เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
INCLUDE | HUNHANhuan_97
06 Smile
  • THAI VERSION
    โ อ บ กิ จ x ลั ล ณ า


    0
    "ตอนนี้นะครับ ฝั่งโรงเรียนK กำลังขึ้นนำฝั่งโรงเรียนMแล้วนะครับ เหลืออีกสามนาทีสุดท้ายจะจบเกมส์นะครับ!"

    เสียงของโฆษกประจำสนามป่าวประกาศให้ทราบทั่วกัน วัตถุทรงกลมสีส้มกระทบพื้นเป็นจังหวะ มือหนาของเด็กหนุ่มเสื้อสีน้ำเงินปัดทิ้งได้ทันก่อนจะวิ่งขึ้นนำไป โอบกิจแทบอยากจะถลาเข้าไปต่อยหน้าไอ่คนที่มันปัดบอลจากมือเขา แต่ก็ต้องเก็บอาการและเล่นต่อไปอย่างเต็มความสามารถ

    ดวงตาคมแต่เล็กมองไปยังจอดิจิตัลที่บอกเวลา มันเหลืออีกไม่ถึงนาทีที่พวกเขาจะสามารถทำอีกหนึ่งแต้มเพื่อตีเสมอโรงเรียนKได้ โอบกิจหาโอกาสที่จะชิงลูกบอลมาและมันสำเร็จ เขาวิ่งและเลี้ยงบอลไปส่งให้กับเพื่อนร่วมทีมตัวสูง ชานนท์รับมาและชู้ทเข้าห่วงด้วยความแม่นยำ แต่ดันพลาด ลูกบาสไปกระทบกับแป้นและกระดอนออกมาในวินาทีถัดมา

    ปรี๊ดดดด!!

    เสียงนกหวีดเป็นสัญญาณว่าการแข่งขันได้สิ้นสุดลง เหล่ากองเชียร์ของโรงเรียนKเฮลั่นสนาม ผิดกับอีกฝ่ายที่มีสีหน้าอมทุกข์ราวกับคนไม่ได้เขาห้องน้ำ

    มือหนายกน้ำเย็นที่แช่อยู่ในกระติกขึ้นดื่มแก้อาการกระหาย แน่นอนว่าพวกเขาทำดีที่สุดแล้วแต่โค้ชไม่เห็นด้วยกับความคิดนั้น

    "พวกเธอเล่นกันประสาอะไร ครูบอกให้คอยฝึกซ้อมเสมอแต่พวกเธอทำมั้ย? อย่าคิดว่าตัวเองเก่งแล้วจะไม่มาซ้อมก็ได้ เพราะมีคู่แข่งที่เก่งกว่าพวกเธออีกหลายเท่า วันนี้ก็เป็นบทเรียนสำหรับการแข่งนัดแรก สำหรับคะแนนที่ห่างกันหนึ่งแต้ม ครูยอมรับว่าพวกเธอเก่งในการลงสนามครั้งแรก หวังว่าครั้งต่อไปจะไม่ทำให้ครูผิดหวังอีก ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ครูจะรอที่รถ"

    "ครับ!" เหล่านักกีฬาตัวสูงรับคำก่อนจะทยอยกันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าตามคำสั่ง โอบกิจเปลี่ยนใส่ชุดพละสีน้ำเงินของโรงเรียน เขาตรวจสอบข้าวของที่เอามาให้แน่ใจ สองเท้าในรองเท้าผ้าใบคู่เก่งเดินออกมารอที่รถเป็นคนแรกๆ

    รถตู้ออกเดินทางเมื่อเหล่านักกีฬามากันพร้อมหน้า ใช้เวลาไม่นานก็กลับมาถึงโรงเรียน ในวันราชการที่โรงเรียนยังเปิดตามปกติ พี่ๆน้องๆหลายคนให้ความสนใจกับเหล่ารุ่นพี่ตัวสูงที่พากันทยอยลงรถ ออร่าความหล่อไปกองเป็นกระจุกเดียวอยู่ที่พวกเขาและรุ่นน้องผู้หญิงหลายคนชื่นชอบนักกีฬาบาสเกตบอลของโรงเรียนมาก

    โอบกิจโบกมือลากลุ่มเพื่อน เขาเดินตรงไปที่อาคารปูนสีขาวชั้นสอง ห้องเรียนของนักเรียนมัธยมห้าห้องสองเหลือเพียงนักเรียนหญิงคนเดียว เด็กสาวในวัยเดียวกันรับรู้ถึงแขกผู้มาเยือน ลัลณาหันมองพร้อมรอยยิ้ม ขัดกับใบหน้าบึ้งตึงของโอบกิจเป็นอย่างมาก

    "นายไม่ควรจะเดินหน้าบึ้งเข้ามานะโอ ยิ้มหน่อยสิ"

    "ให้ฉันยิ้มออกก็บ้าแล้ว แข่งบาสก็แพ้ แถมยังโดนอาจารย์ดุอีก" ชายหนุ่มกล่าว

    "ฉันก็บอกแล้วว่าให้นายไปซ้อม นายก็มัวแต่เล่นเกมส์"

    "ฉันก็ซ้อมเหอะ ว่าแต่เธอเถอะลัล ไปแข่งตอบปัญหามาเป็นไงบ้าง" โอบกิจถามกลับ

    "ก็ตกรอบแหละ" ลัลณายิ้ม

    "ตกรอบแล้วทำไมยังเอาแต่ยิ้มอยู่ได้ เธอควรจะเสียใจสิ" โอบกิจเอ่ยออกมาด้วยความสงสัย

    "ก็เพราะฉันทำดีที่สุดแล้วน่ะสิ ถึงจะตกรอบก็ไม่เสียใจหรอก นายเองก็ควรจะยิ้มบ้างนะ เอาแต่ทำหน้าบึ้งแบบนี้อยู่ได้" หญิงสาวว่า มือบางกระชับกระเป๋านักเรียนทรงสี่เหลี่ยมของตัวเองก่อนเดินจากไป ทำให้โอบกิจต้องรีบเดินตามออกไปด้วย

    ลัลณาในความคิดของโอบกิจเป็นคนมองโลกในแง่ดี ยิ้มง่าย เธอเป็นเพื่อนร่วมห้องของเขามาตั้งแต่เรียนประถมหกจนถึงปัจจุบัน รูปร่างของเธอค่อนข้างจะสูงกว่าผู้หญิงในวัยเดียวกัน ผมหางม้าสีดำตามระเบียบแกว่งไปมาเวลาเดิน เธอมักจะเดินนำหน้าเขาหนึ่งก้าวและเขาเดินตามหลังเธอหนึ่งก้าว ระยะห่างที่พอดีระหว่างเราคือหนึ่งก้าว

    โอบกิจยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมลัลณาถึงได้ยิ้มให้กับทุกสิ่ง เหตุผลของเธอยังทำให้เขาไม่เข้าใจ ถึงจะทำได้ดีขนาดไหนแต่ถ้ามันเกิดผิดที่คาดเอาไว้ก็น่าจะเสียใจสิ

    "พรุ่งนี้เจอกัน" หญิงสาวบอกลาเมื่อรถประจำทางจอดลงที่ป้าย โอบกิจโบกมือให้โดยไม่ได้พูดอะไร ทั้งคู่แยกทางกัน โอบกิจจะไปทางซ้ายส่วนลัลณาจะไปทางขวา บ้านของพวกเขาอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันแต่คนละซอย นี่อาจเป็นหนึ่งเหตุผลที่เขามาสนิทกับหญิงสาวก็ได้



    1
    "ไอ่โอๆ รุ่นพี่มอหกตามหามึงแหนะ" เสียงของเพื่อนคนหนึ่งเอ่ยเรียกเขาจากชั้นล่างของอาคารเรียน ร่างสูงที่นั่งรับลมอยู่ริมระเบียงรีบชะโงกออกไปดูก็พบว่าจรัสเป็นคนเรียกและยืนรออยู่ด้านล่าง จรัสเรียนอยู่ศิลป์-ภาษา เป็นคนตัวเตี้ยกว่าเขานิดหน่อย ใส่แว่น ร่างสูงในชุดนักเรียนไม่ได้ตอบ เขาเดินลงมาหาที่ด้านล่างก่อนจะโดนลากตัวไปยังตึกมอหกที่แยกไปเป็นเอกราชอยู่อีกอาคาร

    "พี่ๆครับ ไอ่โอบกิจมาแล้ว" จรัสพาเขามาที่กลุ่มรุ่นพี่ที่กำลังปั้นหน้าเครียดเหมือนคนไม่ได้เข้าห้องน้ำ โอบกิจยกมือสวัสดีพี่ๆก่อนจะถูกใครคนหนึ่งถามขึ้น

    "เราน่ะ มาเป็นดรัมเมเยอร์ให้วงโยฯหน่อยได้มั้ย พอดีว่าไอ่เอกมันขาเดี้ยงนอนอยู่บ้านโน้น พวกพี่กลัวว่ามันจะหายไม่ทัน"

    "แต่ผมต้องไปซ้อมบาสนะครับ ช่วงนี้โค้ชยิ่งเคี้ยวด้วย"

    "แล้วฉันจะไปหาใครมาแทนไอ่เอกมันเนี้ย งานกีฬาเบญจมิตรก็อีกไม่กี่อาทิตย์แล้วด้วย" รุ่นพี่กลับไปทำหน้าเครียดอีกครั้งเมื่อคำตอบไม่เป็นอย่างที่หวัง จรัสที่รับปากพวกรุ่นพี่ก็พลอยเครียดตามไปด้วย

    "ไอ่โอ ห้องมึงมีคนหน้าตาดีอีกมั้ยว่ะ?"

    "ผู้หญิงหรือผู้ชายหล่ะ"

    "ได้หมดแหละ"

    "ขอคิดก่อนนะ" โอบกิจว่า เขาเหลือบไปเห็นเพื่อนตัวเล็กกำลังเดินกลับจากการไปโรงอาหาร ลัลณาเองก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ มีรอยยิ้มที่อารีย์ให้กับคนทั้งโลกอีก เป็นดรัมเมเยอร์ได้ไม่ยากหรอก "มึงรู้จักลัลณามั้ย"

    "คนไหนว่ะ? ใช่คนที่ไปแข่งตอบคำถามป่ะ"

    "คนนั้นแหละ"

    "ดีเลย มึงไปติดต่อให้ทีดิ กูไม่สนิทว่ะ"

    "เผื่อใจไว้หน่อยก็ดีนะ เพื่อลัลปฏิเสธ"

    "แค่มึงปฏิเสธกูก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว" จรัสเอ่ยออกมาขำๆ ก่อนจะขอตัวไปทำธุระอย่างอื่นต่อ
    โอบกิจเดินกลับมาที่ห้องเรียน ในมือมีแก้วพลาสติกบรรจุน้ำหวานสีสวย สองเท้ามุ่งตรงไปยังเพื่อนตัวเล็กที่กำลังนั่งทำการบ้าน เขาวางแก้วน้ำลงก่อนจะทิ้งตัวลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

    "กินสิ ซื้อมาเผื่อ"

    "ขอบใจ ว่าแต่นายกำลังหวังผลอะไรอยู่รึเปล่า" มือบางยกน้ำขึ้นดื่ม

    "เป็นดรัมเมเยอร์ให้วงโยฯทีดิ พี่เขาฝากมาถาม"

    "จะบ้าหรอ ฉันควงไม้คฑาเป็นที่ไหนกัน แค่หน้าตาฉันก็ไม่ผ่านแล้ว" ลัลณาว่า ดินสอถูกใช้งานอีกครั้งเมื่อเธอพยายามที่จะหลบการกดดันจากสายตาคู่คม "นายไปถามไอริณห้องสี่ดูสิ"

    "ยัยนั่นเป็นเชียร์ลีดเดอร์ เธอนั่นแหละลัลณา" โอบกิจยังคงยืนยันที่จะเอาเธอเป็นดรัมเมเยอร์ให้ได้ สุดท้ายเธอก็ใจอ่อน การได้ทำสิ่งที่ไม่เคยทำก็น่าลองเหมือนกัน

    "ก็ได้ๆ ฉันเป็นก็ได้"

    "เป็นคำตอบที่ถูกใจสุดๆไปเลย" เขาว่าด้วยสีหน้าเรียบนิ่งแม้ในใจจะดีใจมากแค่ไหนก็ตาม



    2
    โอบกิจหนีซ้อมบาสมาดูเพื่อนตัวเล็กที่จะได้เป็นดรัมเมเยอร์ซ้อมควงไม้คฑากร ท่าทางของลัลณาดูเงอะงะจนรุ่นพี่ที่เป็นศิษย์เก่าต้องกลับมาช่วยฝึกซ้อมให้อีกแรง ไม้คฑากรถูกยกขึ้นยกลงตามจังหวะ เพราะเธอเป็นคนเรียนรู้อะไรได้เร็ว การซ้อมก็เลยดูง่ายขึ้น

    "เดี๋ยวพี่จะสอนโยนนะ ดูพี่ก่อน" พี่พิมพ์อร รุ่นพี่คนสวยอดีตดรัมเมเยอร์ของโรงเรียนเอ่ยขึ้น "แขนขวาแนบลำตัว มือจับปลายไม้ไว้ แขนซ้ายตั้งฉากขนานกับพื้น มือจับด้ามไว้ แล้วก็ใช้มือขวาดันปลายขึ้นมาแล้วโยน ใช้มือขวารับไม้แล้วถือเอียงสี่สิบห้าองศาแบบนี้" รุ่นพี่สาวอธิบายวิธีการพร้อมทำให้ดู ลัลณาเห็นแบบนั้นก็ลองบ้าง เธอทำตามที่พี่สาสบอกทุกอย่างแต่ตอนรับนี่สิ เธอกลัวว่าจะใช้หัวรับไม้แทนมือจริงๆ

    "ฝึกไปเรื่อยๆนะ เดี๋ยวพี่มา"

    "ค่ะ" เมื่อพี่พิมพ์อรเดินจากไปแล้วโอบกิจก็รีบดิ่งมาหาเพื่อนร่วมห้องทันที เขายื่นขวดน้ำที่มีน้ำอยู่ครึ่งขวดให้ ลัลณารับมาก่อนจะเอาขวดน้ำดังกล่าวฟาดที่แขนล่ำๆเข้าให้

    "ตีทำไม เจ็บนะเว้ย"

    "กินไปเกือบครึ่งจะเอามาให้ต่อทำไม น่าเกลียด"

    "น่าเกิงน่าเกลียดอะไร เพื่อนกัน"

    "ถึงแต่จะเป็นเพื่อนกันแต่ก็ช่วยดูด้วยว่าฉันเป็นผู้หญิงนะ จะให้กินน้ำขวดเดียวกันได้ไงเล่า" ลัลณาว่า มือเล็กยังคงซ้อมควงและโยนไม้คฑาอย่างแข็งขัน เพราะว่าเธอคือผู้นำของวงโยทวาทิตและจะเสียหน้าในที่สาธารณะไม่ได้เด็ดขาด อีกอย่างเธอก็ได้รับความไว้วางใจจากทุกคนในวงโยฯและรุ่นพี่ที่สละเวลามาสอนให้ เธอจะต้องทำได้!

    คิดได้แบบนั้น ลัลณาก็ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ร่างเล็กเริ่มฝึกซ้อมอีกครั้งด้วยความตั้งใจ โอบกิจเองเห็นแบบนั้นก็เบาใจที่เพื่อนของเขาทำได้ ในตอนแรกก็นึกว่าจะพังไม่เป็นท่า แต่รอยยิ้มที่แสดงออกมากับท่าทางมุ่งมั่นทำให้เขามั่นใจว่ามันจะต้องไปได้สวยอย่างแน่นอน

    "ไอ่โอ! มึงมายืนหลีสาวอะไรอยู่ตรงนี้ อาจารย์แม่งถามหาแล้ว" ร่างสูงโปร่งของชานนท์วิ่งหอบเข้ามา เขาถูกอาจารย์ใช้ให้มาตามหาลูกศิษย์สันหลังยาวแบบไอ่โอบกิจให้ไปซ้อม แต่ก็ดูเหมือนจะเจอแจ็คพ็อต ชานนท์ไม่คิดเลยว่าเพื่อนร่วมห้องอย่างลัลณาที่เก่งแต่วิชาการจะมายืนควงไม้คฑากรเป็นดรัมเมเยอร์ได้

    "โห๋~ เพิ่งจะเห็นลัลทำอะไรอย่างอื่นนอกจากเรียนก็คราวนี้แหละ"

    "นี่ชมหรือแอบด่าเราเนี่ยช้าง นายมาก็ดีแล้ว พาโอกลับไปซ้อมเลย เดี๋ยวถูกโค้ชด่าอีก"

    "ตอนมันไม่โผล่หัวไปที่สนามบาสเมื่อสี่โมงตรงนะ อาจารย์ก็ด่ามันแล้วลัล กลับไปตอนนี้น่าจะโดนชุดใหญ่"

    "สมน้ำหน้า ชอบโดดดีนัก"

    "เดี๋ยวพ่อเอาไม้เขกหัวให้ เจอกันหกโมงที่หน้าโรงเรียนนะ" โอบกิจว่าก่อนจะเดินตามเพื่องสูงโปร่งไป



    3
    งานกีฬาเบญจมิตรถูกจัดขึ้นในวันแรกของเดือนสิบเอ็ด เวลาฟิตซ้อมหมดลง ความเหนื่อยล้าถูกแทนที่ด้วยความตื่นเต้น โอบกิจถูกแม่ปลุกมาขึ้นมาตอนตีสามเพื่อที่จะให้เขาไปส่งลัลณาที่โรงเรียน แม่ของเขาและลัลณารู้จักกันในฐานะรุ่นพี่รุ่นน้องสมัยเรียนมหาวิทยาลัย แถมแม่ของเขายังเอ็นดูลัลณาเหมือนลูกแท้ๆในไส้ เขามักจะกลายเป็นขี้ข้าและหมาหัวเน่าเสมอเวลาที่แม่ของลัลณามา

    รถมอเตอร์ไซค์ของพ่อถูกนำมาใช้ในการนี้โดยเฉพาะ ชายหนุ่มอาบน้ำแปรงฟันก่อนจะเดินออกมาพร้อมนมกล่องในมือ โอบกิจวางมันลงหน้ารถ สวมหมวกกันน็อกก่อนจะขี่ออกไป

    เขามารับลัลณาที่บ้านซึ่งเจ้าตัวก็นั่งรออยู่ก่อนแล้ว หมวกกันน็อกที่หยิบติดมาด้วยถูกยื่นให้เพื่อนตัวเล็กพร้อมกับนมกล่องนั้น

    รถมอเตอร์ไซค์จอดลงที่ตึกมอหก มีทั้งครูและนักเรียนมอปลายอยู่กันเต็มลาน โอบกิจดับรถและเดินตามลัลณาที่เดินออกหน้าไปด้วยท่าทีง่วงหว่าวหาวนอน

    "โอกลับไปนอนก่อนก็ได้นะ"

    "เอางั้นหรอ?"

    "อือ นอนให้อิ่ม ตื่นมาจะได้สดชื่น มีแข่งด้วยไม่ใช่รึไง"

    "ก็มี งั้นไปแล้วนะ"

    "อือ ขับดีๆล่ะ แล้วก็ทำให้ดีที่สุด จะแพ้ก็ไม่เป็นไร" โอบกิจพยักหน้าให้แทนคำตอบ ชายหนุ่มขี่รถกลับบ้านและทิ้งตัวลงบนเตียงต่อด้วยความง่วง

    กริ๊ง!

    เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น มือหนาควานหาตัวต้นเสียงและปิดมัน เขายันกายลุกขึ้นนั่งในตาสามารถปรับรับแสงได้ โอบกิจคว้าผ้าขนหนูและเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ หลังจากนั้นก็แต่งตัวและลงมาทานมื้อเช้าก่อนจะออกบ้านมาในเวลาเจ็ดโมงตรง

    สนามกีฬาของโรงเรียนCถูกเนรมิตให้เหมาะสมกับงานกีฬาที่ทุกๆสองปีจะมีการจัดขึ้นหนึ่งครั้ง เรียกว่าเป็นประเพณีระหว่างทั้งห้าโรงเรียนเลยก็ว่าได้

    ชายหนุ่มเดินตรงมาที่สแตนของโรงเรียนตนเอง มีน้องๆหลายคนนั่งเรียงกันเต็มพื้นที่ พวกนักกีฬาประเภทต่างๆก็นั่งประจำจุดตามที่ครูบอกเอาไว้ ขบวนพาเหนดเริ่มเคลื่อนเข้ามาภายในสนามเริ่มจากโรงเรียนเจ้าภาพและโรงเรียนของเขาเป็นโรงเรียนลำดับที่สามในขบวน

    "โรงเรียนต่อไปนะคะ เป็นโรงเรียนMค่ะ คฑากรคือนางสาวลัลณา ใจมั่น นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ห้านะคะ เดินนำขบวนวงโยทวาทิตเข้าสู่สนามค่ะ ตามด้วยผู้ถือป้ายโรงเรียน..." หลังโฆษกประกาศเรียนนาม ผู้คนในสนามก็ฮือฮากันยกใหญ่เพราะเห็นทุกการแข่งจะเป็นดรัมเมเยอร์ผู้ชายใจหญิงอย่างเอกราช ลัลณาใส่เสื้อแขนกุดประดับพลอยสีน้ำเงิน มีผ้าระบายเป็นชั้นที่แขนเสื้อ สวมกางเกงขาม้าและรองเท้าส้นสูง ผมสีดำเงาถูกทำให้คล้ายกับทรงผมของเจ้าสาว มีดอกไม้ประดับ

    รอยยิ้มแสนสดใสถูกแจกจ่ายให้กับทุกคนที่ร่วมงานในวันนี้ มือบางกำไม้คฑาแน่นและยกขึ้นลงตามจังหวะดนตรี จุดไคลแม็กซ์ที่ทุกคนอยากเห็นก็คงไม่พ้นจากโยนไม้คฑา ลัลณาทำตามตามที่รุ่นพี่สอนไว้ ไม้ถูกโยนขึ้นบนอากาศและตกลงมาสู่มือของเธอพอดี เรียกเสียงปรบมือจากผู้คนได้ไม่น้อย

    "แหล่มๆ เด็กมึงสุดยอดเลยว่ะไอ่โอ" จรัสเดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้ม

    "ลัลเพื่อนกู มึงเรียกๆดีเลยนะไอ่โจง"

    "กูขอโทษที สงสัยเจ๊เอกจะตกงานแล้วว่ะ"

    "ทำไมวะ ลัลแค่มาเดินให้วันนี้ไม่ใช่หรอ"

    "คิดหรอว่าพวกรุ่นพี่จะปล่อยให้หลุดมือ ปีนี้เจ๊เอกมันก็จะจบแล้ว เพื่อนมึงไม่รอดแน่"

    "เดี๋ยวนักกีฬาบาสเตรียมลงสนามนะ" สตาฟฟ์เข้ามาแจ้ง เหล่านักกีฬาประเภทต่างๆจึงไปตามที่นัดหมาย โอบกิจเดินไปรวมกับเพื่อนวัยเดียวกันที่สนามบาสของโรงเรียนC นัดแรกของพวกเขาต้องแข่งกับโรงเรียนเจ้าภาพ โรงเรียนMสามารถเอาชนะโรงเรียนอื่นมาได้จนเข้ารอบชิงชนะเลิศกับโรงเรียนKเจ้าเก่าเจ้าเดิม

    ลัลณาที่เปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วก็โดนบุษกรลากไปยังโรงยิม ผู้คนนั่งกันแน่นสนามจนคนมาทีหลังต้องยืน จรัสที่นั่งดูอยู่ก่อนกับเพื่อนอีกสองคนเห็นจึงเรียกให้ไปนั่งด้วยกันเพราะมีที่ว่างสองที่พอดีแถมยังอยู่ด้านหน้าๆด้วย

    "เนี่ย เราจองที่ไว้ให้ลัลกับบัวเลยนะ"

    "ขอบใจโจงมานะ ไม่งั้นเราสองคนคงได้ยืนดูแน่"

    "เล็กน้อยหน่า การแข่งจะเริ่มแล้ว" จรัสดึงความสนใจของหญิงสาวทั้งคู่ให้จดจ่อกับการแข่ง นักกีฬาของทั้งสองฝ่ายเดินลงสนามพร้อมซาวด์เสียงจากกองเชียร์ เสียววินาทีที่โอบกิจมองไปยังอัฒจันทร์ รอยยิ้มที่สดใสของลัลณาก็ปรากฎแก่สายตา

    "ไอ่โอ มึงหูแดง ร้อนหรอวะ" เพื่อนร่วมทีมคนหนึ่งถามขึ้นเมื่อสังเกตได้ถึงใบหูของชายหนุ่ม โอบกิจแสร้งตีหน้านิ่งตามเดิมและตอบไปว่าไม่มีอะไร

    "กูรู้ละว่าทำไมไอ่โอหูแดง มึงมองขึ้นไปที่อัฒจันทร์นะเว้ย แล้วมึงจะเห็นรอยยิ้มของไอ่โอบกิจ" เพื่อนร่วมทีมอีกคนสังเกตอยู่นานจึงเอ่ยขึ้นบ้าง เพื่อนคนแรกจึงลองทำตาม เขาเห็นรอยยิ้มของดรัมเมเยอร์คนใหม่ของโรงเรียน รอยยิ้มที่มีพลังงานบางอย่างอัดกระแทกเข้ากลางใจใครหลายๆคนแต่ก็ไม่ได้ทำให้เขินขนาดหูแดงแบบโอบกิจ

    ปรี๊ดดด!!

    การหยอกล้อจบลงก่อนที่เกมในสนามจะดำเนิน เนื่องจากว่าเคยเล่นด้วยกันมาก่อนแล้วครั้งหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายต่างรู้แกวของกันและกันมาบ้างทำให้คะแนนของทั้งคู่ไล่ตีเสมอกันมา

    "เย้!" ลูกบาสลอยลงห่วงขฝ่ายโรงเรียนMทำให้แต้มของอีกฝ่ายนำไปได้ในสามนาทีสุดท้าย ชานนท์ที่เป็นหัวหน้าทีมเห็นท่าได้ดีจึงรีบเร่งทำคะแนน ลูกบาสถูกปัดออกจากมือของคู่แข่งโดยชานนท์ เข้ารีบวิ่งและส่งไม้ต่อให้กับเพื่อนร่วมทีมและส่งให้โอบกิจ มือหนารับบอลมาและดีดตัวดรั้งลูกลงห่วงอย่างสวยงาม เกมส์จึงกลับมาเสมอกันอีกครั้ง

    "ลัลดูไอ่โอดิ เท่ห์เป็นบ้าเลย" บุษกรที่ดูอยู่เอ่ยขึ้น

    "นั้นสิเนอะ" ลัลณาคล้อยตามอย่างว่าง่าย บนใบหน้ายังคงประดับด้วยรอยยิ้มอยู่

    เกมในสนามใกล้จบลง โรงเรียนKยังคงทำแต้มขึ้นนำได้เรื่อยๆจนทิ้งห่างกันมาก ซึ่งเมื่อคำนวณดูเวลาแล้ว พวกเขาไม่สามารถที่จะทำคะแนนตามได้เลยในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า แต่โอบกิจไม่คิดแบบนั้น เขาพยายามแย่งบอลมาจากอีกฝ่ายส่งให้เพื่อนร่วมทีมทำคะแนน ราวกับไฟในกายกำลังจะประทุ เขาจำได้เสมอที่ลัลณาพูด

    '่ทำให้ดีที่สุด จะแพ้ก็ไม่เป็นไร'

    เพราะแบบนั้น เขาจึงจะทำให้เต็มที่แม้ว่าผลที่ได้รับจะเป็นยังไงก็ตาม



    4
    22-20

    ฝ่ายโรงเรียนKเป็นผู้ครองแชมป์อีกตามเคย พวกเขาเข้าไปจับมือกันเพื่อมิตรภาพ ถึงแม้จะเป็นคู่แข่งกันทางด้านกีฬาแต่เรื่องมิตรภาพย่อมสำคัญที่สุด เหล่านักกีฬากลับเข้ามานั่งพัก มือหนาที่กำลังเอื้อมหยิบน้ำในกระติกชะงักเมื่อมีไอเย็นมาสัมผัสที่ต้นคอ เป็นลัลณาที่ยื่นขวดน้ำเย็นมาให้

    "วันนี้นายเก่งที่สุดเลยโอ เก่งมากๆ"

    "เก่งเกิงอะไร ถ้าเก่งก็ต้องชนะแล้วสิ" โอบกิจทำหน้าบึ้ง

    "แล้วนายคิดว่าตัวเองทำดีที่สุดรึยังหล่ะ"

    "แน่นอน ฉันทุ่มหมดตัวเลยเพื่องานนี้"

    "ถ้างั้นก็ไม่ต้องทำหน้าบึ้ง แล้วยิ้มออกมาซะ"

    "..." โอบกิจยังคงปั้นหน้านิ่งไม่สนใจ

    "When you smile at one, he smiles at you. แปลว่าอะไร"

    "เมื่อคุณยิ้มให้เขา เขาก็จะยิ้มให้คุณ ง่ายจะตาย"

    "ง่ายแล้วทำไมไม่ยิ้มล่ะ ฉันยิ้มให้นายแล้ว นายก็ควรยิ้มให้ฉันบ้างสิ"

    "งั้นยิ้มให้ฉันอีกรอบสิ ฉันจะยิ้ม" โอบกิจต่อรอง ลัลณายอมยิ้มออกมา เช่นเดียวกับโอบกิจที่ยิ้มกลับไป พวกเขาทั้งคู่ต่างยิ้มให้กันและกัน รอยยิ้มเล็กๆจะสร้างมิตรภาพระหว่างพวกเขาไม่มากก็น้อย แต่สำหรับชายหนุ่มแล้ว รอยยิ้มของผู้หญิงตรงหน้าคือดวงตะวันที่สดใส คอยให้แสงที่อบอุ่นและไม่ทำให้เขาอยู่ในความมืดที่เข้ามาในจิตใจ

    "ลัล เธอเองก็เก่งมากเลยนะ เป็นดรัมเมเยอร์ที่ยิ้มสวยที่สุดในโลกเลย"

    "ขอบใจนะ นายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดเลย"

    "เธอก็เหมือนกัน ลัลณา จะเป็นอะไรมั้ยถ้าเกิดว่า... ฉันอยากเป็นมากกว่าเพื่อน"

    "ไว้นายสอบติดวิทย์ธรณี เราค่อยคุยกันนะเรื่องนี้น่ะ"

    "โธ่! ทีไอ่ช้างกับบัวยังเป็นแฟนกันแล้วเลย"

    "ดีแค่ไหนแล้วที่ฉันไม่บอกให้รอถึงเรียนจบมหา'ลัยคะคุณโอบกิจ"

    "ลัลณาาาา"

    "ไม่งอแงนะ กลับบ้านกัน"

    :)


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in