแห่งความสมบูรณ์แบบ 

    ชีวิตของผมเหมือนภาพวาด คุณเคยมองภาพวาดสักอันแล้วไม่เข้าใจมันสักนิดแต่พอคุณไปหาข้อมูลกลับพบว่ามีคนเข้าใจภาพๆนั้นและอธิบายมันได้ดีเลยไหม? ผมพบว่าผมไม่เข้าใจชีวิตของตัวเองเท่าไหร่นัก ผมไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ผมเหมือนคนที่มองภาพวาดแล้วไม่เข้าใจผมลืมบอกไป...ภาพวาดนั้นผมเป็นคนวาดเอง ผมมักจะตะขิดตะขวงใจเสมอที่มีคนทำเหมือนเข้าใจภาพวาดของผมมากกว่าตัวผมจากมุมมองของคนดู(คนชมศิลปะ)แน่นอนว่ามีสิทธิ์เข้าใจในมุมมองของตัวเองเข้าใจอย่างถ่องแท้ในมุมมองของคนดูแต่คุณเข้าใจมันจริงๆหรอ?ในขณะที่ภาพวาดและในขณะเดียวกันก็เป็นคนวาดภาพนั้นไม่เคยเข้าใจมันจริงๆไม่เคยค้นพบความหมายที่ซ่อนอยู่ในภาพวาดสองภาพนั้นจริงๆเลยสักครั้ง ใช่ครับ...ผมคือภาพวาดที่กำลังวาดภาพอยู่ในขณะเดียวกัน

    "ทำให้ดีที่สุด" ทำให้ดีที่สุดตามศักยภาพที่เรามีผมพบว่าศักยภาพผมนั้นติดลบมาตั้งแต่แรก ผมพยายามทำให้ดีที่สุดทำให้ดีและทำให้ดีจนไม่รู้แล้วว่า "ถ้าให้ดีกว่านี้ต้องทำยังไง" ทุกสิ่งคือการดิ้นรนเพื่อค้นหาอะไรสักอย่างไปทำไม? ผมสงสัยว่าจริงๆแล้วมันจะเกี่ยวกับ"ความสมบูรณ์แบบ"ที่มนุษย์มักขวนขวายกัน ผมแทบจะบ้าตายเพื่อดิ้นรนเอาสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงมาครอบครองน่าตลกที่ผมไม่สามารถออกจาก"กรอบแห่งชีวิต"ได้ ผมไม่แข็งแกร่งและไม่เข้มแข็งพอที่จะค้นหาภูเขาลูกใหม่นั้นได้ภูเขาลูกใหม่ที่มีแสงอะไรสักอย่าง แสงอะไรก็ได้บนยอดสุดของภูเขา อย่าว่าแต่แสงของภูเขาลูกอื่นเลยผมคงได้ตายก่อนที่ผมจะพบแสงของภูเขาที่ผมปีนอยู่ด้วยซ้ำ

    จิตวิญญาณที่ไม่สมบูรณ์แบบของผมบอกผมว่า"จงยอมรับและยินดีในความไม่สมบูรณ์แบบของตนเอง" ผมรู้สึกขำในใจลึกๆที่ขนาดจิตวิญญาณของผมยังบอกให้ผมยอมรับมัน ถามว่าผมเชื่อจิตวิญญาณตัวเองไหม? 'ผมเชืื่อ'ผมยอมรับและยินดี ผมน้อมรับและยิ้มรับด้วยใจค้านไปก็ไม่มีประโยชน์จิตวิญญาณของผมคงหาสิ่งที่ดีที่สุดให้จิตใจของผมไม่ดำดิ่งในความเจ็บปวดมากจนเกินไปแต่ในขณะเดียวกันจิตวิญญาณของผมก็ไม่สมบูรณ์แบบเช่นกัน ทุกสิ่งก้าวไปในอนาคตเหมือนเรือที่ออกมหาสมุทรตลอดเวลาไม่มีวันหยุดจนกว่าเรือจะล่มเรือเริ่มผุพังไปเรื่อยๆตามกาลเวลาเรือล่มเป็นเรื่องปกติสำหรับมหาสมุทรมหาสมุทรคงไม่มีความโศกเศร้าเสียใจให้ลูกเรือที่ต้องสละเรือกลางมหาสมุทรเพราะทุกสิ่งเป็นไปแบบที่มันเป็น ดำเนินไปเป็นที่มันเป็น ไม่ใช่ไม่มีหัวใจแต่มหาสมุทรแค่ไม่มีอำนาจมากพอที่จะควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกไม่ว่าจะบนบกหรือบนน้ำมหาสมุทรก็คงทำได้แค่เฝ้าดูและหวังว่า"ขอให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรือออกตามหาในมหาสมุทรสามารถตามหาได้บนบกหรือที่ไหนก็ได้ที่จะทำให้เรือผุพังปลอดภัย" แต่ต่อให้มหาสมุทรจะหวังแบบนั้นสักเท่าไรยังไงเรือทุกลำก็ต้องออกมหาสมุทรอยู่ดีไม่ว่าจะสภาพดีแค่ไหนสภาพแย่เท่าใด ทุกสิ่งก็ดำเนินไปตามแบบที่มันเป็น

    ห้องสี่เหลี่ยมร้อนๆไม่มีทางออกไม่มีแม้แต่ช่องระบายอากาศร้อนอบอ้าวเหงื่อไหลย้อยไม่มีสิ่งที่เรียกกันว่าความสะดวกสบายแม้แต่น้อยผมรู้สึกแบบนั้น ผมได้แต่คิดว่าผมจะออกจากห้องนี้ได้ยังไงห้องอันแสนทรมานห้องที่ว่างเปล่าผมคิดย้อนกลับไป…ผมมาอยู่ในห้องแบบนี้ได้ยังไงผมเข้ามาอยู่ในห้องนี้ตั้งแต่ตอนไหนทำไมผมถึงอยู่ในห้องนี้ ผมไม่มีคำตอบสำหรับเรื่องนั้นผมไม่อาจรู้ได้ว่าทำไมผมถึงเป็นคนที่ต้องเข้ามาอยู่ในห้องนี้ผมรู้แค่ว่า…ผมลืมตาตื่นขึ้นมาผมแค่อยู่ในห้องนี้เรียบร้อยแล้วไม่มีแม้แต่เหตุผลไม่มีแม้แต่คำอธิบายว่าทำไม…ทำไมผมถึงไม่ลืมตาตื่นขึ้นมาในทุ่งหญ้าเขียวขจีที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก ทำไมถึงไม่มีประตูทางออกทำไมถึงไม่มีช่องระบายอากาศทำไมถึงมีแค่ห้อง"ห้องอันว่างเปล่า"มีแค่ห้องอันว่างเปล่ากับผมมีแค่นั้นไม่มีแม้แต่น้ำสักขวดขอแค่น้ำเย็นๆให้ผมดื่มสักอึกให้ผมรู้สึกสดชื่นได้บ้างแค่ช่วงระยะเวลานึงสั้นๆในระหว่างการดื่มน้ำคงปลอบประโลมผมได้ไม่มากก็น้อยแต่สิ่งที่อยู่ต่อหน้าผมมีแค่ความว่างเปล่าที่ไม่สิ้นสุดแค่นั้นมันแค่นั้นเลย สิ่งที่ทำให้ผมมีความหวังในการดำรงชีวิตในห้องอันว่างเปล่าคงเป็นสิ่งที่เรียกกันว่า"ความหวัง"ผมต้องมีมันสิ่งนี้จำเป็นต่อผมอย่างยิ่งแค่มีสิ่งนี้ไม่ว่าจะน้ำหรืออาหารไม่ว่าจะอากาศเย็นๆไม่สามารถเทียบเคียงได้เลยถ้าผมมีความหวัง ความหวังบอกผมว่า “ประตูที่ไม่มีอยู่สักวันจะปรากฏและเปิดออก” ผมได้แต่ก้มหน้ารับความหวังนั้นผมทำได้แค่นั้นก้มหน้าก้มตารับสิ่งที่ความหวังบอกผม ผมไม่สามารถถามหรือไม่สามารถสงสัยในสิ่งที่ความหวังบอกผมได้แม้แต่นิดเดียว

    “กรอบแห่งชีวิต”คือสิ่งที่น่ากลัวสำหรับผมมันโหดร้ายและไม่ปราณีต่อให้ผมอ้อนวอนสักแค่ไหนกรอบแห่งชีวิตก็จะไม่ปราณีหรือสงสารเลยแม้แต่น้อยสิ่งที่น่าขนลุกกว่านั้นคือหันมาแสยะยิ้มมุมปากใส่ผม…วิธีเอาชนะหรอ?ผมไม่ทราบ…ผมทราบแต่เพียงสิ่งนี้ทำหน้าที่ผลักดันผมไปเรื่อยๆวิ่งต่อไปเรื่อยๆวิ่งจนขาลากวิ่งจนผมแทบขาดใจวิ่งจนกว่าจะถึงจุดสิ้นสุดวิ่งจนกว่าผมจะดับสูญกลายเป็นฝุ่นผงในห้องสี่เหลี่ยมที่ไม่มีแม้แต่ทางออก

    “ถ้ามีโอกาสผมอยากฮุคซ้ายใส่ผู้สร้างสรรค์สัก1ครั้ง”



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in